ราชสกุลในพระบรมราชจักรีวงศ์ (16)
สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาเสนานุรักษ์มีพระนามเดิมว่าจุ้ย ประสูติเมื่อวันที่ 29 มี.ค. 2316 เป็นพระราชโอรสลำดับที่ 7
โดย...วิมลพรรณ ปีตธวัชชัย
สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาเสนานุรักษ์มีพระนามเดิมว่าจุ้ย ประสูติเมื่อวันที่ 29 มี.ค. 2316 เป็นพระราชโอรสลำดับที่ 7 ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ที่ประสูติแต่สมเด็จพระอมรินทราบรมราชินี
ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก สมเด็จเจ้าฟ้าจุ้ยทรงได้รับสถาปนาเป็นกรมขุนเสนานุรักษ์ ในปี 2335 เมื่อสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาทเสด็จสวรรคตในปี 2350 สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมหลวงอิศรสุนทร พระเชษฐาของพระองค์ได้รับการอุปราชาภิเษกเป็นกรมพระราชวังบวรสถานมงคล สมเด็จเจ้าฟ้ากรมขุนเสนานุรักษ์ได้รับเลื่อนเป็นกรมหลวงเสนานุรักษ์ รับพระบัณฑูรน้อย ช่วยราชการพระเชษฐา
ต่อมาเมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกเสด็จสวรรคตในปี 2352 กรมพระราชวังบวรสถานมงคลได้รับราชาภิเษกเป็นพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย จึงโปรดเกล้าฯ ให้อุปราชาภิเษกเจ้าฟ้ากรมหลวงเสนานุรักษ์เป็นกรมพระราชวังบวรสถานมงคล ตำแหน่งพระมหาอุปราชสืบแทนในวันที่ 22 ก.ย. 2352 ไปประทับที่พระราชวังบวรสถานมงคล (วังหน้า)
ในเวลานั้นวังหน้าว่างมา 7 ปี พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงพระราชดำริว่าเป็นพระราชวังสำหรับพระมหาอุปราชสร้างไว้ใหญ่โตเป็นของสำคัญสำหรับแผ่นดินไม่สมควรจะทิ้งให้ร้างอยู่ จึงให้พระมหาอุปราชพระองค์ใหม่เสด็จขึ้นไปครอบครองรักษาพระราชวังบวร ได้มีคำบอกเล่าต่อกันมาว่า เมื่อทรงพระราชดำริให้กรมพระราชวังบวรมหาเสนานุรักษ์เสด็จขึ้นไปอยู่วังหน้าครั้งนั้นมีเสียงผู้โต้แย้งอ้างถึงความเก่าที่กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาททรงสาปแช่งไว้ และมีเสียงผู้ที่คิดแก้กล่าวว่า ถ้ากรมพระราชวังบวรฯ พระองค์ใหม่คิดอ่านให้เกี่ยวดองในพระวงศ์ของกรมพระราชวังบวรฯ พระองค์แรกไว้แล้ว ก็เห็นจะพ้นพระวาจาที่ทรงสาปนั้น ความอันนี้สมด้วยพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงไว้ว่า เมื่อกรมพระราชวังบวรฯ ในรัชกาลที่ 2 เสด็จขึ้นไปประทับอยู่ที่พระราชวังบวรฯ มีผู้คิดอ่านจะให้อภิเษกกับเจ้าฟ้าพิกุลทอง พระราชธิดาในกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท แต่เผอิญเจ้าฟ้าพิกุลทองประชวรสิ้นพระชนม์เสีย จึงได้แต่พระราชธิดาพระองค์อื่น
