ทรงเจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาท "พระบารมีแผ่ไพศาล"
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณฯทรงยึดแนวทางทรงงานของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
โดย...กองบรรณาธิการโพสต์ทูเดย์
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงเป็น พระราชบุตร องค์ที่ ๒ ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทั้งสองพระองค์ทรงเลี้ยงดูตามหลักการบริบาลทารก คือ เสวยเป็นเวลา บรรทมเป็นเวลา เล่นเป็นเวลา ส่วนการอบรมนั้นโปรดให้รู้จักชีวิตคนสามัญมากที่สุด
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร โปรดเครื่องยนต์ กลไกมากตามแบบเด็กชาย โปรดถอดเครื่องยนต์ต่างๆ ออกทอดพระเนตรเสมอสมเด็จพระราชชนกและสมเด็จพระราชชนนีโปรดให้ทรงเล่นตามสบายไม่ให้ใครห้าม เพราะทรงถือว่าเป็นการศึกษาอย่างหนึ่ง
“ซนมาก เวลาที่เล่นไม่ว่าเลย จะถอดอะไรก็ปล่อย ถือว่าเป็นการศึกษา” สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ รับสั่งถึงทูลกระหม่อม ความผูกพันของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ที่ มีต่อสมเด็จพระราชชนกและสมเด็จพระราชชนนีนั้นลึกซึ้งยิ่งนัก ช่วงที่ทรงไปศึกษาต่างประเทศครั้งแรก ทูลกระหม่อมฟ้าชายทรงกุมพระหัตถ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชแน่น พร้อมซบพระพักตร์ลงกับพระทรวงของสมเด็จพระราชชนก สิ่งนี้ทำ ให้พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระราชหฤทัยระลึกถึงทูลกระหม่อมชายมาก
หม่อมดุษฎี บริพัตร ณ อยุธยา เล่าไว้ในหนังสือ “จงทำ ให้ได้ดั่งฝัน” ว่าได้เข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่พระตำ หนักภูพิงคราชนิเวศน์ จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อหลายสิบปีก่อน ก่อนร่วมโต๊ะเสวย หม่อมได้รับการกำ ชับจากท่านผู้หญิงมณีรัตน์ว่า “ห้ามพูดถึงสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ (พระยศในขณะนั้น) นะ” เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงมีพระราชหฤทัยระลึกถึงพระราชโอรสมาก และคงไม่โปรดให้ใครพูดถึงเพื่อจะได้ลืมและคลายความคิดถึง
แต่พอหม่อมดุษฎีเดินไปนั่งที่โต๊ะเสวย ก้นยังไม่ทันจะแตะที่เก้าอี้ พระบาทสมเด็จ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ก็มีพระราชกระแสรับสั่งถึงสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร (พระยศในขณะนั้น) อย่างยืดยาวติดต่อกันโดยไม่มีช่องว่างให้หม่อมกราบทูลอะไรเลย กลายเป็นว่าเป็นพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เองที่ทรงคิดถึงพระราชโอรสจนอดที่จะตรัสถึงไม่ได้ เรื่องนี้ทำ ให้เราทราบว่า ความรักระหว่างพ่อกับลูกนั้นเป็นความรักที่แนบแน่นยากที่จะคลาย
อย่างไรก็ดี สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เป็นมกุฎราชกุมารที่ทรงงานตามรอยพ่อ โดยได้ทรงติดตามเสด็จฯ ไปปฏิบัติพระราชกรณียกิจพร้อมพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในแทบทุกหนแห่งกล่าวได้ว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เป็นพระราชโอรสที่มีทั้งความผูกพันและความกตัญญูต่อสมเด็จพระราชชนกและสมเด็จพระราชชนนีอย่างสูง
วันที่ ๑๑ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๕๘ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงรวมพลังแห่งความกตัญญู และร่วมใจสามัคคีของคนไทยทั่วประเทศ ปั่นจักรยานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๘ พรรษา วันที่ ๕ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๕๘ พร้อมพระราชทานภาพ ฝีพระหัตถ์ ขอบใจพสกนิกรที่เข้าร่วมกิจกรรมจักรยานเฉลิมพระเกียรติ “ปั่นเพื่อพ่อ BIKE FOR DAD” ข้อความตอนหนึ่งว่า “งานนี้ได้เป็นประจักษ์แล้วว่าคนไทย ‘ทำ ได้’ และปลื้มที่สุดที่ได้เห็นทุกคน ‘ปั่นเพื่อพ่อ’ จากหัวใจ”(คือแสดงออกด้วยการกระทำ นั่นเอง)ก่อนหน้านี้ วันที่ ๑๖ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๘ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงเข้าร่วมกิจกรรม “BIKE FOR MOM ปั่นเพื่อแม่” เฉลิมพระเกียติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ แม่ของแผ่นดิน เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๓พรรษา ๑๒ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๘
