ยันกล้ายางมาเลย์ทะลักไทยน้อย
สกย.เผยต้นกล้ายางมาเลย์ทะลักเข้าไทยไม่มากส่วนน้ำท่วมภาคเหนือ-อีสาน ไม่กระทบต่อตลาดยางเนื่องจากปริมาณกรีดยางยังน้อย
สกย.เผยต้นกล้ายางมาเลย์ทะลักเข้าไทยไม่มากส่วนน้ำท่วมภาคเหนือ-อีสาน ไม่กระทบต่อตลาดยางเนื่องจากปริมาณกรีดยางยังน้อย
นายสุนันท์ นวลพรหมสกุล เจ้าหน้าที่วิเคราะห์นโยบายและแผน 7 สำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง จังหวัดสงขลา เขต 1(สกย.) กล่าวว่า กรณีที่มีข่าวว่ามีผู้ลักลอบนำเข้ากล้ายางพาราจากประเทศมาเลเซียมาจำหน่ายในไทยนั้นถือว่าเข้ามาในปริมาณที่น้อยมากจนแทบจะเทียบเป็นเปอร์เซ็นต์ไม่ได้หรือไม่มีนัยยสำคัญทางเศรษฐกิจแต่อย่างใด เนื่องจากเป็นการลักลอบเข้ามาโดยไม่ผ่านด่านศุลกากรและผ่านด่านกักกันพืช เป็นการกระทำของรายบุคคลที่ลักลอบนำเข้ามา เช่นเดียวกันกับที่คนมาเลเซียลักลอบนำพันธุ์ข้าวของไทย หรือพันธุ์ทุเรียนของไทยไปปลูกยังฝั่งมาเลเซีย
"จริงๆกล้ายางมาเลเซียเข้ามาไม่มาก ทำมาเรื่อยๆในช่วงที่มาการขาดแคลนจะผ่านมาทางเรือขึ้นท่าฝั่งสตูล ฝั่งทะเลแถบอันดามัน รวมทั้งฝั่งแม่น้ำโก-ลก เพราะทางถนนจะมีด่านตรวจจับผิดกฏหมายและโทษค่อนข้างแรงด้วย"นายสุนันท์กล่าว
สำหรับพันธุ์กล้ายางพาราของมาเลเซียมีคุณภาพมากกว่าของไทย ล่าสุดมีการพัฒนาพันธุ์ที่ดีนับ 20 พันธุ์ โดยเฉพาะพันธุ์ที่ให้ผลผลิตสูงสุดขณะนี้คือพันธุ์ RIM 929 ให้ผลผลิตต่อไร่ต่อปีเฉลี่ยสูงถึง 502 ก.ก. ส่วนของไทยใช้พันธุ์ สวย.251 ให้ผลผลิตสูงสุดประมาณ 400 ก.ก.ต่อไร่ต่อปี โดยเฉลี่ยทั้งปีทั่วประเทศแล้วพันธุ์ยางพาราของไทยทั้งหมดที่มีอยู่นั้นให้ผลผลิตรวมประมาณ 278 ก.ก.ต่อไร่ต่อปี ลดลงจากปีที่แล้วที่ให้ผลผลิตรวมเฉลี่ยทั้งประเทศที่ 290
ก.ก.ต่อไร่ต่อปี
นายสุนันท์ กล่าวอีกว่า สาเหตุที่ทำให้ผลผลิตยางพาราของไทยลดน้อยลงเนื่องจากเกษตรกรโค่นสวนยางและปลูกใหม่ก็ใช้พันธุ์เดิมๆคือ RM600 เมื่อปลูกซ้ำหลายๆปีผลผลิตจึงน้อยลง ความสมบรูณ์ของดินลดลง นอกจากนั้นยังมีปัญหาปุ๋ยราคาแพงทำให้ชาวสวนยางใช้ปุ๋ยบำรุงต้นยางพาราน้อยลง ทำให้ผลผลิตไม่เต็มที่ รวมทั้งการใช้ปุ๋ยปลอมเพราะราคาถูกกว่าทั่วไปเกือบเท่าตัว ปุ๋ยคุณภาพดีราคากระสอบละประมาณ 850 บาท(ขนาด 50 ก.ก.) แต่ปุ๋ยปลอมราคาประมาณ 400 บาท แต่คุณภาพไม่ดี
