สวีเสี่ยวตง-กำลังภายในใครว่าไม่มีจริง
ความหลงใหลในกังฟูมีอยู่ทั่วโลก แต่คลิปสวีเสี่ยวตงนักสู้ MMA ไล่อัดเหลยเหล่ยปรมาจารย์ไทเก๊กลงไปกอง
โดย...นิธิพันธ์ วิประวิทย์
ความหลงใหลในกังฟูมีอยู่ทั่วโลก แต่คลิปสวีเสี่ยวตงนักสู้ MMA ไล่อัดเหลยเหล่ยปรมาจารย์ไทเก๊กลงไปกอง สลายมโนผู้คนมากมายลงภายในเวลาไม่ถึง 20 วินาที
ก่อนหน้านั้น สวีเสี่ยวตงมีปัญหากับมวยไทเก๊กมาตลอด เขาตราหน้าว่ามวยไทเก๊กเป็นเรื่องหลอกลวง ความพิสดารที่อวดอ้างกัน ที่จริงเป็นแค่การแสดง! แม้แต่ที่บอกว่าเป็นการฝึกเพื่อส่งเสริมสุขภาพร่างกาย เขาก็เห็นมีปรมาจารย์ไทเก๊กไม่น้อยที่แก่แล้วก็ต้องผ่าตัดหัวเข่าอยู่ดี!
ส่วนคู่ต่อสู้ครั้งนี้อีกคน คือ เหลยเหล่ย ปรมาจารย์ไทเก๊กสายสกุลหยาง เป็นหนึ่งในปรมาจารย์กังฟูที่สารคดี CCTV ชุด “10 นักสู้กังฟูตัวจริง” เลือกมาทำสารคดี
สารคดีนี้มี เอริก หนุ่มฝรั่งที่ฝึกฝนมวยสิงอี้ (มวยจีนสำนักหนึ่งที่เน้นการสะบัดหมัดและเตะอย่างรวดเร็ว) เดินเรื่อง ในตอนต้นเอริกประลองฝีมือกับนักมวยจีนที่ฝึกวิชามวยไทย พลังฝ่ามือเอริกใช่ย่อย ทำเอามวยไทยสัญชาติจีนถึงกับช้ำในและถูกหามลงเวที
แล้วเอริกก็ไปพบกับปรมาจารย์เหลยเหล่ย ซึ่งเคยเรียนทั้งมวยไทยและเทควันโดมาแล้ว แต่สุดท้ายมาปักหลักกับไทเก๊กสกุลหยาง ตัวเขาได้ชื่อว่าเป็นไทเก๊กสายนักสู้ ไม่ใช่แค่สายร่ายรำออกกำลัง เอริกท้าทายและลองวิชากับเหลยเหล่ยหลายตั้ง จนที่สุดก็ต้องยอมรับนับถือในมวยไทเก๊ก เหลยเหล่ยยังแสดงวิชาในตำนานไทเก๊กออกรายการ คือ ฝ่ามือกำลังภายในทะลุทะลวง เขาฟาดฝ่ามือเข้าที่ลูกแตงโมโดยเปลือกไม่บุบสลายแต่เนื้อภายในกลับบอบช้ำ รวมถึงแสดงการถ่วงดุลพลังควบคุมนกที่เกาะมืออยู่ไม่ให้บินหนีไปไหน
สวีเสี่ยวตงมีคติเสาะหาการต่อสู้ของจริง และรังเกียจการหลอกลวงเปิดคอร์สของบรรดาศาสตร์ศิลปะการป้องกันตัวจอมปลอมมาเนิ่นนาน จึงขอประลองกับเหลยเหล่ย เพราะเหลยเหล่ยเคยอวดอ้างในโลกโซเชียลว่า เขาสามารถปลดท่า Headlock (แบบที่นักสู้ MMA ใช้กัน) ได้อย่างง่ายดายด้วยมือข้างเดียว...
เป็นธรรมเนียมบู๊ลิ้มที่ก่อนประมือกันมักเริ่มด้วยการปะทะฝีปาก จากข้อความขอประลองที่สวีเสี่ยวตงตอบโต้ผ่าน inbox ส่วนตัว ปรมาจารย์เหลยเหล่ยรำคาญจึงเอามาแฉแบบ public ซึ่งมีเบอร์โทรศัพท์ของสวีเสี่ยวตงพร้อมสรรพ ผลคือสวีเสี่ยวตงโดนรังควานด้วยโทรศัพท์ก่อกวนไม่ได้หลับไม่ได้นอน...แฟนคลับกังฟูน้อยเสียที่ไหน
ดูจากโหวงเฮ้งก็รู้ว่าสวีเสี่ยวตงจะยอมได้อย่างไร โดยเฉพาะเมื่อเขาได้ข่าววงในแล้วว่า แตงโมในสารคดีนั้นทีมงานช่วยกันเอาผ้าคลุมแล้วกลิ้งกับหิน นกพิราบนั่นก็ใช้เชือกพันขาไว้แล้วถ่ายออกมาแต่ภาพมุมงัด แต่ความลับนี้สวรรค์ห้ามแพร่งพราย เพราะเดี๋ยวจะตกงาน ทีมงานบางคนจึงแค่แวะมาบอกสวีเสี่ยวตงให้เอาบุญ
ผลทั้งหมดก็กลายเป็นคลิป 20 วินาทีที่เห็น (สวีเสี่ยวตงอ้างว่าถ้ากรรมการไม่จับแยกซะก่อน เขากำลังจะใช้ท่าล็อกคอต่อ เพื่อให้เหลยเหล่ยพิสูจน์คำอวดอ้างของตัวเอง!)
