posttoday

Coca... ที่เทือกเขาแอนดีส

04 มีนาคม 2560

สมัยนี้อะไรๆ ที่นำมาชงกับน้ำร้อนจะถูกเรียกว่า “ชา” ได้หมด ไม่จำเป็นต้องเป็น Black Tea / Green Tea ที่ทำจากใบชาแท้ๆ อีกต่อไป

โดย...ม.ล.อัจฉราพร ณ สงขลา

สมัยนี้อะไรๆ ที่นำมาชงกับน้ำร้อนจะถูกเรียกว่า “ชา” ได้หมด ไม่จำเป็นต้องเป็น Black Tea / Green Tea ที่ทำจากใบชาแท้ๆ อีกต่อไป เมื่อมีชาหลากหลายกว่าแต่ก่อน ในศาสตร์แห่งชาปัจจุบันจึงมีการจัดการจัดหมวดหมู่ชาให้เป็นระบบมากขึ้น ในวิชาบุคลิกภาพเมื่อพูดถึงเรื่อง... ชาในวัฒนธรรมต่าง ๆ นั้นสนุกค่ะ และมีรายละเอียดที่น่าสนใจไม่น้อยไปกว่ากาแฟหรือเครื่องดื่มอื่นๆ

การเดินทางไปบริเวณเทือกเขาแอนดีส ผู้เขียนได้พบกับชาอีกอย่างหนึ่งเรียกว่า Mate de Coca หรือ Coca Tea ก็คือชาที่ทำจากใบโคคา

ส่งเข้าไปอยู่ในหมวด Herbal Tea ก็แล้วกันนะคะ

ทุกมื้อเข้าในเขตเทือกเขาแอนดีสเราจะพบกับเครื่องดื่มประจำถิ่นอย่างหนึ่งคือ Mate de Coca หรือ Coca Tea

กินอยู่สิบกว่าวัน บางวันก็หลายถ้วย

ที่พักหลายแห่งนำใบโคคาที่เพิ่งผ่านการตากแดดให้แห้ง บางแห่งก็บรรจุเป็นแบบถุงหรือซองเหมือนกับชาทั่วไปมาวางใส่ภาชนะและมีน้ำร้อนพร้อมให้เราชงชาโคคาได้ตลอดเวลา

การกิน Coca Tea ก็ทำได้ง่ายๆ โดยการหยิบใบโคคาที่เพิ่งแห้งหรือโคคาแบบซองใส่ถ้วยแล้วก็ใส่น้ำร้อน ทิ้งไว้สักนาทีแล้วกินได้เลยค่ะ ไม่ต้องเติมน้ำตาล นม หรือมะนาว ใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งก็เหมือนกับการกิน Herbal Tea เช่น ชา... วานิลลา เบอร์รี่ต่าง ๆ ตะไคร้ หม่อน ฯลฯ

รสชาติ Coca Tea ก็เป็นรสใบไม้ชนิดหนึ่ง ไม่เปรี้ยว ไม่หวาน ไม่ขม ...แต่ออกฝาดนิดๆ

เรากิน Coca Tea เพราะคิดว่าช่วยคลายอาการ Altitude Sickness หรืออาการแพ้ความสูง อันเนื่องมาจากความดันอากาศและปริมาณออกซิเจนที่ลดลง เนื่องจากเราอยู่บนเมืองที่สูงเหนือระดับน้ำทะเล 2,000-4,000 ม. ทุกวัน

ในทางการแพทย์เขาก็ยังไม่ยืนยันว่าการกิน Coca Tea ช่วยคลายอาการ Altitude Sickness อาจเป็นสารนิโคตินใน Coca Tea ต่างหากที่ทำให้ประสาทเราตื่นตัวขึ้น

แต่ที่แน่ๆ คือการกินเครื่องดื่มร้อนๆ ในสภาพภูมิศาสตร์อย่างนี้รู้สึกว่าดีค่ะ

โคคาเป็นพืชประจำถิ่นที่อเมริกาใต้ ขึ้นได้ดีทั่วไปตามลาดภูเขาของเทือกเขาแอนดีส โคคามีความผูกพันกับคนพื้นเมืองที่นั่นมานานจนกลายเป็นวัฒนธรรมไปแล้ว ประเทศในอเมริกาใต้ซึ่งมีต้นโคคาอยู่มากในขณะนี้คือ อาร์เจนตินา โบลิเวีย โคลอมเบีย และ เปรู โดยเปรูนั้นถือว่าเป็นประเทศที่มีต้นโคคาอยู่มากที่สุด

เราจะเห็นชาวบ้านและคนเลี้ยงสัตว์ทั่วไปในเขตแอนดีสมีกระเป๋าติดตัวใบเล็กๆ เหมือนกระเป๋าใส่ยาเส้น คาดเอวใส่ใบโคคาแห้งไว้เคี้ยวและเมี่ยง

คนท้องถิ่นในเขตแอนดีสตั้งแต่บรรพกาลมาจนถึงปัจจุบันนี้ถือว่าใบโคคาเป็นพืชศักดิ์สิทธิ์ บรรดาพวกหมอชาวบ้านซึ่งทำพิธีติดต่อทางจิตวิญญาณและรักษาโรคต้องใช้ใบโคคาเข้าประกอบในพิธีกรรมเพื่อรักษา ถือว่าเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้

