วันครีษมายัน
วันที่ 21 มิ.ย. 2560 เป็นวันครีษมายัน หรือวันที่ดวงอาทิตย์เคลื่อนมายังจุดที่อยู่ทางทิศเหนือมากที่สุดในรอบปี
โดย...วรเชษฐ์ บุญปลอด
วันที่ 21 มิ.ย. 2560 เป็นวันครีษมายัน หรือวันที่ดวงอาทิตย์เคลื่อนมายังจุดที่อยู่ทางทิศเหนือมากที่สุดในรอบปี สำหรับเขตอบอุ่นซึ่งมี 4 ฤดูในซีกโลกเหนือ ทางดาราศาสตร์ถือว่าเป็นการสิ้นสุดของฤดูใบไม้ผลิ และเป็นวันเริ่มต้นฤดูร้อน ส่วนเขตอบอุ่นในซีกโลกใต้ถือว่าเป็นการสิ้นสุดของฤดูใบไม้ร่วงและเริ่มต้นฤดูหนาว บางแห่งในซีกโลกเหนือถือว่าวันนี้เป็นกลางฤดูร้อน อย่างในปฏิทินจีนซึ่งฤดูร้อนเริ่มต้นราววันที่ 6 พ.ค. ประเทศไทยซึ่งอยู่ในเขตร้อนใกล้เส้นศูนย์สูตรในซีกโลกเหนือกำลังอยู่ในฤดูฝน แต่ก็สามารถสังเกตการเปลี่ยนแปลงอันเกี่ยวข้องกับครีษมายันได้
คำว่าครีษมายัน (อ่านว่า ครีด-สะ-มา-ยัน) ประกอบด้วยคำว่าครีษมซึ่งมาจากภาษาสันสกฤตที่แปลว่าฤดูร้อน และอายนในภาษาสันสกฤตที่แปลว่าจุดสุดหรือจุดหยุด หมายถึงตำแหน่งที่ดวงอาทิตย์หยุดนิ่งในฤดูร้อน นอกจากนี้ยังเรียกว่าอุตตรายัน ประกอบด้วยคำว่าอุตตรซึ่งมาจากภาษาบาลีที่แปลว่าทิศเหนือ และอายนในภาษาสันสกฤต หมายถึงตำแหน่งที่ดวงอาทิตย์หยุดนิ่งทางทิศเหนือ จุดที่อยู่ตรงกันข้ามกับครีษมายันหรืออุตตรายันคือจุดเหมายันหรือทักษิณายัน หมายถึงตำแหน่งที่ดวงอาทิตย์หยุดนิ่งในฤดูหนาวหรือหยุดนิ่งทางทิศใต้ ซึ่งเกิดขึ้นประมาณวันที่ 21-22 ธ.ค.ของทุกปี
การหยุดนิ่งมิได้หมายถึงดวงอาทิตย์อยู่นิ่งจริงๆ ดวงอาทิตย์ยังคงเคลื่อนที่ไปรอบดาราจักรทางช้างเผือก และมีตำแหน่งเคลื่อนที่ไปทางทิศตะวันออกเมื่อสังเกตจากโลก สิ่งที่อยู่นิ่งคือตำแหน่งดวงอาทิตย์ขึ้นและตกที่ขอบฟ้าซึ่งแทบจะไม่แตกต่างกันเลยในช่วงวันที่ 20-21-22 มิ.ย.