ตามรอยพระยุคลบาท
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงตามเสด็จพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในงานต่างๆ มาตั้งแต่พอจะเสด็จออกงานได้ เริ่มด้วยงานที่ไม่ใช่งานพระราชพิธีโดยตรง เช่น การแข่งขันกีฬา การเปิดการแสดงต่างๆ ทรงสั่งสมพระประสบการณ์เกี่ยวกับบ้านเมืองและราษฎร เมื่อทรงพระเจริญวัยได้ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจด้านต่างๆ นานัปการ ทั้งพระราชกรณียกิจด้านกิจการทหารและตำรวจ พระราชกรณียกิจด้านการศาสนา ศิลปวัฒนธรรมและจารีตประเพณีในวาระสำคัญของชาติ อาทิ พระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ อันเป็นพระราชพิธีสร้างขวัญกำลังใจแก่เกษตรกรประจำทุกปี
ทรงตระหนักในความสำคัญของการเกษตร ซึ่งเป็นหัวใจหลักด้านเศรษฐกิจของชาติ ทั้งมีพระราชประสงค์จะทรงดำรงรักษาความผูกพันระหว่างสถาบันกษัตริย์และเกษตรตามรอยพระราชบุพการี โดยมีพระราชดำริจัดตั้งโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ตั้งแต่พุทธศักราช ๒๕๔๕ เพื่อช่วยเหลือราษฎรในท้องถิ่นให้ได้มีเทคโนโลยีการเกษตรแผนใหม่ และนำไปปรับปรุงงานเกษตรกรรมให้ได้ผลผลิตมากขึ้นสามารถเลี้ยงตัวเองได้อย่างยั่งยืน
รวมทั้งได้เสด็จฯ ไปทรงเป็นประธานในการทำนาสาธิตโดยการใช้ปุ๋ยหมัก ณ บริเวณบึงไผ่แขก ตำบลดอนโพธิ์ทอง อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี ได้เสด็จฯ ไปทรงหว่านข้าวและเกี่ยวข้าวพันธุ์ปทุมธานี ๑ ที่บ้านนาป่า ตำบลบางงาม อำเภอศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี
ทั้งยังทรงยึดแนวทางทรงงานของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ช่วยเหลือราษฎรแก้ปัญหาดินและน้ำในลักษณะต่างๆ โดยมีพระราชดำริให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพัฒนาแหล่งน้ำในหลายพื้นที่ เช่น ศูนย์การเรียนรู้และพัฒนาด้านเกษตรกรรม เกษตรวิชญา บ้านกองแหะ อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ โครงการพัฒนาพื้นที่บ้านกูแบสิรา อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี รวมทั้งสร้างอ่างเก็บน้ำ ระบบส่งน้ำบรรเทาปัญหาขาดแคลนน้ำให้ราษฎรหลายหมู่บ้านในตำบลหนองแคน และตำบลดงมอน อำเภอดงหลวง จังหวัดมุกดาหาร เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังเสด็จฯ ไปทรงเยี่ยมแหล่งเกษตรกรรมต่างๆ อาทิ โครงการปศุสัตว์ ที่อำเภอมูโนะ จังหวัดนราธิวาส สถานที่สร้างอ่างเก็บน้ำสำหรับหมู่บ้านกกคู อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส เป็นต้น
ในช่วงเวลาที่ผ่านมาหลายทศวรรษ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณบดินทรเทพยวรางกูร ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจนานัปการเพื่อความร่มเย็นเป็นสุขของประชาชนด้วยพระวิริยอุตสาหะ ทรงยึดมั่นในพระสัจจะวาจาที่ทรงเจริญรอยตามพระยุคลบาทพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ซึ่งมีพระมหากรุณาธิคุณสถิตอยู่เหนือเศียรเกล้าของชาวไทย
น้ำพระทัยเพื่อพสกนิกร
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ได้ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจด้านต่างๆ นานัปการ พระราชกรณียกิจทั้งปวงล้วนมีการสร้างสรรค์ความผาสุกสงบแก่ประชาชน นำความเจริญไพบูลย์และความมั่นคงมาสู่ประเทศ เช่น ด้านการแพทย์และสาธารณสุข การศึกษา การศาล การสังคมสงเคราะห์ การพระศาสนา การต่างประเทศ และการศึกษา ฯลฯ
