posttoday

ซารังเฮโย

01 ธันวาคม 2559

โดย...น่านฟ้า

โดย...น่านฟ้า

“ซารังเฮโย” ประโยคเกาหลีที่คุ้นหูคนไทย และเชื่อว่ามีคนไทยไม่น้อยที่รู้ความหมายของประโยคดังกล่าวผ่านการดูละครซีรี่ส์เกาหลี หลายปีที่ผ่านมาวัฒนธรรมเกาหลีได้หลั่งไหลเข้ามาในประเทศไทยผ่านทางละครซีรี่ส์เกาหลี     

เรื่องแรกๆ ที่ผู้เขียนจดจำได้ น่าจะเป็นเรื่อง “แดจังกึม” ละครเกาหลีแนวทำอาหาร ซึ่งเป็นที่นิยมของคนไทย นอกจากละครเกาหลีแล้ว เพลงแนวเค-ป๊อป อาหารเกาหลี การทำศัลยกรรมของประเทศเกาหลีที่สามารถเปลี่ยนแปลงหน้าตาไปเป็นคนละแบบอย่างน่าอัศจรรย์ เครื่องสำอางเกาหลีที่คนไทยบินไปขนกันกลับมาเหมือนแจกฟรี ก็เป็นที่นิยมไม่แพ้กัน กระแสความนิยมเหล่านี้ทำให้ประเทศเกาหลีใต้กลายเป็นจุดหมายที่ยอดนิยมของคนไทยในปัจจุบันอาจเพราะระยะเวลาในการเดินทางที่ไม่นานนัก ราคาตั๋วเครื่องบินไม่แพง

ปัจจุบันมีสายการบินโลว์คอสต์เปิดเส้นทางบินตรงเกาหลีใต้ในราคาถูกเพียงหลักพันบาท นอกจากนี้บริษัทนำเที่ยวยังมีการจัดโปรโมชั่นแพ็กเกจท่องเที่ยวเกาหลีในราคาย่อมเยาเป็นที่ชื่นชอบของลูกค้าคนไทยที่เดินทางไปตามรอยซีรี่ส์เกาหลี

ประเทศไทยกับประเทศเกาหลีใต้มีการทำข้อตกลงร่วมกัน อนุญาตให้ประชาชนของทั้งสองประเทศสามารถเดินทางไปมาระหว่างกันได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า และสามารถพำนักได้นานถึง 90 วัน ทำให้มีประชาชนของทั้งสองประเทศเดินทางไปมาเป็นจำนวนมาก ทั้งการท่องเที่ยวและการติดต่อธุรกิจ จากสถิติของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พบว่า คนเกาหลีใต้เดินทางมาประเทศไทยสูงกว่าคนไทยเดินทางไปประเทศเกาหลีใต้มากกว่า 3 เท่า

ในปี 2558 คนเกาหลีใต้เดินทางมาประเทศไทยมีจำนวนถึง 1.45 ล้านคน มีคนเกาหลีใต้ถูกปฏิเสธเข้าเมืองและผลักดันจำนวน 960 คน คิดเป็นร้อยละ 0.066  ซึ่งถือว่าน้อยมาก หรือเรียกว่าแทบไม่มีโอกาสถูกส่งกลับเลย ในขณะเดียวกันคนไทยเดินทางไปเกาหลีใต้มีจำนวน 4 แสนคน แต่มีคนไทยถูกปฏิเสธเข้าเมืองและผลักดันมีจำนวนถึง 2.875 หมื่นคน คิดเป็นร้อยละ 7.18 คิดง่ายๆ คือ นักท่องเที่ยวไทยทุก 100 คน จะถูกส่งกลับ 7 คนกว่าๆ ซึ่งถือว่าเป็นร้อยละที่สูงมาก และมีแนวโน้มสูงขึ้นในทุกๆ ปี หากไม่มีการแก้ไขปีนี้อาจจะทะลุ 3 หมื่นคน และจากสถิติคนไทยที่ถูกส่งกลับจากทุกประเทศ พบว่าเกาหลีใต้เป็นประเทศที่ส่งกลับคนไทยมากที่สุดในโลก!!! คำถามคือเกิดอะไรขึ้น? ปัญหาเกิดจากอะไร? 

