posttoday

รากแก้วแห่งฌาน

22 มกราคม 2560

สัปดาห์ที่แล้ว ผมแนะนำสารคดีเรื่อง One Mind ว่าด้วยวิถีแห่งการปฏิบัติธรรม ณ วัดเจินหรู เป็นวัดนิกายฉาน (นิกายเซน)

โดย...กรกิจ ดิษฐาน

สัปดาห์ที่แล้ว ผมแนะนำสารคดีเรื่อง One Mind ว่าด้วยวิถีแห่งการปฏิบัติธรรม ณ วัดเจินหรู เป็นวัดนิกายฉาน (นิกายเซน) ตั้งอยู่บนเขาหยุนจู มณฑลเจียงซี สืบทอดนิกายฉาน คณะเฉาต้ง ซึ่งเป็นสำนักที่เน้นการปฏิบัติอย่างค่อยเป็นค่อยไป ต่างจากสำนักหลินจี้ ที่สอนให้บรรลุธรรมโดยฉับพลัน

คำว่า “เซน” (&&1146;) เป็นภาษาจีนสำเนียงญี่ปุ่น สำนียงจีนกลางออกเสียงว่า “ฉาน” ค่อนข้างตรงกับภาษาสันสกฤตที่ถอดมา นั่นคือคำว่า “ฌาน” นิกายเซนเป็นนิกายที่มุ่งเน้นการปฏิบัติสมาธิภาวนาให้เกิดฌาน จากฌานกลายเป็นปัญญา แต่การเข้าถึงฌานมีทั้งการเจริญสติไปตามครรลองชีวิตประจำวัน และการพิจารณาโดยแยบคายทุกขณะจิต จนกระทั่งเกิดสว่างแจ้งในพลัน

นี่คือความต่างของเซน 2 สาย และวัดเจินหรู เป็นสายที่เจริญสติในทุกห้วงขณะของชีวิตประจำวัน

วัดเจินหรูซื่อ (&&0495;&>2914;&>3546;) เป็นวัดนิกายฉาน ตั้งอยู่บนเขาหยุนจู  มณฑลเจียงซี  เคยรุ่งเรืองสมัยราชวงศ์ถังและราชวงศ์ซ่ง ต่อมาโรยราลง ทั้งยังถูกทำลายอย่างหนักช่วงสงครามต่อต้านญี่ปุ่น อันที่จริงแล้วในช่วงปลายสมัยราชวงศ์ชิง เกิดกบฏไท่ผิง ทำลายวัดวาอารามในแถบกังนั้มย่อยยับเหลือประมาณ เหลือวัดไว้สืบทอดมาจนถึงยุคสงครามต่อต้านญี่ปุ่นได้นับว่าไม่ธรรมดา แสดงว่ามีสถาบันสงฆ์ที่แข็งแกร่งพอสมควร

ครั้นถึงยุคปลดปล่อย หรือยุคที่พรรคคอมมิวนิสต์ปกครองประเทศ ราวปี 2496-2497 พระเถระซวีหยุน ซึ่งขณะนั้นอายุได้ 117 ปีแล้ว เดินทางมาพำนักที่นี่ แล้วเริ่มบูรณะครั้งใหญ่ วัดนี้เป็นจุดเริ่มต้นของขบวนการฟื้นฟูพุทธศาสนายุคปลดปล่อย (ก่อนจะชะงักไปในช่วงปฏิวัติวัฒนธรรม) ปัจจุบันก็ยังคงรักษาธรรมเนียมของนิกายฉานยุคก่อนปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครอง (ชิงฉาน-นิกายฉานสมัยราชวงศ์ชิง) อย่างเคร่งครัด มีวัตรปฏิบัติเข้มงวด และถือตามคำสอนของพระเถระซวีหยุน นับเป็นสายธารอมตธรรมท่ามกลางทะเลทรายแห่งวัตถุนิยมโดยแท้

