posttoday

มรดกจากสำนักไป่อี๋-เซียนหลัว

29 มกราคม 2560

ระหว่างที่กำลังตรวจห้องสมุด โชควาสนานำพาให้ไปพบกับพจนานุกรมชุดหัวอี๋อี้อวี่ (華夷譯語)

โดย...กรกิจ ดิษฐาน

ระหว่างที่กำลังตรวจห้องสมุด โชควาสนานำพาให้ไปพบกับพจนานุกรมชุดหัวอี๋อี้อวี่ (&&3775;&>2839;&&5695;&&5486;) หรือศัพทานุกรมภาษาจีน-อนารยประเทศ เป็นงานของกรมแปลภาษา สมัยราชวงศ์หมิง ซึ่งจะทำการแปลภาษาของนานาประเทศในเอเชีย เพื่ออำนวยความสะดวกในการติดต่อทางการทูต เช่น สำนักรื่อเปิ่น (&>6085;&>6412;&&9302;) แปลภาษาญี่ปุ่น สำนักหลิวฉิว (&>9705;&>9699;&&9302;) แปลภาษาริวกิว ทั้งสองสำนักนี้ใช้ภาษาคล้ายกัน เพียงแต่ในเวลานั้นริวกิว หรือโอกินะวะ เป็นอาณาจักรเอกเทศและเป็นรัฐบรรณาการของจีน ใช้วัฒนธรรมจีนมากกว่าญี่ปุ่น

ในภูมิภาคเอเชียอาคเนย์ ก็เช่นสำนักเจินล่า (&&0495;&&3098;&&9302;) แปลภาษาเขมร (โปรดสังเกตนะครับทางจีนยังเรียกกัมพูชาว่าเจินล่า หรืออิศานปุรี เหมือนเมื่อพันกว่าปีก่อน) สำนักเหมี่ยนเตี้ยน (&&2517;&&0008;&&9302;) แปลภาษาพม่า และสำนักเซียนหลัว (&>6297;&&2599;&&9302;) หรือสำนักสยามแปลภาษาไทย เป็นต้น

“สำนักท่องสื่อ” (กรมแปลภาษา) เหล่านี้ไม่เพียงทำงานเป็นล่าม แต่ยังมีการจัดทำศัพทานุกรมเล็กๆ ขึ้นมาด้วย ศัพทานุกรมเล่มนี้ได้รับการแปลเป็นภาษาไทยแล้ว ในชื่อ “ลิปิกรมไทย-จีน สมัยราชวงศ์หมิง” โดยอาจารย์เฉลิม ยงบุญเกิด พิมพ์เมื่อปี พ.ศ. 2511 ปัจจุบันอย่าได้ไปเสาะแสวงหาที่ไหน เพราะหากยากจนเลือดตาแทบกระเด็น อีกทั้งถ้ามิได้อยู่ในวงการโบราณคดีไทย-จีน  ยากจะทราบถึงการดำรงอยู่ของหนังสือเล่มนี้

ในส่วนของภาษาไทยพิเศษตรงที่มีทั้งภาษาไทยสมัยอยุธยา และภาษาไท (ย) ของคนไทในมณฑลยูนนาน แปลโดยสำนักไป่อี๋ (&&0334;&>2839;&&9302;) คำว่าไป่อี๋เป็นคำที่คนจีนใช้เรียกคนไทในตอนใต้ของจีน  แต่จากการตรวจสอบกับพระราชสาส์นที่พระเจ้าล้านนาส่งไปถวายพระเจ้ากรุงจีน ทำให้แน่ใจว่า ศัพทานุกรมไป่อี๋เล่มนี้ เป็นภาษาคำเมืองล้านนา และเป็นอักษรฝักขาม หรือไทยนิเทศที่ใช้กันในล้านนาช่วงก่อนที่ตกเป็นเมืองขึ้นของพม่า

ในพจนานุกรมคำไทยอยุธยา (ไทตอนใต้) ใช้อักษรไทยสมัยนั้น ซึ่งอ่านยากบรม ผิดกับภาษาไทตอนเหนือใช้อักษรฝักขาม อ่านรู้เรื่องกว่ากันมาก ฉบับภาษาไทเหนือพิมพ์ขึ้นในปี พ.ศ. 2139 ร่วมสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ถึงจะใช้อักษรต่างกัน แต่ภาษาไทอยุธยากับไทตอนเหนือฟังกันรู้เรื่อง และดูเหมือนว่าอักษรฝักขามจะใกล้เคียงอักษรไทยยุคปัจจุบัน มากกว่าอักษรสมัยอยุธยาเสียอีก

คุณูปการของพจนานุกรมทั้งสองเล่มก็คือทำให้เรารู้ว่าคนสมัยก่อนเรียกสิ่งของว่าอย่างไร หลายคำยังใช้อยู่ หลายคำก็เลือนหายไปแล้ว เช่น

ถ้าชาวอโยธยาพูดว่า “ตลัดถึง” (&>0020;) หมายความว่า “มาถึง”, ฟ้าแดดสบ (&>2825;&&8452;) แปลว่าฟ้ามัว, บ้านนา (&>6449;) แปลว่าหมู่บ้าน, พระทรนี (&>2320;) ใช้เรียกแผ่นดิน (เดี๋ยวนี้ใครที่ไหนเรียกแผ่นดินว่าพระธรณีกันบ้าง?)