ส่วนหนึ่งยอมรับว่ามีคนไทยเข้าไปลักลอบทำงานอย่างผิดกฎหมายในเกาหลีใต้จริง เนื่องจากค่าจ้างที่นั่นสูงกว่าที่ประเทศไทยหลายเท่า จึงดึงดูดแรงงานไทยให้เข้าไปทำงาน แต่นักท่องเที่ยวที่ถูกส่งกลับมีจำนวนมากถึง 2.875 หมื่นคน เป็นคนที่ตั้งใจเดินทางไปเพื่อลักลอบทำงานทั้งหมดหรือ? จากการที่ผู้เขียนได้มีโอกาสพูดคุยกับกลุ่มคนไทยที่ถูกส่งกลับมาจากประเทศเกาหลีใต้ พบว่าหลายคนที่ถูกส่งกลับมาด้วยความงุนงง พวกเขาเหล่านี้ถูกกักตัวอยู่หลายชั่วโมงหรือหลายวัน สภาพไม่ต่างจากติดคุก โดยไม่ได้รับการชี้แจงเหตุผลจาก ตม.เกาหลี

หลายคนมีหน้าที่การงานที่มั่นคงที่ประเทศไทย แน่นอนว่าเขาเหล่านี้คงไม่ใช่แรงงานผิดกฎหมาย ยอมทิ้งหน้าที่การงานที่นี่ไปลักลอบทำงานอย่างผิดกฎหมายแน่นอน หลายคนเดินทางไปครั้งแรก จึงเป็นไปไม่ได้ว่าคนเหล่านี้มีประวัติการลักลอบเข้าไปทำงาน หรืออยู่เกินกำหนด (Overstay) ในประเทศเกาหลีใต้อย่างแน่นอน

ส่วนหนึ่งของปัญหาอาจเกิดจากคนเหล่านี้บางคนพูดภาษาอังกฤษได้ไม่คล่อง จึงไม่สามารถอธิบายรายละเอียดกับเจ้าหน้าที่ ตม.ที่นั่นได้เท่าที่ควร แต่ก็คงไม่ใช่เหตุผลที่คนเหล่านี้จะถูกปฏิเสธเข้าเมือง

จากจำนวนคนไทยที่ถูกส่งกลับในปีที่แล้ว หากคิดเป็นตัวเลขกลมๆ ค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับ คนละ 2 หมื่นบาท พบว่าในปี 2558 เพียงปีเดียว พี่น้องคนไทยได้เสียเงินไปฟรีๆ ถึง 400,340,000 บาท เป็นตัวเลขที่น่าตกใจ! ถือเป็นความสูญเสียทางเศรษฐกิจอย่างเห็นได้ชัด ยังไม่นับถึงค่าโรงแรมที่พักและแพ็กเกจท่องเที่ยวที่จ่ายไปแล้วไม่สามารถขอคืนได้

สิ่งหนึ่งที่หลายคนไม่ทราบ คือ ตม.เกาหลี มีการเก็บข้อมูลลายพิมพ์นิ้วมือและเลขบัตรประชาชนของผู้โดยสาร ดังนั้นคนที่เคยถูกจับฐานลักลอบทำงาน คนที่เคยอยู่เกินกำหนด คนที่อยู่เต็มจำนวนอนุญาตถึง 90 วันติดต่อกันหลายครั้ง ซึ่งผิดจากนักท่องเที่ยวปกติหรือคนที่เดินทางไปครั้งแรกแล้วถูกส่งกลับ คนในกลุ่มนี้หากเดินทางไปอีก มีโอกาสที่จะถูกส่งกลับสูง แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนชื่อ นามสกุลก็ตาม ดังนั้นนักท่องเที่ยวที่อยู่ในข่ายดังกล่าว หากมีความประสงค์จะเดินทางไปเกาหลีใต้ ขอแนะนำให้ยื่นขอวีซ่าจากสถานทูตเกาหลีประจำประเทศไทย

นอกจากนี้ ควรเตรียมเอกสารและข้อมูลที่จำเป็นให้ครบถ้วน เช่น ตั๋วเครื่องบินขากลับ หลักฐานการจองที่พัก แผนการท่องเที่ยว และเงินติดตัวจำนวนที่เหมาะสม เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกส่งกลับมา

เสียเงินฟรีๆ ไม่ได้เที่ยว แล้วยังเสียความรู้สึก คงเป็นประสบการณ์การท่องเที่ยวที่ทุกคนคงไม่อยากประสบพบเจอในวันหยุดสุดสัปดาห์เป็นแน่แท้!!!

ข่าวล่าสุด

งานเข้า! EU สอบสวน Google ข้อหาผูกขาดเนื้อหาให้กับ AI ของบริษัท