พระธรรมาจารย์ซวีหยุน ท่านเป็นปูชนียบุคคลของพุทธศาสนาจีนยุคปฏิรูป มีชีวิตระหว่าง พ.ศ.  2383-2502 ท่านเน้นปฏิบัติธรรมด้วยการทำสมาธิ วิปัสสนา ฟื้นฟูวิถีพุทธธรรมอันสันโดษของนิกายฉาน จาริกธุดงค์ไปทั่วสารทิศ สถาปนา บูรณะอารามนับสิบๆ มีศิษยานุศิษย์มากมายทั้งฝ่ายปริยัติ ฝ่ายปฏิบัติ หรือแม้แต่ฝ่ายวรยุทธ์ เรื่องราวของท่านมีเหตุปาฏิหาริย์เหนือการอธิบายมากมาย ล้วนแต่เป็นผลจากการปฏิบัติวิปัสสนา กล่าวได้ว่า ในเอเชียบูรพาแนวทางของท่านได้รับการปฏิบัติอย่างแพร่หลาย

สมัยที่พระเถระซวีหยุนยังมีชีวิตอยู่ ท่านจะตื่นจากจำวัดตอนตี 2 นั่งวิปัสสนาถึงตี 3 ครึ่ง จากนั้นชำระล้างร่างกาย ใช้น้ำอุ่นกลั้วในปากแล้วบ้วนรดผ้าเช็ดหน้า จากนั้นนำผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดตาก่อนแล้วค่อยเช็ดใบหน้า ท่านว่าช่วยรักษาสายตาและทำให้มองเห็นชัด เสร็จแล้วไปทำวัตรเช้า จากนั้นนั่งวิปัสสนาในกุฏิ เมื่อถึงเวลาท่านจะออกมาร่วมฉันเช้า 6 โมงเช้า เริ่มสอนธรรม 2 ชั่วโมง 8 โมงเช้าท่านอ่านจดหมายที่ส่งมานับร้อยฉบับ แล้วตอบฉบับที่เห็นว่าสำคัญ ต้อนรับผู้มาเยือนวันละหลายๆ คน เวลาที่เหลือมีกิจการงานให้ทำมาก พอๆ กับการปฏิบัติธรรม ท่านจะจำวัดตอนเที่ยงคืน แล้วตื่นขึ้นมาหลังจำวัดได้เพียง 2 ชั่วโมง ดังนี้

รากแก้วแห่งฌาน

 

ทุกวันนี้ วัดเจินหรูซื่อก็ยังมีธรรมเนียมปฏิบัติดังเดิม เริ่มสวดปลุกตีกลองเช้าตอน 03.45 น. ทำวัตร 04.15 น. ฉันเช้า 06.00 น. จงกรมวิปัสสนา 07.15 น. นั่งวิปัสสนา 07.30 น.

จากนั้นทำงานในไร่บ้าง ตัดไม้ฟืนบ้าง เก็บใบชาบ้าง แล้วพักถึง 11.30 น. ฉันเพล 12.15 น. วิปัสสนาทั้งนั่งและเดิน 14.40 น. ทำวัตรบ่าย แล้วเริ่มทำงานอีก 17.30 น. จงกรมวิปัสสนา 17.45 น. นั่งวิปัสสนา ทุ่มครึ่งฉันหมี่ ราว 2-3 ทุ่ม วิปัสสนาทั้งนั่งและวิ่ง

จะเห็นได้ว่า พระที่นี่ไม่มีเวลาทำอย่างอื่นนอกจากทำงานเลี้ยงวัดและปฏิบัติธรรม เป็นวิถีแห่งนิกายฉานอย่างแท้จริง

แต่เดิมนั้นพระในจีนไม่ต้องปลูกผัก ทำไร่เลี้ยงตัวเอง ออกบิณฑบาตเป็นวัตร แต่ในรัชสมัยของพระเจ้าถังอู่จงเกิดการกวาดล้างพุทธศาสนาครั้งใหญ่ นิกายอื่นๆ ที่ได้รับการอนุเคราะห์จากสาธุชนล้วนแต่พินาศเกือบหมดสิ้น มีแต่นิกายฉานสายพระเถระไป๋จ้างเท่านั้นที่ยืนหยัดอย่างเข้มแข็ง เพราะท่านเป็นผู้ริเริ่มหลักการพึ่งพาตัวเอง ท่านเองยังกล่าวอมตะวาจาไว้ว่า “วันไหนไม่ทำงาน วันนั้นไม่กินอาหาร” พระเถระไป๋จ้างยังวางหลักเกณฑ์วัตรปฏิบัติของนิกาย ซึ่งพระเถระซวีหยุนนำมาปรับปรุงใช้ในภายหลังด้วย

