ป.ป.ส.เตือนใช้ "ทรามาดอล" ผสมเครื่องดื่มคาเฟอีนอาจตายได้
ป.ป.ส.ร่วมศธ.-สมาคมร้านขายยาเฝ้าระวังเยาวชนนำยาทรามาดอลผสมเครื่องดื่ม ชี้ใช้เกินขนาดผลข้างเคียงถึงขั้นเสียชีวิต
ป.ป.ส.ร่วมศธ.-สมาคมร้านขายยาเฝ้าระวังเยาวชนนำยาทรามาดอลผสมเครื่องดื่ม ชี้ใช้เกินขนาดผลข้างเคียงถึงขั้นเสียชีวิต
เมื่อวันที่ 21 ธ.ค. น.ส.กัญญนันท์ คงภัสนิโรจน์ผู้อำนวยการสถาบันวิชาการและตรวจพิสูจน์ยาเสพติด สำนักป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(ป.ป.ส) กล่าวถึงกรณีผู้ปกครองของเด็กวัยรุ่นโพสข้อความเตือนให้ระมัดระวังการแพร่ระบาดของการใช้ยาทรามาดอล(Tramadol) ซึ่งเป็นยาระงับอาการปวด แต่พบว่ามีกลุ่มนักเรียนและเยาวชนนำไปใช้ในทางที่ผิดโดยการนำมาผสมกับยาแก้ไอเครื่องดื่มประเภทน้ำอัดลม เครื่องคาเฟอีนแบบผสมสำเร็จรูปหรือในภาคใต้มีการนำไปผสมกับยาเสพติด 4คูณ 100 เพื่อนำมาเสพว่า ป.ป.ส.พบข้อมูลการแพร่ระบาดการใช้ยาทรามาดอลตั้งแต่ปี 2556 เป็นต้นมาจึงได้ร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการทำโครงการเฝ้าระวังในเขตพื้นที่การศึกษาชั้นในของกทม.และโรงเรียนรอบนอก
นอกจากนี้ได้แจ้งไปยังเครือข่ายสมาคมร้านขายยา และร้านขายยาที่มีใบอนุญาตเพื่อหามาตรการป้องกันไม่ให้มีการจำหน่ายให้กับเด็กและเยาวชน โดยมีข้อกำหนดให้ร้านขายยาหรือเภสัชกรจำหน่ายยาดังกล่าวได้ไม่เกินครั้งละ 10 เม็ดเท่านั้น
ผอ.สถาบันวิชาการและตรวจพิสูจน์ยาเสพติด กล่าวอีกว่ายาทรามาดอลเป็นยาที่มีฤทธิ์รักษาอาการปวดรุนแรงเพราะมีส่วนประกอบของอนุพันธ์ของฝิ่นหากร่างกายรับเข้าไปปริมาณมากจะมีอาการข้างเคียงสูง ซึ่งกลุ่มยาที่ถูกนำไปใช้ในทางที่ผิดมีหลายประเภท เช่น กลุ่มยาแก้ปวดกลุ่มยาแก้ไอและยาที่เป็นน้ำเชื่อม กลุ่มยาแก้แพ้อากาศ ยาแก้อาเจียนโดยยาทั้ง 3 กลุ่มนี้หากนำไปผสมเกินขนาดจะมีฤทธิ์กดประสาทมากกว่าปกติทำให้ร่างกายเกิดอาการชักเกร็ง หมดสติและทำให้เสียชีวิตในที่สุด
"ยาประเภทนี้หากมีการใช้ไปนานๆ จะไม่มีอาการเหมือนกับการติดยาเสพติดและไม่เข้าหลักเกณฑ์ของการเป็นยาเสพติดให้โทษ แต่เมื่อนำไปผสมกับเครื่องดื่มเช่น ชา กาแฟ น้ำอัดลมหรือนำไปผสมกับสารเสพติดประเภทอื่นๆจะทำให้ผู้ใช้ยามีการอาการเคลิบเคลิ้มผ่อนคลาย เกิดอาการล่องลอย ไม่รู้ตัวและในกรณีที่มีการใช้ต่อเนื่องไปนานๆร่างกายจะสะสมและทำให้เกิดอาการแขนขาอ่อนแรงชักเกร็ง หมดสติ หรือถ้าขั้นรุนแรงอาจเสียชีวิต ป.ป.ส.จึงขอแจ้งเตือนไปยังผู้ปกครองและทางสถานศึกษาให้ช่วยสอดสองดูและพฤติกรรมของลูกหลานที่มีช่วงอายุในกลุ่มวัยรุ่นด้วย"น.ส.กัญญนันท์กล่าว
ภาพจาก www.pezcyclingnews.com