อาจเปรียบได้กับหมากพลูของเมืองไทย บริเวณเทือกเขาแอนดีสมีพืชตระกูลโคคาอยู่มากมายหลายสิบหรืออาจเป็นร้อยชนิด แต่ที่นำมาเคี้ยวมีอยู่ 2-3 ชนิดเท่านั้นคนแถวแอนดีสเคี้ยวใบโคคาเพราะทำให้เขารู้สึกกระชุ่มกระชวย ซึ่งน่าจะมาจากสารนิโคติน เพราะแรกทีเดียวในห้องทดลองพบว่าในใบโคคามีสารนิโคตินช่วยกระตุ้นให้คนกระชุ่มกระชวยจากอาการพร่องออกซิเจนได้

แต่ต่อมาในห้องทดลองได้พบเพิ่มเติมว่าใบโคคานั้นมีสาร Alkaloid ซึ่งสามารถนำไปเป็นสารตั้งต้นในการผลิตโคเคนซึ่งให้ผลเป็นสารเสพติดชนิดหนึ่ง

แล้วใบโคคาก็ได้กลายเป็นผู้ร้ายตัวจริงมาตั้งแต่บัดนั้น

เอ้า... แล้วพวกเราที่กินชาโคคาต่อเนื่องอยู่หลายวัน บางวันก็หลายถ้วยจะมีผลอย่างไรบ้างล่ะ

จากการค้นเข้าไปทางสื่อออนไลน์ จึงได้พบข้อมูลชิ้นหนึ่งว่า น้ำที่ชงใบโคคาร้อน 1 ถ้วย จะมีสาร Alkaloid ออกมาได้ราว 4.2 มก. ในปริมาณนี้เป็นเพียงสารกระตุ้นอ่อนๆ เทียบได้กับชาหรือกาแฟหนึ่งถ้วย แต่ในปริมาณการดื่มขนาดนี้ เมื่อมีการทำ Drug Test จะให้ผลเป็นบวกได้

การดื่มหรือเคี้ยวใบ Coca Tea ในทวีปอเมริกาใต้... อาร์เจนตินา เอกวาดอร์ ชิลี โคลอมเบีย โบลิเวีย เปรู เป็นการกระทำตามวัฒนธรรมที่ไม่ขัดต่อกฎหมาย

นั่นเป็นเรื่องปกติธรรมดาในทวีปอเมริกาใต้ แต่การกระทำอย่างนี้หากขยับขึ้นไปในทวีปอเมริกาเหนือจะกลายเป็นคนละเรื่อง

การครอบครองต้นโคคา ใบโคคา หรือแม้แต่ Coca Tea กลายเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายในสหรัฐอเมริกา

แต่ก็แปลกค่ะ...

ในอีกด้านหนึ่งอเมริกาก็ยังเป็นผู้นำเข้าใบโคคารายใหญ่ของโลก หมายถึงทั้งการนำเข้าที่มีการรับรองว่าถูกกฎหมายและการลักลอบนำเข้าใบโคคาที่แปรรูปเป็นโคเคนที่ผิดกฎหมาย

บริษัท Stepan Company ผู้ผลิตเคมีภัณฑ์รายใหญ่ในสหรัฐที่อยู่เบื้องหลัง แชมพู ผงซักฟอก ยาสีฟัน และเครื่องสำอาง หลายยี่ห้อเป็นผู้นำใบโคคาเข้าสหรัฐอย่างถูกกฎหมายรายสำคัญ

Stepan Company นำใบโคคาแห้งจากเปรูเข้าสหรัฐปีละราว 100 ตันเพื่อทำการสกัดสารแต่งรสผสมเครื่องดื่มให้กับบางบริษัท ส่วน Alkaloid ที่ได้จากการสกัดออกจะไม่ทิ้ง แต่จะส่งขายให้กับบริษัทที่ผลิตยาทางการแพทย์

สิ่งที่คนกังวลและเป็นปัญหาอย่างมากโดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา ยุโรป ออสเตรเลีย ในขณะนี้คือการ

ลักลอบนำเข้าใบโคคาที่แปรสภาพเป็นโคเคนซึ่งถือว่าเป็นยาเสพติดที่แพร่หลายชนิดหนึ่งในโลกสำหรับตลาดกลุ่ม A และ A+

ขบวนการผลิตและค้าโคเคนนั้นซับซ้อนแต่ผลประโยชน์มหาศาลและเห็นผลในเวลารวดเร็ว จึงทำให้เกิดขบวนการอาชญากรรมที่ดึงคนเข้าเสี่ยงเข้าไปตายอย่างต่อเนื่อง

นี่คือเหตุผลทำให้การปลูกต้นโคคาในเขตเทือกเขาแอนดีสมีดาษดื่นอย่างคงเส้นคงวา

เรื่องของยาเสพติดยังเย้ายวนให้เกิดขบวนการอิทธิพลทุกแห่งในโลก ที่บ้านเราเมื่อไม่กี่วันก็คงเห็นที่ตำรวจไทยใช้เวลารอคอยตะครุบตัวนักค้ายาเสพติดระดับโลกคนหนึ่งอยู่ 5 ปี และก็ทำได้สำเร็จที่สนามบินสุวรรณภูมิ

ที่อเมริกาใต้ก็เช่นกันค่ะ เราคงจำชื่อเจ้าพ่อยาเสพติดชาวโคลอมเบียคนหนึ่งที่ชื่อ Pablo Escobar ได้ใช่ไหมคะ

(อ่านต่อวันเสาร์หน้าค่ะ)


ข่าวล่าสุด

ถ่ายทอดสด เบรนท์ฟอร์ด พบ ลีดส์ ยูไนเต็ด พรีเมียร์ลีก วันนี้ 14 ธ.ค.68