“ขร.บำนาญมหาดไทย” จวกการเมืองทำระบบราชการพัง
“ข้าราชบำนาญมหาดไทย” ออกโรง จวกยับ การเมืองแทรกทำระบบราชการพัง อัดโยกย้ายข้ามหัวไม่สนอาวุโส ปลุกข้าราชการสู้ แฉ “มานิต” ทำผิดเพียบ แนะ ยุบ ก.พ.ร. ทิ้ง
“ข้าราชบำนาญมหาดไทย” ออกโรง จวกยับ การเมืองแทรกทำระบบราชการพัง อัดโยกย้ายข้ามหัวไม่สนอาวุโส ปลุกข้าราชการสู้ แฉ “มานิต” ทำผิดเพียบ แนะ ยุบ ก.พ.ร. ทิ้ง
เมื่อเวลา 11.00 น. ที่มูลนิธิสมาคมข้าราชการบำนาญมหาดไทย กระทรวงมหาดไทย นายโชดก วีรธรรม พูลสวัสดิ์ นายกสมาคมข้าราชการบำนาญกระทรวงมหาดไทย นายไพโรจน์ พรหมสาส์น อุปนายกสมาคม นายนิพัทธา มรรัตนเมธา อุปนายกสมาคม นายพงศ์โพยม วาศภูติ อุปนายกสมาคม และคณะกว่าสิบคนร่วมแถลงข่าว กรณีการโยกย้ายข้าราชการในกระทรวงมหาดไทย
โดยนายโชดก กล่าวว่า วันนี้เป็นวันประชุมของสมาคมแต่มีวาระพิเศษ คือเรื่องการบริหารงานบุคคล ในฐานะที่พวกตนเป็นอดีตข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่ผ่างานด้านบริหารมาก่อน เห็นว่าแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการไม่ชอบด้วยกฎหมาย คนที่เข้ามาเป็นนายอำเภอ ปลัดอำเภอ ซึ่งเป็นเรื่องเสียหายของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งที่มาแถลงข่าววันนี้ไม่ได้เป็นการแบ่งพรรค แบ่งพวก หรือแบ่งสถาบัน แต่เรามาเพื่อรักษาระบบคุณธรรม เพราะวันนี้การเมืองเข้ามาล้วงลูกมากเกินไป
ด้านนายพงษ์โพยม วาศภูติ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า คนที่เกษียนอายุราชการของกระทรวงมหาดไทยก็ติดตามกระทรวงมหาดไทยมาโดยตลอด หลังเปลี่ยนขั้วทางการเมืองมีพรรคหนึ่งมาดูแลกระทรวงมหาดไทยและมีข่าวไม่สู้ดีหลายเรื่อง เช่น เรื่องการบริหารงานบุคคล โดยเฉพาะการแต่งตั้งบุคคลที่มีอาวุโสน้อย ผลงานน้อย ตั้งแต่ปีที่แล้ว อย่างนายมานิต วัฒนเสน ปลัดกระทรวงมหาดไทยอาวุโส ลำดับที่ 13 ก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นถึงปลัดกระทรวง สมาคมข้าราชฯได้ติติงตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่มาปีนี้หนักกว่าเก่าเพราะการเสนอ นายมงคล สุระสัจจะ อธิบกรมการปกครอง เป็นปลัดกระทรวงมหาดไทยคนใหม่ ซึ่งอาวุโสอยู่ที่ลำดับ 54 และอาวุโสในกลุ่มบริหารอยู่ในกลุ่มบริหารอันดับที่ 12 ซึ่งเป็นอันดับสุดท้าย ถือว่าหนักกว่านายมานิตมาก