ตำแหน่งดวงอาทิตย์บนท้องฟ้าขึ้นอยู่กับตำแหน่งของโลกบนวงโคจรและตำแหน่งของผู้สังเกตบนผิวโลก แกนหมุนของโลกทำมุมกับแนวดิ่งซึ่งตั้งฉากกับวงโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์เป็นมุมประมาณ 23.5 องศา เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดฤดูกาลบนโลก วันครีษมายันเป็นวันที่ขั้วโลกเหนือหันเข้าหาดวงอาทิตย์มากที่สุดในรอบปี ดวงอาทิตย์จึงปรากฏเยื้องไปทางทิศเหนือมากที่สุด หากเราไปยืนอยู่เหนือเส้นละติจูด 66.5 องศาเหนือ ขึ้นไปถึงขั้วโลกเหนือ เราจะเห็นดวงอาทิตย์อยู่บนท้องฟ้าตลอด 24 ชั่วโมง แม้แต่เวลาเที่ยงคืนก็เห็นดวงอาทิตย์ได้หรือที่เรียกว่าอาทิตย์เที่ยงคืน กลับกัน หากเราไปยืนใต้เส้นละติจูด 66.5 องศาใต้ ลงไปถึงขั้วโลกใต้จะเป็นกลางคืนตลอด 24 ชั่วโมง
สำหรับประเทศไทย เราไม่มีอาทิตย์เที่ยงคืนเพราะละติจูดของประเทศไทยอยู่ต่ำเกินไป แต่เราก็สามารถรับรู้และสังเกตเห็นผลจากการที่ดวงอาทิตย์มีตำแหน่งเยื้องไปทางทิศเหนือได้ โดยดูได้จากตำแหน่งดวงอาทิตย์ขึ้นและตกในแต่ละวัน ดวงอาทิตย์จะขึ้นไม่ตรงกับทิศตะวันออกจริง (ทิศที่อยู่ทางขวาทำมุมตั้งฉากกับทิศเหนือ) และดวงอาทิตย์จะตกไม่ตรงกับทิศตะวันตกจริง (ทิศที่อยู่ทางซ้ายทำมุมตั้งฉากกับทิศเหนือ) แต่ค่อนไปทางทิศเหนือทั้งขณะขึ้นและตก
สิ่งที่เรารับรู้ได้อีกอย่างหนึ่งคือเวลากลางวันมีระยะเวลายาวนานกว่ากลางคืนอย่างรู้สึก เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงเวลาที่กลางวันมีระยะเวลายาวนานที่สุดในรอบปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากไม่มีเมฆฝนรบกวน เราจะพบว่าท้องฟ้าสว่างเร็วในเวลาเช้ามืดและมืดช้าในเวลาหัวค่ำ ตรงกันข้ามกับฤดูหนาวที่ท้องฟ้าสว่างช้าในเวลาเช้ามืดและมืดเร็วในเวลาหัวค่ำ ปรากฏการณ์ลักษณะนี้เห็นได้ชัดมากสำหรับประเทศที่ตั้งอยู่ในละติจูดสูงขึ้นไปอย่างในประเทศจีน สหรัฐอเมริกา หรือยุโรป เช่น วันครีษมายันลอนดอนมีเวลากลางวันยาวนานถึง 16 ชั่วโมง 38 นาที ขณะที่กรุงเทพฯ มีเวลากลางวันยาวนาน 12 ชั่วโมง 56 นาที
หลังจากวันครีษมายัน ตำแหน่งดวงอาทิตย์ขึ้นที่ขอบฟ้าจะค่อยๆ ขยับไปทางขวามือมากขึ้นทุกวัน ดวงอาทิตย์จะขึ้นตรงทิศตะวันออกพอดีอีกครั้งในวันที่ 23 ก.ย. 2560 และยังคงขยับต่อไปอีกจนกระทั่งถึงจุดสุดหรือจุดหยุดนิ่งทางทิศใต้ในวันที่ 21 ธ.ค. 2560 ซึ่งถือเป็นวันเริ่มต้นฤดูหนาวในซีกโลกเหนือ วันนั้นกรุงเทพฯ มีเวลากลางวันยาวนาน 11 ชั่วโมง 19 นาที
วันครีษมายันในปฏิทินเกรกอรีหรือปฏิทินสากลไม่ตรงกันทุกปี ส่วนใหญ่อยู่ในวันที่ 21 มิ.ย. แต่สามารถขยับไปเป็นวันที่ 20 หรือ 22 มิ.ย.ก็ได้ในบางปี ขึ้นอยู่กับตำแหน่งดวงอาทิตย์จริงบนท้องฟ้า โดยจะไม่เปลี่ยนแปลงไปมากนักในอีกหลายร้อยหรือเป็นพันปีข้างหน้า เนื่องจากปฏิทินได้กำหนดกฎการคำนวณสอดคล้องใกล้เคียงกับฤดูกาลแล้ว
ปรากฏการณ์ท้องฟ้า (18-25 มิ.ย.)