นอกจากนั้นยังมีปัจจัยจากปีที่ผ่านมามีฝนตกเยอะทำให้ยางพารามีปริมาณน้อย รวมทั้งมีปัญหาแรงงานกรีดยางพาราไม่มีฝีมือเพราะแรงงานมีฝีมือกลับคืนถิ่นในภาคอีสานเพราะเริ่มมีพื้นที่ปลูกยางไปขยายเป็นจำนวนมากและใกล้เข้าสู่ช่วงเปิดกรีดในราวปีหน้าแล้ว
เจ้าหน้าที่วิเคราะห์นโยบายและแผน 7 สกย.กล่าวอีกว่า กรณีฝนตกน้ำท่วมในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือนั้น ไม่มีผลกระทบต่อปริมาณยางพาราในตลาดมากนัก เนื่องจากทั้ง 2 ภาคดังกล่าวพื้นที่กรีดยางพารายังไม่เต็มที่จะเปิดกรีดได้เต็มที่ประมาณปีหน้า แต่พื้นที่ปลูกยางพาราในภูภาคดังกล่าวเสียหายจากภัยแล้งแล้วราว 2-3 พันไร่ เทียบแล้วถือว่าไม่มากนัก
ทางด้านนายธนัญ โกศัลวัฒน์ เกษตรจังหวัดมุกดาหาร กล่าวว่า หลังเกิดฝนตกติดต่อเป็นเวลาหลายวันกินพื้นที่ครอบคลุมไปทั่วทั้งภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมสร้างความเสียหายให้กับเกษตรกรในจังหวัดมุกดาหารกว่า 2 หมื่นไร่ ส่วนใหญ่จะเป็นพื้นที่ไร่นาการเกษตรทั่วไป พื้นที่ทำสวนผลไม้เฉพาะขนาดก็ไม่มีจะมีเพียงสวนผสม ที่ปลูกพืชผลไม้ผสมผสานกันหลายหลายชนิดสามารถเก็บกินได้ตลอดทั้งปี แม้ว่าที่ผ่านมาจังหวัดมุกดาหารจะได้รับผลกระทบจากพายุฝนที่ตกกระหน่ำกินพื้นที่กว้างครอบคลุมไปทั้ง 7 อำเภอ ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมเสียหายจากสภาพป่าที่ไหลบ่าเข้าท่วมอย่างรุนแรง อีกทั้งบางแห่งยังเกิดน้ำท่วมขัง
นายธนัญ กล่าวอีกว่า ในส่วนของพื้นที่ปลูกยางพาราของเกษตรกรในจังหวัดมุกดาหาร จะปลูกอยู่ในพื้นที่สูงจึงรอดพ้นจากสภาวะน้ำท่วมขังจากพายุฝนในครั้งนี้ เมื่อเกิดฝนตกน้ำเจิ่งนองท่วมขังเพียงไม่นานก็จะไหลลงสู่พื้นที่ลุ่มไปจนหมด พายุฝนในครั้งนี้จึงไม่ได้สร้างความเสียหายให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกยางในพื้นที่จังหวัดมุกดาหารแต่อย่างไร แม้เวลาจะล่วงเลยมาหลายวันสำนักงานเกษตรจังหวัดมุกดาหารยังไม่มีรายงานความเสียหายของสวนยางทั้ง 7 อำเภอ จะมีก็เป็นความเสียหายของเทือกสวนไร่นาที่ในรับความเสียหายในครั้งนี้ประมาณกว่า 2 หมื่นไร่ พื้นที่ปลูกยางพาราของเกษตรกรในจังหวัดมุกดาหาร มีผู้ปลูกยางพาราประมาณ 15,000 ไร่ ที่ปลูกกันเป็นจำนวนมากจะอยู่ที่อำเภอนิคมคำสร้อย ดงหลวง หว้านใหญ่ และอำเภอเมืองมุกดาหาร