นายพงษ์โพยม กล่าวต่อว่า ถ้าไปดูในสารบบมีผู้ว่าราชการจังหวัด 35 คน อาวุโสมากกว่านายมงคล เรื่องนี้พวกตนเองไม่ได้หมายความว่าไม่ยอมรับความสามารถแต่คนที่เป็นผู้ว่าฯเพียง 1 ปี และเป็นอธิบดี 2 กรมภายใน 1ปี จะมีผลงานมากแค่ไหน และโดดเด่นแซงคนอื่นขึ้นมาได้อย่างไร ดังนั้น คงขึ้นมาเพราะการเมือง อย่างตอนเป็นรองผู้ว่าฯ เวลา 3 ปี และเป็นผู้ว่าฯบุรีรัมย์เพียง 1 ปี และผู้มีอำนาจในมหาดไทยก็เป็นบุคคลสำคัญใน จ.บุรีรัมย์ ก็อดสงสัยไม่ได้ว่ามีการเมืองมาเกี่ยวข้อง ไปถามใครก็จะได้คำตอบ เพราะการเมืองแทรกแซงหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้ถือว่าผิดกฎหมายระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน 2551 มาตรา 42 (3) ว่าด้วยความการพิจารณาเลื่อนตำแหน่งของข้าราชการ ต้องพิจารณาจากผลงาน ศักยภาพ และความประพฤติจะนำความคิดเห็นทางการเมือง หรือการสังกัดพรรคการเมืองมาประกอบการพิจารณาไม่ได้
“ ถ้ามีการแต่งตั้งลัดคิว ลัดอาวุโส แบบนี้ ถือว่าเป็นการทำลายระบบคุณธรรม แค่หลับตาก็เห็นคนที่ไม่อยู่ในคิวขึ้นมารับใช้การเมือง และรับใช้มากกว่าผลประโยชน์ของบ้านเมือง และคนกลุ่มนี้ต้องทำวิถีทางที่จะรักษาขั้วอำนาจเดิมไว้ให้มากที่สุดเพราะหากมีการเปลี่ยนขั้วการเมืองตัวเองก็จะเป็นอันตรายได้ ซึ่งที่ผ่านมานายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เคยตอบคำถามสื่อมวลชนในการแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.)ว่าต้องยึดหลักอาวุโส แต่พอถึงกระทรวงมหาดไทย นายกฯกลับลอยแพ เพียงเพราะว่ากระทรวงมหาดไทยไม่ใช่ของพรรคประชาธิปัตย์ ถือว่าไม่ถูกต้อง ”นายพงษ์โพยม กล่าว
นายพงษ์โพยม กล่าวด้วยว่า เร็วๆนี้จะมีการแต่งตั้งอธิบดีคนใหม่โดยพยายามให้ โดยพยายามให้คนที่เป็นผู้ว่าฯเพียงปีเดียว ขึ้นมาเป็นอธิบดี รวมทั้งคนที่เป็นรองผู้ว่าฯเพียง 1 ปี ขึ้นมาเป็นผู้ว่าฯ ทั้งที่รองผู้ว่าฯที่เป็นมาแล้วหลายปีรออยู่ การแต่งตั้งแบบนี้คนที่ทำงานแค่ปีเดียวจะมีผลงานได้อย่างไร ขอดักขอไว้เลย และมาดูการประชุมคณะรัฐมนตรีทุกวันอังคารได้เลยว่าจะเป็นไปตามที่ตนเองพูดหรือไม่
“ผมใช้เวลาจากการเป็นนายอำเภอถึงผู้ว่าฯ 17 ปี และจากผู้ว่าฯเป็นอธิบดีและปลัดกระทรวงอีก 10 ปี รวมเป็นเวลา 27 ปี แต่นายมงคลใช้เวลาจากนายอำเภอมาเป็นปลัดกระทรวงใช้เวลาแค่ 16 ปี แสดงว่านายมงคลเป็นคนที่มีความสามารถมาก ถึงมาขึ้นมาเร็วกว่านี้” นายพงษ์โพยม กล่าว
นอกจากนี้กรณีที่คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม(ก.พ.ค.) มีมติเอกฉันท์ ให้ยกเลิกการคำสั่งการแต่งตั้งนายอำเภอระดับ 9 จำนวน 41 คน ของนายมานิต วัฒนเสน นั้นการเลือกนายอำเภอระดับ 8 ไปขึ้นอยู่ระดับ 9 ผู้ที่ถูกคัดเลือกซึ่งอยู่ในอันดับที่ 400 กว่า ได้เลื่อนตำแหน่ง แต่คนที่ได้อันดับ 1 กลับไม่ได้การแต่งตั้ง ทั้งนี้ใน 46 ตำแหน่งของข้าราชการระดับ 9 ที่แต่งตั้งไปนั้นมี 5คนที่เหมาะสมตามอาวุโสและความสามารถเท่านั้น ที่เหลืออยู่ในระดับกลางๆ และท้ายๆ ทั้งหมด ซึ่งก.พ.ค.ตัดสินมาแล้ว แต่มหาดไทยยังงอแงอยู่ ดังนั้น อยากให้ผู้มีส่วนได้เสียออกมาเรียกร้องบ้าง
