Hokkaido Snow Expo 9
เสร็จจากงานเลี้ยง ต่างคนต่างแยกย้ายกันกลับไปพักผ่อน เพราะลากยาวมาทั้งวัน ต้องชาร์จพลังไว้รับมือกับงาน
เสร็จจากงานเลี้ยง ต่างคนต่างแยกย้ายกันกลับไปพักผ่อน เพราะลากยาวมาทั้งวัน ต้องชาร์จพลังไว้รับมือกับงานเจรจาธุรกิจในวันรุ่งขึ้น ผมหลับสนิทจนเช้า ตื่นมาอาบน้ำแปรงฟันรีบแต่งตัวไปกินข้าว ข้อดีของการมาพักที่โรงแรม Sapporo Prince ก็คือใกล้กับสถานที่จัดงาน ไม่ต้องเร่งรีบ กินข้าวเสร็จมีเวลากลับขึ้นห้องไปเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัว สะดวกสุดๆ งานเจรจาธุรกิจเริ่ม 9 โมงเช้าถึงบ่าย 3 โมง พักกินข้าวเที่ยงชั่วโมงครึ่ง มีการเจรจารวมทั้งสิ้น 14 รอบ รอบละ 15 นาที ถือว่าสบายๆ ไม่หนักจนเกินกำลัง มีโอกาสได้เจอคู่ค้ามากมาย และยังได้โอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจเพิ่มขึ้น เป็นอีกงานที่ผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวญี่ปุ่นไม่ควรพลาด โดยเฉพาะเรื่องกิจกรรมในหน้าหนาวของฮอกไกโด ต้องมาร่วมงาน Hokkaido Snow Travel Expo เท่านั้น
หลังจบการเจรจาธุรกิจ เจ้าภาพพาเราขึ้นรถออกไปนอกเมืองเพื่อเยี่ยมชม Ice Star Hotel ซึ่งปีนี้ไปสร้างอยู่ที่สนามกอล์ฟ Sapporo-Minami Golf Club Komaoka แถวๆ Makomanai หลายท่านอาจจะเคยได้ยินชื่อโรงแรมน้ำแข็งมาบ้าง ทั้งที่ Tomamu และที่ Sapporo แต่ที่ซัปโปโรนี่จะแตกต่างจากที่โทมามุตรงที่มีการเปลี่ยนสปอนเซอร์ไปเรื่อยๆ อย่างปี 2015 จัดอยู่ที่ Sweden Hills Golf Club แถว Tobetsu และมีช็อกโกแลต Royce เป็นสปอนเซอร์ก็เลยใช้ชื่อว่า Royce’ Ice Hills Hotel หรือปีที่แล้ว 2016 มีบริษัทรถเช่า BUBU เป็นสปอนเซอร์ก็เปลี่ยนเป็น BUBU presents Ice Hills Hotel มาปีนี้ย้ายที่จัดและมีสปอนเซอร์คือบริษัท Cool Star ผู้ให้บริการรถเช่าสุดหรูที่ตกแต่งภายในคล้ายๆ กับเครื่องบินส่วนตัว ก็เลยกลายเป็น Ice Star Hotel ด้วยประการฉะนี้
ท่านที่ไม่เคยไปคงจินตนาการว่าโรงแรมน้ำแข็งจะใหญ่โตมีห้องหับไม่น้อย แต่พอไปเจอของจริงอาจแอบผิดหวังอยู่บ้าง เพราะมันเหมือนกับกระท่อมที่สร้างด้วยก้อนน้ำแข็งสี่ห้าหลัง สามหลังเป็นห้องพัก หลังหนึ่งห้องหนึ่ง ภายในก็มีเตียงที่ก่อขึ้นมาด้วยน้ำแข็งแล้วปูหนังสัตว์ทับ เฟอร์นิเจอร์อื่นๆ ก็ล้วนแล้วแต่ทำจากน้ำแข็งทั้งสิ้น สองหลังที่เหลือก็เป็นแกลเลอรี่แสดงงานศิลปะและบาร์ เอาไว้รองรับนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่จะแวะมาเยี่ยมชม เอาจริงๆ ผมคิดว่ามันไม่เหมาะกับการนอนค้างคืนอย่างจริงจัง จะใส่ชุดนอนก็ไม่ได้เพราะมันหนาว ใส่ชุดกันหนาวนอนก็ไม่สะดวก ห้องน้ำในตัวก็ไม่มี กลางดึกปวดฉี่ต้องเดินไปเข้าที่อาคารรับรอง ด้วยเหตุนี้ทางโรงแรมน้ำแข็งจึงต้องมีพันธมิตรที่มาตอบโจทย์นี้คือโรงแรม Cross ในเมืองซัปโปโร
ในกรณีที่ลูกค้านอนไม่ไหว ทางโรงแรมน้ำแข็งก็จะจัดส่งลูกค้าไปยังโรงแรม Cross ที่มีการสำรองห้องพักล่วงหน้าไว้แล้วตั้งแต่ตอนจอง คุณลูกค้าจึงไม่ต้องเป็นกังวลว่าดึกดื่นตื่นขึ้นมาด้วยความหนาวจนทนไม่ไหวแล้วต้องดันทุรังนอนต่อไปถึงเช้า ทีมงานเขาคิดเผื่อไว้ให้หมดแล้วครับ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่มาไม่ได้ตั้งใจมาพัก แต่มาเที่ยวชมหรือมาเล่นกิจกรรมอื่นๆ อาทิ การขี่สโนว์โมบิล เพราะกลางเมืองซัปโปโรไม่มีที่ว่างและกว้างขนาดนั้น การใช้สนามกอล์ฟมาดัดแปลงเป็นสถานที่ทำกิจกรรมหน้าหนาวจึงเป็นการสมประโยชน์ทุกฝ่าย แต่รอบๆ ซัปโปโรก็มีหลายแห่งที่เปิดให้บริการทำกิจกรรมแนวเดียวกัน โรงแรมน้ำแข็งจึงเป็นเสมือนแม่เหล็กที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเล่นกิจกรรมพร้อมชมสิ่งก่อสร้างแปลกตาที่น่าสนใจไปพร้อมๆ กันนั่นเอง
พวกเราเดินชมโรงแรมน้ำแข็งกันทีละหลัง แต่ละหลังดูสวยงามมาก โดยเฉพาะเวลาค่ำคืนที่ประดับไฟ พอเข้าไปด้านในยิ่งชวนให้อยากมาพัก แต่อย่างที่บอกล่ะครับ สวยนั้นสวยอยู่ ถ่ายรูปอัพลงเฟซบุ๊กหรืออินสตาแกรมรับรองคนกดไลค์เพียบ แต่ดูยังไงก็นอนไม่สบาย เราเดินดูไปเรื่อยๆ จนมาหยุดที่อาคารไอซ์บาร์ ผมคิดว่าตัวนี้แหละครับที่ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวได้จริง การได้ดื่มค็อกเทลเย็นๆ จากแก้วที่สกัดจากน้ำแข็งทั้งก้อนนี่มันเป็นประสบการณ์ที่สุดยอดจริงๆ เสียดายปีนี้ไม่ยักมีช็อกโกแลตร้อนเหมือนสองสามปีที่ผ่านมา จำได้ว่าตอนที่ Royce เป็นสปอนเซอร์และปีที่แล้วด้วย ในไอซ์บาร์มีช็อกโกแลตเข้มข้นร้อนๆ บริการในราคาถ้วยละ 500 เยน หรือยังไงนี่แหละ มันลงตัวมากเลยกับอากาศหนาวๆ ระดับติดลบ เป็นอีกหนึ่งความประทับใจสำหรับการมา Ice Hotel ครับ