เวลาหัวค่ำหลังดวงอาทิตย์ตกมีดาวอังคาร ดาวพฤหัสบดี และดาวเสาร์อยู่บนท้องฟ้า ดาวอังคารอยู่ในกลุ่มดาวคนคู่โดยมีความสว่างน้อยและมีตำแหน่งอยู่ใกล้ขอบฟ้าจนสังเกตได้ยาก ดาวพฤหัสบดีอยู่ในกลุ่มดาวหญิงสาว สว่างที่สุดในสามดวงนี้ มองเห็นอยู่สูงบนท้องฟ้าด้านทิศใต้เมื่อท้องฟ้าเริ่มมืดลง จากนั้นเคลื่อนต่ำลงไปทางทิศตะวันตก ตกลับขอบฟ้าในเวลาประมาณตี 1
ดาวเสาร์อยู่ในกลุ่มดาวคนแบกงู ค่อนไปทางด้านที่ติดกับกลุ่มดาวคนยิงธนู ดาวเสาร์เพิ่งจะผ่านตำแหน่งตรงข้ามกับดวงอาทิตย์และใกล้โลกที่สุดในรอบปีไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ช่วงนี้จึงเห็นดาวเสาร์อยู่เหนือขอบฟ้าทิศตะวันออกเฉียงใต้ในเวลาหัวค่ำ ผ่านจุดสูงสุดบนท้องฟ้าทิศใต้ในเวลาเที่ยงคืน และตกลับขอบฟ้าทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ในเวลาตี 5 ครึ่ง
ดาวศุกร์อยู่ในกลุ่มดาวแกะ เห็นเป็นดาวสว่างโดดเด่นอยู่บนท้องฟ้าเวลาเช้ามืด โดยเริ่มเห็นได้เมื่อดาวศุกร์ขึ้นมาอยู่เหนือขอบฟ้าทิศตะวันออกตั้งแต่หลังตี 3 จากนั้นเคลื่อนสูงขึ้นเรื่อยๆ มีมุมเงยประมาณ 30 องศา ในเวลาตี 5
สัปดาห์นี้เป็นครึ่งหลังของข้างแรม ดวงจันทร์เสี้ยวอยู่บนท้องฟ้าเวลาเช้ามืด วันพุธที่ 21 มิ.ย. 2560 ดวงจันทร์อยู่ใกล้ดาวศุกร์ที่ระยะ 3 องศา ส่วนความสว่างของดวงจันทร์ลดลงพร้อมกับเข้าใกล้ดวงอาทิตย์มากขึ้นทุกวัน ดวงจันทร์เคลื่อนมาอยู่ทิศทางเดียวกับดวงอาทิตย์หรือที่เรียกว่าจันทร์ดับในวันที่ 24 มิ.ย.
สถานีอวกาศนานาชาติซึ่งโคจรรอบโลกที่ความสูงประมาณ 400 กิโลเมตร ปรากฏให้เห็นได้ด้วยตาเปล่าเมื่อแสงอาทิตย์ตกกระทบ โดยมีลักษณะเป็นดาวสว่างเคลื่อนที่บนท้องฟ้า คืนวันอาทิตย์ที่ 18 มิ.ย. 2560 กรุงเทพฯ และบริเวณใกล้เคียงมีโอกาสเห็นสถานีอวกาศเริ่มปรากฏใกล้ขอบฟ้าทิศตะวันตกเฉียงเหนือในเวลา 20.00 น. จากนั้นเคลื่อนสูงขึ้นไปทางซ้าย ผ่านจุดสูงสุดบนท้องฟ้าทิศตะวันตกเฉียงใต้ในเวลา 20.04 น. ที่มุมเงย 57 องศา จากนั้นผ่านใกล้ดาวพฤหัสบดี สิ้นสุดการมองเห็นในเวลา 20.05 น. เมื่อสถานีอวกาศหายเข้าไปในเงามืดของโลกทางทิศใต้ขณะมีมุมเงย 38 องศา
หัวค่ำวันจันทร์ที่ 19 มิ.ย. 2560 ขณะท้องฟ้ายังไม่มืดดีนัก สถานีอวกาศเริ่มปรากฏใกล้ขอบฟ้าทิศตะวันตกเฉียงเหนือในเวลา 19.08 น. จากนั้นเคลื่อนสูงขึ้นไปทางขวา ผ่านจุดสูงสุดบนท้องฟ้าทิศตะวันออกเฉียงเหนือในเวลา 19.12 น. ที่มุมเงย 46 องศา จากนั้นเคลื่อนต่ำลง สิ้นสุดใกล้ขอบฟ้าทิศตะวันออกเฉียงใต้ในเวลา 19.15 น.


