สุระ คณิตทวีกุล แถวหน้าค้าปลีกไอที
หากวัดความสำเร็จของผู้ชายชื่อ “สุระ คณิตทวีกุล” ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คอมเซเว่น (COM7)
โดย...พูลศรี เจริญ
หากวัดความสำเร็จของผู้ชายชื่อ “สุระ คณิตทวีกุล” ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คอมเซเว่น (COM7) เป็นตัวเลข ฟันธงได้เลยว่าเขามาไกล
เห็นได้จากมูลค่ากิจการที่เพิ่มขึ้นหลังคอมเซเว่นเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เมื่อเดือน ส.ค. 2558 หรือเกือบ 2 ปีก่อน ในขณะนั้นหุ้นคอมเซเว่นมีมูลค่าหลักทรัพย์ หรือมาร์เก็ตแคป ณ ราคาขายต่อประชาชนครั้งแรก (ไอพีโอ) ที่ 4,020 ล้านบาท ล่าสุด (8 มิ.ย. 2560) เพิ่มเป็น 1.4 หมื่นล้านบาท
เมื่อวัดจากขนาดของทุน ก็ต้องบอกว่าวันนี้คอมเซเว่นใหญ่ขึ้น มีทุนจดทะเบียน 300 ล้านบาท เทียบกับเมื่อ 20 ปีก่อน ที่ สุระ เริ่มต้นด้วยทุนแค่ 1 แสนบาท เช่นเดียวกับยอดขายที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยปี 2559 ปิดตัวเลขที่ 1.7 หมื่นล้านบาท จากปี 2558 มีรายได้รวม 1.4 หมื่นล้านบาท
ปัจจุบันคอมเซเว่นประกอบธุรกิจค้าปลีกสินค้าไอทีรายใหญ่ในนาม BaNANA, Studio 7, BKK และ iCare สินค้าที่ขายครอบคลุมตั้งแต่แล็ปท็อป คอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ โทรศัพท์เคลื่อนที่ แท็บเล็ต และอุปกรณ์เสริมที่เกี่ยวข้องรวมกว่า 1 หมื่นรายการ ครอบคลุมกว่า 100 แบรนด์ทั่วโลก สินค้ามีราคาขายตั้งแต่หลัก 100 บาท จนถึงหลักแสนบาท มีลูกค้ากว่า 2 ล้านราย
เส้นทางสู่แถวหน้าธุรกิจค้าปลีกสินค้าไอทีของคอมเซเว่น เริ่มต้นในปี 2539 หรือเมื่อ 20 ปีก่อน จากการเป็นร้านค้าปลีกสินค้าไอทีในห้างพันธุ์ทิพย์พลาซ่า
ถัดมากลุ่มผู้ก่อตั้งได้เล็งเห็นถึงโอกาสในการเติบโตของธุรกิจสินค้าไอที ซึ่งในขณะนั้นประเทศไทยมีสัดส่วนประชากรที่เข้าถึงการใช้งานคอมพิวเตอร์ไม่ถึง 10% ของจำนวนประชากรทั้งประเทศ กลุ่มผู้ก่อตั้งจึงได้รวมตัวกันก่อตั้งบริษัทขึ้นเมื่อปี 2547 เพื่อขายสินค้าไอทีในลักษณะขายส่งให้กับร้านค้าปลีกทั่วประเทศ ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัทในขณะนั้น รวมทั้งขายปลีกผ่านหน้าร้านของตัวเองภายในห้างพันธุ์ทิพย์พลาซ่า
ผู้บริหารของบริษัทเห็นว่าธุรกิจขายปลีกสินค้าไอทีมีโอกาสในการเติบโตและมีข้อดีมากกว่าการขายส่ง จึงได้ปรับนโยบายการทำธุรกิจของบริษัทให้เน้นการขายปลีกสินค้าไอทีมากกว่าการขายส่ง โดยการเพิ่มจำนวนช่องทางร้านค้าขายปลีกให้มากยิ่งขึ้นผ่านการขยายสาขาร้านค้าของบริษัทไปยังศูนย์การค้าต่างๆ
การเข้าจดทะเบียนใน ตลท.มีส่วนสำคัญอย่างมากในการทำให้คอมเซเว่นยืนแถวหน้าค้าปลีกไอที สุระ บอกว่า เงินที่ได้จากการระดมทุน ได้นำไปขยายสาขาร้านค้าปลีก ชำระคืนเงินกู้ และเป็นเงินทุนหมุนเวียน เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งด้านเงินทุน รองรับการเติบโตด้วยการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายให้มากขึ้น อีกทั้งมีเป้าหมายที่จะรักษาความเป็นผู้นำในธุรกิจค้าปลีกสินค้าไอทีของประเทศ
“เราอาจไม่ได้เป็นเบอร์หนึ่งทุกเรื่อง ถ้าดูภาพรวมยอดขายสินค้าไอทีแบรนด์แอปเปิ้ลเราเป็นเบอร์หนึ่ง ธุรกิจมือถือเราท็อป 5 คอมพิวเตอร์เราเป็นเบอร์หนึ่ง” สุระ กล่าว
เขาบอกว่าจะมองตัวเองเหมือนอยู่ในลู่วิ่ง หรืออยู่ในเลนของตัวเอง และยึดแนวคิดแบบนี้ตั้งแต่เล็กๆ
“ธุรกิจผมคนสำคัญที่สุด เรามีจุดนี้ได้เพราะคน การฝึกอบรม การอัพเดทข้อมูล เป็นสิ่งสำคัญสำหรับธุรกิจค้าปลีกไอที เพราะเกี่ยวข้องกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค โลกเปลี่ยนเร็วมาก เทคโนโลยีที่เปลี่ยนเร็ว เราต้องปรับตัวให้เร็ว”
เมื่อถามถึงความมั่งคั่งส่วนตัวเรื่องราคาหุ้น หลังนำคอมเซเว่นเข้าจดทะเบียนใน ตลท. คำตอบที่ได้คือ คิดแต่เรื่องธุรกิจ สุดท้ายผลประกอบการจะสะท้อนมาที่ราคาหุ้น
หากวัดความสำเร็จของคอมเซเว่นเป็นระยะทาง สุระ ตอบว่า หากวัดระยะทางจากกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ตอนนี้คอมเซเว่นเดินทางมาถึง จ.นครสวรรค์ แล้ว
“เรายังเห็นโอกาสของธุรกิจอีกเยอะ” เขา ทิ้งท้าย