เที่ยวชมกันเสร็จก็เป็นเวลาอาหารค่ำ จุดหมายปลายทางของเราอยู่ที่ Susukino ย่านกินดื่มและย่านบันเทิงยามค่ำคืนที่ใหญ่ที่สุดของเกาะฮอกไกโด มื้อนี้เจ้าภาพจัดให้พวกเราไปกินอาหารท้องถิ่น มีให้เลือก 5 ร้าน 4 ประเภท คือ ซูชิ ที่ร้าน Hanamaru เนื้อย่างที่ร้าน Tokuju และ Hagenoushi อาหารสไตล์ร้านกินดื่มที่ร้าน Hachikyo และหม้อไฟที่ร้าน Robata Taisuke ผมถูกจัดให้ไปกินที่ร้าน Hanamaru ซึ่งถือว่าโชคดีเพราะอยากกินซูชิอยู่เลย ร้านฮานะมารุเป็นร้านซูชิมีชื่อในเขตฮอกไกโด คนส่วนใหญ่จะรู้จักในชื่อ Nemuro Hanamaru ซึ่งเป็นร้านซูชิสายพาน หรือ Kaiten Sushi มีหลายสาขาทั้งในฮอกไกโดและโตเกียว
ร้านนี้มีสำนักใหญ่อยู่ที่เมือง Nemuro ทางฝั่งตะวันออกของเกาะฮอกไกโด พอขยายมาที่ซัปโปโรตอนแรกๆ ก็ยังมีแต่ร้านซูชิสายพานเหมือนที่สำนักใหญ่ แต่เมื่อได้รับความนิยมมากขึ้นจึงอัพเกรดสาขาเปิดใหม่เป็น Sushi Bar Shiki Hanamaru ที่ให้บริการทั้งซูชิและอาหารอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นซาชิมิ หม้อไฟ ของทอด ของย่าง โดยเน้นพวกอาหารทะเลเป็นหลัก และสาขาที่เราไปทานก็เป็นสาขาอัพเกรด อยู่บนชั้น 2 ของอาคารโรงแรม Mercure Sapporo แต่ถ้าเข้าทางโรงแรมลิฟต์จะส่งขึ้นไปที่ล็อบบี้ ชั้น 3 ต้องมาเข้าอีกฝั่งหนึ่งของอาคาร ซึ่งเป็นโซนร้านอาหาร มีร้านอร่อยๆ หลายร้าน เช่น Sankosha ร้านสุกียากี้ชื่อดังจากเมืองอาซาฮิคาวะ เป็นต้น
บริเวณด้านหน้าของร้านมีตู้กระจกใส่กุ้งหอยปูปลาสดๆ ไว้ให้เลือกสั่งกินกันได้ มีเคาน์เตอร์ซูชิขนาดใหญ่อยู่กลางร้าน รอบๆ เป็นที่นั่งมีทั้งโต๊ะ เก้าอี้ และแบบนั่งพื้น เจ้าภาพสั่งซาชิมิจานโตมีแต่ของสดๆดีๆ มาให้เราลิ้มลอง บอกตามตรงว่าคุณภาพของอาหารที่อัพเกรดนี่ดีกว่าร้านสายพานเยอะเลย เมนูถัดมาปลาย่างที่ทั้งสดและอร่อยสมกับเป็นร้านที่มาจากเมืองท่าเนมูโระจริงๆ ตามด้วยหม้อไฟทะเลรสกลมกล่อม และเทมปุระร้อนๆ หอมฉุย
ปิดท้ายด้วยซูชิสารพัดหน้าที่รวมของเด่นของฮอกไกโดไว้ครบครัน เสิร์ฟมาพร้อมซุปปูมิโสะรสเข้มข้น จริงๆ ผมเคยกินร้านนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง มีเมนูที่ยังหาทานที่อื่นไม่ได้ก็คือ ไข่หอยเม่นในน้ำเกลือ แต่รอบนี้เจ้าภาพไม่ได้สั่งมาให้ลอง เสียดายมาก อยากจะสั่งเองแต่ก็เกรงเสียมารยาท เก็บไว้คราวหน้าค่อยมากินเอง หลังอาหารทุกคนแยกย้ายกันกลับที่พักหรือไปเดินเล่น แต่ผมมีนัดพิเศษต่อ ฉบับหน้าจะมาเฉลยว่าไปไหนครับ