จาก 20 วินาทีนั้น ชื่อเสียงปรมาจารย์เหลยเหล่ยหยุดลง ขณะที่ชีวิตของสวีเสี่ยวตงเริ่มปั่นป่วนขึ้น
จะว่าไปกำลังใจจากชาวเน็ตที่มีให้เขาก็มหาศาล ลำพังปรมาจารย์เหลยเหล่ยมีวิชาจริงหรือไม่ยังอาจต้องพิสูจน์อีกหลายด่าน เพราะที่พ่ายแพ้อาจเพราะกติกาคนละอย่าง ไม่ใช่เพราะไทเก๊กต่อสู้อะไรไม่ได้เลย ขณะที่สวีเสี่ยวตงยืนยันหลังการต่อสู้ว่า ถ้าเป็นคนที่น้ำหนักใกล้เคียงกันและแข็งแรงพอตัว ถ้าสู้แบบมวยวัดก็ไม่ได้เสียเปรียบเหลยเหล่ยอะไรเลย ไทเก๊กไม่ใช่ศิลปะการต่อสู้อะไรทั้งนั้น...มโนกันไปเองทั้งสิ้น
อันที่จริงวิชาไทเก๊กก็ถูกบรรดาผู้วิเศษทั้งหลายปู้ยี่ปู้ยำกันจนเละเทะไปหมด มีสำนักหลอกลวงเรื่องกำลังภายในที่ผิดหลักฟิสิกส์เถิดเทิง ตั้งแต่อาจารย์สะบัดข้อมือครั้งเดียวลูกศิษย์กลิ้ง 18 ตลบ จนถึงย่อขาเกร็งลมปราณเท่านั้นก็ทำเอาลูกศิษย์ที่อยู่รอบๆ 3 คน หน้ามืดล้มตึง! (ใน Internet มีที่เวอร์วังกว่าตัวอย่างข้างต้นอีกเยอะ)
เรื่องหลอกลวงแบบนี้มีมานานมากและไม่ใช่แค่ที่จีนแผ่นดินใหญ่
สำนักข่าว CCTV ก็เคยพยายามเปิดโปงกลุ่มคนเหล่านี้มาแล้ว ซึ่งปรมาจารย์ตัวปลอมทั้งหลายหลบเลี่ยงด้วยการอ้างว่าคนไม่ฝึกไทเก๊กด้วยกันจะสัมผัสพลังนี้ไม่ได้ แล้วหนีหลบหน้าและส่งลูกศิษย์มาหน้าแตกแทน แต่สวีเสี่ยวตงบอกว่า ที่ไม่โม้ขนาดนั้นก็ยังปลอมอยู่ดี
ต้องอธิบายเพิ่มเติมในที่นี้ ว่า ไทเก๊กเป็นวิชามวยดั้งเดิมของจีนแขนงหนึ่งที่มีหลักการอ่อนหยุ่นพิชิตแข็งกร้าวเอาน้อยชนะมาก สี่ตำลึงแลกพันชั่ง ใช้กำลังภายในมากกว่าภายนอก หากอยากรู้ภาพลักษณ์ของไทเก๊กในสายตาชาวโลกด้วยวิธีที่รวดเร็วและง่ายที่สุดให้หาอ่านจากนิยายกิมย้ง... ใช่แล้ว... มันคือนิยาย
สวีเสี่ยวตง ป่าวประกาศว่า ไทเก๊กทั้งหลายเป็นของปลอม 99% และ 1% ที่เหลือนั้นเขายังไม่เคยเจอ และที่เขาต้องการท้าต่อสู้ คือ พวกของปลอมทั้งหลาย... เรียกแขก!
