ราชสกุลในพระบรมราชจักรีวงศ์ (4)
การสร้างราชธานีใหม่นั้นใช้เวลาทั้งสิ้น 3 ปี โดยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงประกอบพิธียกเสาหลักเมือง
โดย...วิมลพรรณ ปีตธวัชชัย
การสร้างราชธานีใหม่นั้นใช้เวลาทั้งสิ้น 3 ปี โดยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงประกอบพิธียกเสาหลักเมือง เมื่อวันอาทิตย์ ขึ้น 10 ค่ำ เดือน 6 ปีขาล จ.ศ. 1144 ตรงกับวันที่ 21 เม.ย. 2325 และโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระบรมมหาราชวังสืบทอดราชประเพณี และสร้างพระอารามหลวงในเขตพระบรมมหาราชวังตามแบบกรุงศรีอยุธยา ซึ่งการสร้างเมืองและพระบรมมหาราชวังเป็นการสืบทอดประเพณี วัฒนธรรม และศิลปกรรมดั้งเดิมของชาติ ซึ่งปฏิบัติกันมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา นอกจากนี้ ยังโปรดเกล้าฯ ให้สร้างสิ่งต่างๆ อันสำคัญต่อการสถาปนาราชธานี เช่น ป้อมปราการ คลอง ถนน และสะพานต่างๆ มากมาย
ในรัชสมัยของพระองค์ได้ทรงทำศึกสงครามกับพม่าถึง 7 ครั้ง ครั้งแรกในปี 2327 คือ “สงครามเก้าทัพ” นับเป็นสงครามครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดระหว่างไทยกับพม่า โดยในครั้งนั้นพระเจ้าปดุงแห่งราชวงศ์อลองพญาของพม่ามีพระประสงค์จะเพิ่มพูนพระเกียรติยศและชื่อเสียงให้ขจรขจายด้วยการกำราบอาณาจักรสยาม จึงรวบรวมไพร่พลถึง 1.44 แสนคน กรีธาทัพจะเข้าตีกรุงรัตนโกสินทร์ โดยแบ่งเป็น 9 ทัพใหญ่ เข้าตีจากกรอบทิศทาง ส่วนทัพของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชมีกำลังเพียงครึ่งหนึ่งของทหารพม่า คือมีเพียง 7 หมื่นคนเศษเท่านั้น
ด้วยพระปรีชาสามารถในการทำสงคราม ได้ทรงให้ทัพของสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาทไปสกัดทัพพม่าที่บริเวณทุ่งลาดหญ้า ทำให้พม่าต้องชะงักติดอยู่บริเวณช่องเขา แล้วทรงสั่งให้จัดทัพแบบกองโจรออกปล้นสะดม จนทัพพม่าขัดสนเสบียงอาหาร เมื่อทัพพม่าบริเวณทุ่งลาดหญ้าแตกพ่ายไปแล้วสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาทจึงยกทัพไปช่วยทางอื่น และได้รับชัยชนะตลอดทุกทัพตั้งแต่เหนือจรดใต้
สงครามครั้งที่ 2 ในปี 2329 สงครามท่าดินแดงและสามสบ สงครามครั้งที่ 3 ในปี 2330 สงครามตีเมืองลำปางและเมืองป่าซาง สงครามครั้งที่ 4 ในปี 2330 สงครามตีเมืองทวาย สงครามครั้งที่ 5 ในปี 2336 สงครามตีเมืองพม่า สงครามครั้งที่ 6 ในปี 2340 สงครามพม่าที่เมืองเชียงใหม่ สงครามครั้งที่ 7 ในปี 2346 คือสงครามพม่าที่เมืองเชียงใหม่ ครั้งที่ 2
ในครั้งนั้นพระเจ้าบรมราชาธิบดีกาวิละได้ยกทัพไปตีเมืองสาด หัวเมืองขึ้นของพม่า พระเจ้าปดุงจึงยกทัพลงมาตีเมืองเชียงใหม่เพื่อแก้แค้น เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรงทราบ จึงโปรดเกล้าฯ ให้ส่งกองทัพไปช่วยเหลือ และสงครามครั้งนี้ก็จบลงด้วยชัยชนะของฝ่ายไทย
เหตุการณ์สำคัญในรัชสมัยของพระองค์เริ่มขึ้นในปี 2325 ทรงปราบดาภิเษกขึ้นครองราชเป็นพระกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี สถาปนากรุงรัตนโกสินทร์เป็นราชธานี โปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระอนุชาธิราชเจ้าขึ้นเป็นที่ กรมพระราชวังบวรสถานมงคล โปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเจ้าหลานเธอ เจ้าฟ้าทองอิน ขึ้นเป็นที่ กรมพระราชวังบวรสถานภิมุขฝ่ายหลัง องเชียงสือ (ญวน) และนักองค์เอง (เขมร) ขอเข้าพึ่งพระบรมโพธิสมภาร โปรดให้อาลักษณ์คัดนิทานอิหร่านราชธรรม
ในปี 2326 ทรงกำหนดระเบียบการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ทรงพระราชนิพนธ์บทละครเรื่องอุณรุท
ทรงเริ่มงานสร้างพระนคร ขุดคูเมืองทางฝั่งตะวันออก สร้างกำแพงและป้อมปราการรอบพระนคร
ทรงสร้างพระบรมมหาราชวังและวัดพระศรีรัตนศาสดาราม
ในปี 2327 โปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร จากหอพระแก้วในพระราชวังเดิมแห่ข้ามมาประดิษฐาน ณ พระอุโบสถในพระราชวังใหม่ พระราชทานนามพระอารามว่า วัดพระศรีรัตนศาสดาราม โปรดเกล้าฯ ให้สร้างเสาชิงช้า สงครามเก้าทัพ พระเจ้าปดุง กษัตริย์พม่าทรงกรีธาทัพเข้ามาตีเมืองไทยตั้งแต่เหนือจดใต้รวม 9 ทัพ กองทัพไทยตีกองทัพพม่าแตกพ่ายยับเยินไปทุกทัพ
ในปี 2328 งานสร้างพระนครและปราสาทราชมณเฑียรสำเร็จเสร็จสิ้น พระราชทานนามของราชธานีใหม่
ปี 2329 สงครามรบพม่าที่ท่าดินแดง ทรงพระราชนิพนธ์ นิราศรบพม่าท่าดินแดง โปรตุเกสขอเข้ามาเจริญพระราชไมตรีสหราชอาณาจักรเช่าเกาะปีนัง จากพระยาไทรบุรี
ปี 2330 องเชียงสือเขียนหนังสือขอถวายบังคมลา ลอบหนีไปกู้บ้านเมือง อัญเชิญพระพุทธสิหิงค์มาประดิษฐานภายในพระราชวังบวรสถานมงคล
ปี 2331 โปรดเกล้าฯ ให้สังคายนาพระไตรปิฎก ที่วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์
ปี 2333 องเชียงสือกู้บ้านเมืองสำเร็จและจัดต้นไม้เงิน ต้นไม้ทองมาถวาย
ปี 2337 ทรงอภิเษกให้นักองค์เอง เป็น สมเด็จพระนารายณ์รามาธิบดี ไปครองกรุงกัมพูชา
ปี 2338 โปรดเกล้าฯ ให้ชำระพระราชพงศาวดาร ฉบับพันจันทนุมาศ โปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระมหาพิชัยราชรถ


