posttoday

อ่านรัฐธรรมนูญ : ว่าด้วยสิทธิเสรีภาพของปวงชนชาวไทย

19 พฤษภาคม 2560

ในโลกของอุดมคติ เราคาดหวังว่าคนในระบบการเมืองทุกคนจะมีระดับความรู้ความเข้าใจที่มากและใส่ใจในการหาความรู้เพิ่มเติมอยู่เสมอ

โดย...อรรถสิทธิ์ พานแก้ว

ในโลกของอุดมคติ เราคาดหวังว่าคนในระบบการเมืองทุกคนจะมีระดับความรู้ความเข้าใจที่มากและใส่ใจในการหาความรู้เพิ่มเติมอยู่เสมอ แต่ในโลกแห่งความเป็นจริง คนไม่ได้เป็นอย่างนั้น บางคนอาจไม่ใส่ใจกับการหาความรู้หรือทำความเข้าใจกับเรื่องการเมืองเลย แต่บางคนก็พยายามหาความรู้และทำความเข้าใจแต่ก็ยังมีในระดับที่ไม่มากพอ และบางคนก็มีความรู้ความเข้าใจที่มากพอที่จะแลกเปลี่ยนในทางการเมืองโดยไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบ แต่สำหรับคนสองประเภทที่กล่าวก่อนหน้านี้โอกาสที่จะพ้นจากการถูกเอารัดเอาเปรียบทางการเมืองจากความไม่รู้ของตนนั้นย่อมมีเสมอๆ

ความรู้ความเข้าใจในเรื่องการเมืองนั้นมีหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นความรู้เรื่องโครงสร้างทางการเมือง โครงสร้างอำนาจในทางปกครอง ความเป็นไปในทางการเมืองผ่านนักการเมืองและตัวแสดงทางการเมืองอื่นๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ความรู้ทางการเมืองนั้นไม่ได้เป็นการรู้ถึงดราม่าทางการเมืองที่นักการเมืองแสดงออกในเวทีการเมืองที่ทำไปเพื่อต่อรองผลประโยชน์ของตัวแต่อย่างใด

การอ่านรัฐธรรมนูญถือได้ว่าเป็นวิธีหนึ่งที่จะเพิ่มระดับความรู้ความเข้าใจในเรื่องการเมืองได้เป็นอย่างดี เพราะอย่างน้อยก็ทำให้คนอ่านได้รู้ว่าประเทศของเรามีการวางกฎกติกาในการอยู่ร่วมกันของคนในประเทศอย่างไร

ในหลายๆ ประเด็นที่ถูกเขียนอยู่ในรัฐธรรมนูญ ประเด็นแรกที่จะหยิบยกขึ้นมาอ่าน คือ ประเด็นที่ว่าด้วย “สิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐาน” ที่อยู่ในหมวด 3 ที่ว่าด้วยสิทธิเสรีภาพของปวงชนชาวไทยของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ซึ่งประกอบด้วยมาตรา 25 ถึงมาตรา 49 ซึ่งได้บัญญัติประเด็นของสิทธิเสรีภาพของประชาชนในหลายๆ ด้าน เมื่ออ่านแล้วก็ตีความหมายได้ว่าการบัญญัติในทำนองนี้ก็เพื่อทำให้เกิดหลักประกันในสิทธิและเสรีภาพของประชาชน โดยเฉพาะการระบุถึงการป้องกันไม่ให้ภาครัฐใช้อำนาจที่มาเข้ามาลิดรอนสิทธิและเสรีภาพของประชาชนได้ และที่สำคัญเนื้อหาในเรื่องของการกำหนดสิทธิและเสรีภาพขั้นพื้นฐานที่รัฐบาลต้องให้การคุ้มครองที่เท่าเทียมกัน ไม่มีการแบ่งแยกโดยเพศสภาพ ถิ่นกำเนิด เชื้อชาติ ศาสนา และอื่นๆ

หากมองตามหลักการของกฎหมายแล้ว รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันจะมีรายละเอียดในเรื่องของการให้สิทธิเสรีภาพน้อยกว่า รัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 แต่เนื้อหาของบทบัญญัติก็ยังคงสะท้อนหลักการสำคัญของเรื่องนี้ คือ สิทธิ (Rights) เสรีภาพ (Liberty) และรัฐธรรมนูญนิยม (Constitutionalism)

นอกจากการมีบทบัญญัติที่ระบุถึงการใช้สิทธิและเสรีภาพขั้นพื้นฐานตามที่รัฐธรรมนูญคุ้มครองไว้นั้น ในมาตรา 49 ยังได้บัญญัติว่าการมีสิทธิเสรีภาพนั้นจะต้องไม่ใช้เพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งทำให้เห็นได้ว่า รัฐธรรมนูญถูกเขียนมาไม่เพียงแค่การให้ความคุ้มครองทั้งสิทธิและเสรีภาพของประชาชน แต่ยังได้ครอบคลุมถึงการคุ้มครองระบอบการปกครองของรัฐอีกด้วย