นักสู้บู๊ลิ้มทั้งหลาย จึงดาหน้ากันเข้ามา หนึ่งในนั้น คือ อี้หลง-หลวงจีนเส้าหลิน (คู่ปรับบัวขาวที่ชาวไทยคงรู้จักกันดี) สวีเสี่ยวตงยืดอกยินดีรับคำท้าเสมอ แต่ขอให้อยู่ในเงื่อนไขว่า เขาจะต่อสู้กับคนที่เขาบอกว่าเป็นวิชาเปลือกปลอมทั้งหลายเท่านั้น ส่วนบรรดานักสู้ที่ใช้วิชาการต่อสู้ปัจจุบันสวีเสี่ยวตงถามว่า มาสู้กับผมทำไม๊...!!! ในบรรดารายชื่อที่ดาหน้าเข้ามา บ้างไม่ตรงประเด็นเพราะอาศัยแค่เป็นศิษย์สำนักไทเก๊กแต่จะใช้มวยปัจจุบันเข้าต่อสู้ บ้างถูกพลังลับยับยั้งชั่งใจไม่แข่งดีกว่า (ไว้รอกำลังภายในแท้จริงจะออกโรงตอนต่อไป)
แปลก...แต่เข้าใจได้ ความพ่ายแพ้ของเหลยเหล่ยคนเดียว เรียกแขกทั้งบู๊ลิ้มได้ขนาดนั้น ที่สำคัญหลังจากแมตช์สลายมโนผ่านไป สวีเสี่ยวตงถูกข่มขู่คุกคามอย่างต่อเนื่อง และดูเหมือนว่าเขาไร้หนทางในเส้นทาง MMA ชั่วขณะ ซึ่งไม่แน่ว่าจะต่อเนื่องตลอดไปหรือไม่ เขาอ้างว่าเขาอยู่ในสภาวะไร้งานเรียบร้อย และเริ่มรู้สึกคิดผิด
สวีเสี่ยวตง บอกว่า นั่นเป็นเพราะพลังมโนของโลกยุคเก่า ยอมรับความพ่ายแพ้ของสิ่งที่ตัวเองศรัทธาไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว อาจารย์แพ้คนเดียวก็เดือดดาลกันทั้งสำนักและยุทธจักร และเอาแต่พลังรักศรัทธามาปกป้องศักดิ์ศรีข่มขู่ท้าต่อยท้าตีนอกเวที แต่กลับไม่คิดพัฒนาวิชาตัวเอง ต่างกับ MMA คือการต่อสู้ของปัจเจกชน สู้ไม่ได้ก็สู้กันใหม่ เพื่อค้นหาตัวจริง
ทั้งนี้ ก็อาจเป็นเพราะเขาเล่นใหญ่ แฉเรื่องราวในวงการเวทีต่อสู้ทั้งหลายไปพร้อมกัน หนึ่งในนั้นพูดถึงแมตช์คาใจที่บัวขาวปะทะอี้หลง พร้อมถามกลับว่าอี้หลงเกี่ยวอะไรกับเส้าหลิน มวยที่ใช้ต่อสู้ก็ไม่ใช่ แฟนก็มี เนื้อก็กิน เดิมทีเป็นนักมวยนี่แหละ แต่ตกแต่งประดับให้เป็นความภาคภูมิใจโหยหาอดีตก็เท่านั้น
จุดใหญ่ใจความที่สวีเสี่ยวตงอ้าง ก็คือ ในวงการการต่อสู้บนเวทีมีทั้งเรื่องการตลาด ผลประโยชน์ และการหลอกลวงอยู่ด้วยกันทั้งสิ้น วงการการต่อสู้สมัยใหม่ไม่ได้สวยงามแต่รับได้เพราะมีของจริงอยู่มากกว่า ขณะที่วงการไทเก๊กมีแต่ภาพ และความว่างเปล่า ไม่สมราคาคุย
ทั้งนี้ เขาไม่เหมารวมถึงมวยจีนโบราณสายอื่น เช่น มวยต้าเฉิง มวยปาจี๋ มวยหย่งชุน ซึ่งสวีเสี่ยวตงเคยจัดประลองมาแล้ว แม้จะมีวิธีฝึกที่ล้าสมัยและ MMA ชนะเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็บอกได้ว่ามีของดีที่ควรนำมาพัฒนา ไม่ใช่ตั้งไว้บนหิ้งศักดิ์สิทธิ์พิสดารลบหลู่ไม่ได้อย่างไทเก๊ก
สวีเสี่ยวตงไม่ใช่คนไม่รู้กาลเทศะอะไรเลย เขารู้ว่าไทเก๊กคือวัฒนธรรม คือความโหยหาอดีต แต่นั่นไม่ใช่ข้ออ้างในการประกาศความขลังหรือสูงส่ง และเขานี่แหละจะเป็นคนกระชากลงมาจากหิ้ง
ถึงแม้สวีเสี่ยวตง บอกว่า รู้สึกคิดผิดแต่ก็ไม่คิดกลืนน้ำลายตัวเอง เสียงเชียร์สวีเสี่ยวตงที่โลกโซเชียลภายนอกล้นหลาม แต่ในวงการใกล้ตัวมีทั้งคำขู่และคุกคามจากกลุ่มอิทธิพลที่จับต้องได้จริง รวมถึงคำกล่าวหาว่าเขาทรยศต่อชาติ และเป็นสายลับจากอเมริกาจนเขาต้องถูกสอบสวน
จากปรากฏการณ์ข้างต้นจึงไม่ต้องสงสัยว่า กำลังภายในที่แท้จริงไม่ได้มาในรูปหมัดมวย และไม่ได้ใช้กันอยู่แค่วงการไทเก๊กของจีน