พระเถระซวีหยุนแม้มีฐานะสูงส่ง แต่ก็ยังทำงานอย่างแข็งขัน มีครั้งหนึ่งพระหัวหน้าครัวไปตัดฟืนบนเขา แต่รู้สึกว่าหนักเกินแบกจึงทิ้งไว้ 2 ใน 3 นำกลับมาแค่ 1 ท่อน แต่แล้วมีผู้พบว่า พระเถระซวีหยุนแบกกลับลงมาทั้งสองท่อนอย่างน่าอัศจรรย์ทั้งที่ท่านอายุ 100 กว่าปีแล้ว เมื่อพระหนุ่มช่วยกันยกไม้ท่อนหนึ่งไปชั่ง พบว่าเพียงท่อนเดียวยังหนักเกือบ 100 กิโลกรัมเข้าไปแล้ว!

ในเวลาท่านเทศนาธรรม พวกอีกาบนเขาจะพากันลงมาฟังธรรมท่านจนมืดฟ้ามัวดินแทบไม่มีทางเดิน เมื่อท่านแสดงธรรมจบแล้ว พวกมันจะบินกลับไปบนเขาหยุนจูตามเดิม มีอยู่ครั้งหนึ่งอากาศร้อนจัดแดดจ้า พวกศิษย์พาท่านขึ้นเสลี่ยงขึ้นเขา ไม่นานมีฝูงอีกามาบินเหนือศีรษะท่านกลุ่มใหญ่จนเป็นเงาบังแสงแดด ทุกครั้งที่วางเสลี่ยงลงพวกมันจะบินไป แต่เมื่อหามเสลี่ยงขึ้นก็จะพากันมาบังแดดให้ท่านอีกอย่างน่าพิศวง

ปี 2501 พระเถระซวีหยุน กล่าวว่า อีกไม่นานท่านจะจากไป เมื่อท่านจากไปแล้วแผ่นดินจีนจะตกอยู่ในกลียุคนาน 10 ปี สร้างความทุกข์เข็ญเหลือประมาณ (หมายถึงการปฏิวัติวัฒนธรรม) ครั้นถึงปี 2502 ท่านล้มป่วยลง วันที่ 12 ต.ค. หรือ 1 วันก่อนละสังขาร ท่านสั่งสอนบรรดาศิษย์ว่า

“ไม่ว่าเจ้าจะอยู่ในกระท่อมมุงจาก เที่ยวจาริกธุดงค์ หรือจำอยู่ในวัดวาอาราม จงรักษากาสายะนี้ไว้เป็นธงชัยแห่งศรัทธา ถามว่าจะรักษาพระธรรมวินัยไว้อย่างไร? ก็ด้วยเพียงหนึ่งเท่านั้น คือ ‘ศีล’ รักษาธรรมด้วยพระวินัย”

จากนั้นท่านพนมมือบอกให้บรรดาศิษย์รักษาเนื้อรักษาตัว แล้วศิษย์ออกจากห้องไป ครั้นถึงเวลาตีหนึ่งกว่าๆ ของวันที่ 13 ต.ค. 2502 พระเถระซวีหยุนมรณภาพที่วัดเจินหรูซื่อ รวมอายุขัยได้ 119 ปี

ขอทิ้งท้ายด้วยคำสอนของพระเถระผู้ยิ่งใหญ่ ผู้ถนอมเลี้ยงรากแก้วแห่งนิกายฉานให้มั่นคงสถาพร ท่านกล่าวว่า

“หากเราพิจารณาว่าแต่ละวันคือวันสุดท้ายในชีวิตของเรา เราจะไม่ยอมเสียเวลาแม้แต่นาทีไปกับเรื่องไร้สาระ หรือความเคียดแค้น หรือโทสะพยาบาท เราจะไม่ลืมแสดงความเมตตากตัญญุตาต่อผู้ที่การุณย์ต่อเรา เราจะไม่เสียเวลาให้ทำใจปล่อยวางกับเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ แล้วหากเราทำผิดพลั้งไป จะไม่รีรอที่จะขอขมาลาภัย แม้ในยามจะสิ้นลมหายใจหรือ?”

ข่าวล่าสุด

‘เท้ง ณัฐพงษ์’ เยี่ยมศูนย์อพยพชายแดนไทย-กัมพูชา หวัง สถานการณ์คลี่คลาย