ด้านการแพทย์และการสาธารณสุข
ด้านการแพทย์ และการสาธารณสุขนั้น สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงตระหนักว่า สุขภาพพลานามัยอันดีของประชาชนเป็นปัจจัยสำคัญของการสร้างสรรค์ทรัพยากรบุคคลอันมีคุณภาพไว้เป็นพลังในการพัฒนาประเทศ จึงสนพระราชหฤทัยในการประกอบพระราชกรณียกิจด้านการแพทย์และสาธารณสุข
เช่น เมื่อรัฐบาลได้น้อมเกล้าฯ ถวายโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชเนื่องในพระราชพิธีอภิเษกสมรสจำนวน ๒๑ แห่ง ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ พระองค์ก็ได้ทรงพระอุตสาหะเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมโรงพยาบาลสม่ำเสมอ พระราชทานพระราชทรัพย์สนับสนุนให้มีอุปกรณ์การแพทย์ เครื่องมือเครื่องใช้ที่ทันสมัยเพื่อสามารถให้บริการที่ดีแก่ประชาชน และเมื่อพุทธศักราช ๒๕๓๗ ทรงรับเป็นประธานกรรมการอำนวยการจัดสร้างอาคารศูนย์โรคหัวใจ สมเด็จพระบรมราชินีนาถ เป็นต้น
ด้านการศึกษา
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงทราบดีว่าเยาวชนในถิ่นทุรกันดารยังด้อยโอกาสในการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการก่อตั้งโรงเรียนมัธยมศึกษาในถิ่นทุรกันดาร ๖ โรงเรียน ได้แก่ โรงเรียนมัธยมพัชรกิติยาภา จังหวัดนครพนม กำแพงเพชร สุราษฎร์ธานี โรงเรียนมัธยมสิริวัณวรี จังหวัดอุดรธานี สงขลา และฉะเชิงเทรา ได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงวางศิลาฤกษ์เอง ทรงรับโรงเรียนไว้ในพระราชูปถัมภ์ พระราชทานวัสดุอุปกรณ์การศึกษาอันทันสมัย เช่น คอมพิวเตอร์ โทรทัศน์ วีดิทัศน์ พระราชทานคำแนะนำ และทรงส่งเสริมให้โรงเรียนดำเนินโครงการอันเป็นประโยชน์แก่นักเรียน เช่น โครงการอาชีพอิสระ เพื่อให้เยาวชนใช้ความรู้ประกอบอาชีพเลี้ยงตนและครอบครัวได้เมื่อจบการศึกษา ได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมโรงเรียน ทรงติดตามผลการศึกษา ด้วยน้ำพระหฤทัยที่ทรงพระเมตตาห่วงใยเยาวชนผู้ด้อยโอกาส และในด้านอุดมศึกษา พระองค์ได้ทรงพระกรุณาเสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ไปพระราชทานปริญญาบัตรแก่บัณฑิตของมหาวิทยาลัยต่างๆ ปีละเป็นจำนวนมากทุกปี
ด้านสังคมสงเคราะห์
ทรงพระกรุณาห่วงใยในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนโดยเฉพาะเยาวชนที่ด้อยโอกาสและขาดแคลน ได้ทรงพระอุตสาหะเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมชุมชนแออัดในกรุงเทพฯ หลายแห่ง เช่น ชุมชนแออัดเขตพระโขนง เขตคลองเตย เขตยานนาวา เป็นต้น ทรงพระกรุณาพระราชทานเครื่องอุปโภคบริโภค เครื่องกีฬา เครื่องดับเพลิง โปรดเกล้าฯ ให้กรมทหารในบังคับบัญชาของพระองค์ ร่วมกับประชาชนพัฒนาสิ่งแวดล้อม พระราชทานพระราชทรัพย์สนับสนุนโครงการต่างๆ เช่น โครงการพัฒนาเด็กเล็กที่ขาดแคลน โครงการปราบปรามยาเสพติดในหมู่เยาวชนชุมชนแออัดคลองเตย
ด้านการทหารและความมั่นคง
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ได้ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจด้านการทหาร ทั้งทรงเข้าร่วมปฏิบัติการรบในการต่อต้านการก่อการร้ายในภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย แม้เป็นพระราชภารกิจที่ต้องทรงเสี่ยงภยันตราย แต่ด้วยความที่ทรงเป็นชายชาติทหาร และเพื่อความผาสุกของพสกนิกร พระองค์จึงทรงปฏิบัติพระราชภารกิจโดยเต็มพระราชกำลัง รวมถึงการเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมและพระราชทานสิ่งของแก่บรรดาทหาร ตำรวจ และอาสาสมัครที่ปฏิบัติหน้าที่ป้องกันชายแดนและรักษาความสงบใน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติภารกิจ
นอกจากพระราชกรณียกิจดังกล่าวโดยสังเขป พระองค์ยังพระราชทานพระราชูปถัมภ์แก่สมาคม ชมรมหลากหลายสาขา รวมถึงหน่วยงานการกุศลต่างๆ ที่ดำเนินงานเพื่อประโยชน์แก่สังคมและประเทศอีกเป็นจำนวนมาก