คนอยุธยาแบ่งฤดูเป็น 2 ฤดู คือ ฤดูใบไม้ผลิว่า “ตรุษ” (&>6149;) เรียกฤดูใบไม้ร่วงว่า “สาร์ท” (&&1179;) ส่วนทางเหนือมี 4 ฤดู คือ เมืออุ่น (&>6149;) คือ ฤดูใบไม้ผลิ, เมือร้อน (&>2799;) ฤดูร้อน, เมือเย็น (&&1179;) ฤดูใบไม้ร่วง และเมือหนาว (&>0908;) ฤดูหนาว

แต่คนอยุธยาไม่มีคำเรียกหิมะ (&&8634;) คนไทเหนือรู้จักมันเรียก เหมยนอง และเหมยกลาบ (&>0912;) แปลว่าน้ำแข็ง

คนไททางเหนือเรียกทะเล (&>8023;) ว่าหนอง คนอยุธยาเรียกทะเล

คำว่าแม่น้ำใหญ่ในคำพูดของคนทางเหนือ (&>7743;) คนอยุธยาหมายถึงทะเลสาบ

ในฉบับภาษาไทเหนือมีคำว่า คนไท (&>2839;&>0154;) ในฉบับไทใต้คำว่าสยาม (&>6297;&&2599;) หมายถึง อยุธยา

หลังจากผมเสนอศัพท์ทานุกรมฉบับนี้ไป เกิดกระแสตื่นเต้นพอสมควร และมีเสียงเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแปลออกมาเป็นภาษาปัจจุบัน ซึ่งผมเองก็หวังจะให้เป็นเช่นนั้น แต่คงจะเป็นไปได้ยาก อย่างไรก็ตาม แต่ในเบื้องต้น คุณ Poonsak Liurat ยังช่วยแปลตัวอย่างบางคำโดยถอดตามตัวอักษร

&>6007; (ดาวไถ) – ดาวช้างหลวง, &&1070; (เทพ) – เสื้อ (ตรงกับคำว่าเสื้อเมือง คือเทพยดาผู้ดูแลเมือง), &>7877; (โคลน) – เปิก (ตรงกับคำว่าเปือกในภาษากลาง), &&8642;&>1335; (ยูนนาน) – เมืองแฉ (เมืองแฉ คือเมืองแส แต่เดิมคนไทเรียกยูนนานว่าแส ส่วนทะเลสาบเอ๋อร์ไห่ ไทเรียกหนองแส แปลว่า ทะเลแส)

&>0843;&&0334; (ล้านนา มาจาก &>0843;&&0334;&>3219;&>3142; หรือเมือง สนมแปดร้อย) – เมืองเพียงเชียงใหม่, &&2769;&>5790; (ล้านช้าง) – เมืองชวา (หลวงพระบาง), &&3457;&>6898; – หมากกาด (พริกหอม หรือพริกเสฉวนบาง ที่เรียก หมากมาด), &&2993;&>6898; (พริกไทย) – หมากพริก, &>6647; (เกาลัด) – หมากคอ, &>6839; (พุทรา) – หมากเซา (น่าจะรับมาจากภาษาจีนที่เรียกว่า ซ์เจา), &&5961; (เสือดาว) – เสือน้อยลาย, &*0009; (ตะพาบ) – เต่าหลวง, &*0474;&*0289; (นกแก้ว) – นกแล, &&4821; (แมลงวัน) – แมงวูง, &>3546; (วัด อาราม) – โรงทานเจ้า (โรงท่านเจ้า?), &>0632; (ร่ม) – ชอง(จ้อง), &>4339; (คันธนู) – กง, &&1661; (ลูกศร) – ปืน (คำไทยกลางสมัยก่อน ปืนมีความหมายว่าศรหรือธนู)

จากศัพทานุกรมฉบับนี้ ทำให้ผมตงิดใจเล็กน้อย เพราะเคยได้ยินผู้ที่ค้านทฤษฎีคนไท มาจากอัลไตว่า ในภาษาไทไม่มีคำว่าหิมะ

คำกล่าวนี้ไม่เป็นความจริงและสะท้อนอาการด่วนสรุปของวงวิชาการในเมืองไทย

จากตำราเล่มนี้ระบุว่า คนไทตอนเหนือรู้จักคำว่าหิมะ (&&8634;) เรียกว่า “เหมยนอง” น้ำแข็ง (&>0912;) เรียก “เหมยกลาบ” ส่วนไทยสยามไม่คำว่าหิมะนั้นอาจไม่ได้ใช้จนเพราะลืมไปแล้ว เมื่อมาตั้งถิ่นฐานทางใต้นานๆ เข้า

อย่างไรก็ตาม การที่ภาษาไทมีคำเรียกหิมะไม่ได้หมายความว่าคนไทมาจากอัลไต เพียงแต่เป็นเครื่องหมายให้พึงสังวรว่า ก่อนที่จะสรุปทฤษฎีเรื่องคนไทยมาจากไหน ควรจะศึกษาแหล่งข้อมูลให้รอบด้านเสียก่อน

โดยเฉพาะข้อมูลจากทางฝ่ายจีน ที่นักวิชาการไทยอ่อนแอกันมาก

หมายเหตุ : ภาพประกอบเป็นศัพทานุกรมฉบับไป่อี๋ (ไทเหนือ) ประกอบด้วยอักษรฝักขามภาษาไทย พร้อมด้วยอักษรจีนที่พ้องความหมาย และอักษรจีนสำหรับอ่านออกเสียง เช่นคำว่า
คนไท อักษรจีนเทียบเสียงว่า ฮุ่นไต่ หรือ คุนไต (&>8151;&>7513;) ภาษาจีน แปลว่า &>2839;&>0154; (อี๋เหริน)

ข่าวล่าสุด

CardX มอบเงินบริจาคห้าแสนบาทแก่สภากาชาดไทยเพื่อเร่งฟื้นฟูเยียวยาและช่วยเหลือพี่น้องผู้ประสบอุทกภัย