เมื่อมองย้อนไปในรัฐธรรมนูญฉบับที่ผ่านๆ จะพบว่า บทบัญญัติในประเด็นของสิทธิและเสรีภาพของประชาชนนั้น ถูกบัญญัติไว้ตั้งแต่การมีรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม พ.ศ. 2475 เป็นต้นมา แต่อาจใช้ชื่อหมวดที่ต่างออกไป เพราะในการปรากฏครั้งแรกนั้นได้ใช้ชื่อว่า “สิทธิและหน้าที่ของชนชาวสยาม/ไทย” แต่ต่อมาได้ถูกเปลี่ยนชื่อมาเป็น “สิทธิและเสรีภาพของชนชาวไทย” ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2492 ซึ่งได้ใช้ชื่อนี้ในรัฐธรรมนูญอีกหลายฉบับ

โดยสิทธิและเสรีภาพที่รัฐธรรมนูญได้บัญญัติที่ให้สิทธิแก่ประชาชนนั้น มีตั้งแต่การให้บุคคลมีสิทธิเท่าเทียมกัน การให้เสรีภาพในการนับถือศาสนา การมีเสรีภาพในร่างกาย เคหสถาน ทรัพย์สิน การพูด การเขียน การโฆษณา การศึกษาอบรม การประชุมโดยเปิดเผย และการตั้งสมาคมการอาชีพ ซึ่งสิทธิและเสรีภาพเหล่านี้ปรากฏอยู่ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม พ.ศ. 2475 และต่อมาก็ได้เพิ่มเติมสิทธิเสรีภาพในทางการเมืองมากขึ้น เช่น “เสรีภาพบริบูรณ์ในการรวมกันเป็นพรรคการเมือง” ที่บัญญัติในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2492

ซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2492 นั้นถือได้ว่าเป็นต้นแบบให้รัฐธรรมนูญฉบับต่อๆ มาในเรื่องของการบัญญัติสิทธิและเสรีภาพขั้นพื้นฐานในเรื่องต่างๆ ของประชาชน เพราะได้มีขยายการให้สิทธิเสรีภาพแก่ประชาชนในหลายๆ เรื่อง เช่น สิทธิของบุคคลในทรัพย์สิน เสรีภาพบริบูรณ์ในการพูดการเขียน การพิมพ์ และการโฆษณา เสรีภาพบริบูรณ์ในการรวมกันเป็นพรรคการเมือง เสรีภาพในการเลือกถิ่นที่อยู่ เป็นต้น

จนกระทั่งถึงการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 ที่มีการบัญญัติเรื่องของสิทธิและเสรีภาพที่เพิ่มขึ้น เพราะได้มีมาตราถึง 40 มาตราด้วยกัน

และในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 บทบัญญัติในเรื่องของสิทธิและเสรีภาพของประชาชนก็ยังคงเดินตามแนวทางของรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 แต่ได้มีการจัดโครงสร้างบทบัญญัติที่ว่าด้วยสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานใหม่ โดยได้แบ่งเป็นส่วนย่อยต่างๆ ที่ประกอบด้วย “ความเสมอภาคกันในสิทธิและเสรีภาพ” “สิทธิและเสรีภาพส่วนบุคคล” “สิทธิในกระบวนการยุติธรรม” “สิทธิในทรัพย์สิน” “สิทธิและเสรีภาพในการประกอบอาชีพ” “เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของบุคคลและสื่อมวลชน” “สิทธิและเสรีภาพในการศึกษา” “สิทธิในการได้รับบริการสาธารณสุขและสวัสดิการจากรัฐ” “สิทธิในข้อมูลข่าวสารและการร้องเรียน” “เสรีภาพในการชุมนุมและการสมาคม” “สิทธิชุมชน” และ “สิทธิพิทักษ์รัฐธรรมนูญ”

การบัญญัติในเรื่องของสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชนในรัฐธรรมนูญนั้น ถือเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับเรื่องการแสดงออกทางการเมืองของประชาชนในฐานะ “พลเมือง” ในทางการเมือง การลิดรอนสิทธิจากรัฐจะทำไม่ได้ การบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญจึงเป็นเครื่องการันตีเป็นอย่างดี

อันที่จริงแล้ว สิทธิเสรีภาพของประชาชนนั้นมีอยู่แล้วตามธรรมชาติ การบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญไม่ควรจะเป็นเพียงแค่การบัญญัติให้มี แต่ควรต้องส่งเสริมให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม

ในที่สุดแล้ว การบัญญัติเรื่องของสิทธิเสรีภาพไว้ในรัฐธรรมนูญก็เพื่อเป็นการประกันสิทธิและเสรีภาพของประชาชนชาวไทยและทำให้เกิดความมั่นใจว่าประชาชนทุกๆ คนนั้นมีสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานที่เท่าเทียมกัน หรือกล่าวอีกทางหนึ่งว่า เป็นการให้การรับรองในการเป็น “พลเมือง” อย่างเท่าเทียมกัน และรัฐเองก็ไม่ใช่เป็นฝ่ายเดียวที่ต้องตระหนักและให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ ประชาชนพลเมืองทุกคนควรต้องรู้และเรียกร้องหากเกิดการลิดรอนสิทธิเสรีภาพตนในฐานะพลเมืองพึงได้รับ

ข่าวล่าสุด

"พลังงาน" สั่งเข้ม! ตรวจสอบปริมาณส่งออกน้ำมัน ทางบก-เรือ พร้อมร่วมมือกองทัพสกัดลักลอบส่งน้ำมันเข้ากัมพูชา