กรมพระราชวังบวรมหาเสนานุรักษ์ เมื่ออุปราชาภิเษก พระชนมายุได้ 36 พรรษา เมื่อเสด็จไปประทับอยู่พระราชวังบวรฯ ไม่ปรากฏว่าได้ทรงสถาปนาการอย่างใดเพิ่มเติมขึ้นใหม่ในวังหน้า ถ้าจะมีก็เห็นจะเพียงซ่อมแซมพระราชมนเทียรบ้างเล็กน้อย ด้วยพระราชวังบวรฯ ว่างมาเพียง 7 ปี สิ่งของที่สร้างไว้ในครั้งรัชกาลที่ 1 เห็นจะยังบริบูรณ์อยู่โดยมาก ปรากฏในพระนิพนธ์พระบาทสมเด็จฯ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว แต่การที่กรมพระราชวังบวรฯ ในรัชกาลที่ 2 ได้ทรงแก้ไขรื้อถอนของเก่าเสียบางอย่าง คือ
พระพิมานดุสิดาที่สร้างไว้เป็นหอพระแทนปราสาทที่กลางสระ เห็นจะชำรุด โปรดให้รื้อทั้งพระวิมานและพระระเบียง เอาตัวไม้ที่ยังใช้ได้ไปทำในวัดชนะสงคราม ซึ่งกรมพระราชวังบวรฯ ในรัชกาลที่ 1 ได้ทรงสถาปนาไว้ สะพานข้ามสระ 4 สะพานก็รื้อเสียทำเป็นสวนเลี้ยงนกเลี้ยงปลา เป็นที่ประพาส
ที่พระที่นั่งสุทธาสวรรย์ เมื่อกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทสวรรคตแล้ว พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก โปรดให้เชิญพระพุทธสิหิงค์ลงมาไว้ในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดารามตั้งตรงที่ตั้งพระสัมพุทธพรรณีทุกวันนี้ ที่พระที่นั่งสุทธาสวรรย์ ยังเหลือแต่ปราสาทปรางค์ 5 ยอด ซึ่งกรมพระราชวังบวรฯ ในรัชกาลที่ 1 ทรงสร้างเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธสิหิงค์ กรมพระราชวังบวรฯ รัชกาลที่ 2 โปรดให้ย้ายปราสาทนั้นไปเสีย ตั้งพระที่นั่งเศวตฉัตรแทน เป็นที่เสด็จออกแขกเมือง และพระสงฆ์ถวายพระธรรมเทศนา
ปราสาททองที่สรงพระพักตร์ของกรมพระราชวังบวรฯ ในรัชกาลที่ 1 ซึ่งสร้างไว้ที่มุขหลังพระวิมานก็ย้ายไปเสียเมื่อในรัชกาลที่ 2
เขาไกรลาสยอดมีบุษบกสร้างไว้เป็นที่สรงลูกเธอโสกันต์ ก็รื้อเสียอีกอย่าง 1
เขาศาลพระภูมิ ข้างพระราชมนเทียรทางด้านเหนือ เมื่อในรัชกาลที่ 2 รื้อกำแพงแก้วรอบบริเวณปลูกโรงละครขึ้นแทนตรงนั้น
ที่วัดหลวงชี ครั้งรัชกาลที่ 1 ทำนองจะไม่มีหลวงชีอยู่ดังแต่ก่อน กุฏิหลวงชีร้างชำรุดทรุดโทรมจึงโปรดให้รื้อกุฏิหลวงชีเสียหมด ทำที่นั้นเป็นสวนเลี้ยงกระต่าย เข้าใจว่าที่ตรงนี้แต่เดิมก็เห็นจะเป็นสวนเลี้ยงกระต่าย เอาอย่างพระราชวังหลวงที่กรุงศรีอยุธยา จึงปรากฏว่ามีตำหนักอยู่ในนั้น กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทเห็นจึงทรงพระราชอุทิศพระราชทานให้เป็นวัดหลวงชีต่อภายหลัง
สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาเสนานุรักษ์ พระองค์ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจแทนพระบรมเชษฐาหลายประการ เช่น จะทรงตรวจข้อราชการจากเสนาบดีกรม กองต่างๆ ก็ที่จะเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยมไหสูรยพิมานก่อนทุกครั้ง