“เรื่องตั้งนายอำเภอผมห่วงมากกว่า กลัวว่าเขาจะให้คัดเลือกใหม่แต่กลับได้คนเก่า หากเป็นแบบนี้ถือว่าน่ากลัวกว่า เพราะแค่ทำกระบวนการให้ถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น แต่ไม่ถูกต้องตามจริยธรรม” นายพงษ์โพยม กล่าว
นอกจากนี้ยังมีการแต่งข้าราชการระดับรองลงมา เช่น ตำแหน่งชำนาญการพิเศษ และตำแหน่งทรัพยากรบุคคล ก็มีการกระทำที่ผิดกฎหมายเช่นกัน เพราะมีการกำหนดวันสอบ เวลาสอบ ของทั้ง 2 ตำแหน่งในเวลาเดียวกัน ซึ่งผู้ที่มีคุณสมบัติสามารถสมัครเข้ารับการสรรหาทั้ง 2ตำแหน่ง ซึ่ง อนุกรรมการข้าราชการพลเรือน(อ.ก.พ.) มหาดไทย ไม่ได้อนุมัติ แต่คณะกรรมการที่จัดสอบไปทำกันเอง ทำให้ข้าราชการที่มีความสามารถเสียสิทธิ
เมื่อถามว่า การจัดตั้งปลัดกระทรวงคนใหม่อยากให้นายกฯเข้ามาพิจารณาหรือไม่ นายพงศ์พโยม กล่าวว่า เท่าที่ทราบว่าครม.มีมติแต่งตั้งได้ แต่ถึงผ่านแล้วก็สามารถขอให้พิจารณาใหม่ได้ถ้าไม่ถูกต้อง ต่อข้อถามว่า จะยื่นฎีกาคัดค้านการโปรดเกล้าฯ หรือไม่ นายพงศ์พโยม กล่าวว่า เป็นเรื่องแต่ละบุคคล แต่รื่องโปรดเกล้าฯ เป็นอีกระดับหนึ่ง ทั้งนี้ก.พ.ค. ไม่ได้กำหนดระยะเวลาไว้
เมื่อถามว่าจากคำสั่งของ ก.พ.ค. ระบุว่าให้ปลัดมหาดไทย(นายมานิต วัฒนเสน) เป็นผู้เซ็นต์ยกเลิกคำสั่ง นายพงศ์โพยมกล่าวว่า ต้องไปถามก.พ.ค. ถ้านายมานิตไม่ทำตามแสดงว่ากฎหมายเป็นหมัน จริงๆแล้วนายกฯ ในฐานะผู้รักษาการก.พ.ค. ต้องรับผิดชอบเรื่องนี้
“อยากจะเรียกร้องนายกฯและข้าราชการทุกคน ทุกหน่วยให้ดูแลรักษาสิทธิ และความถูกต้องของระบบ อย่าขลาดกลัวนักการเมืองจนเกินไป ใครก็ตามที่ร้องเรียนก.พ.ค.จะได้รับความคุ้มครอง ต้นสังกัดย้ายไม่ได้ กฎหมายเขียนไว้ชัดเจน”นายพงศ์โพยม กล่าว
เมื่อถามถึงการแต่งตั้งปลัดกระทรวงมหาดไทยคนใหม่มีเสียงตอบรับจากผู้ว่าราชการจังหวัดอย่างไรบ้าง นายพงศ์โพยม กล่าวว่า ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย แต่ไม่แสดงออก ถ้าผู้ว่าราชการจังหวัด 20-30 คนไม่เห็นด้วยจะย้ายไปเป็นผู้ตรวจราชการทั้งหมดเลยก็คงไม่ได้ แต่เราไม่เห็นด้วยกับระบบ
“เป็นธรรมดาของมนุษย์เงินเดือนที่ไม่ค่อยกล้าแสดงออก แสดงความคิดเห็น ไม่กล้าที่จะทำอะไรเพราะจะเป็นภัยต่อตัวเอง ไม่อยากให้การแต่งตั้งข้าราชการเขวไขวไปจากหลักที่เคยเป็น” นายโชดก กล่าว
เมื่อถามว่า การแสดงออกบ่อยครั้ง แต่ไม่มีผลต่อการดำเนินการทางการเมือง จะมีอะไรที่เป็นรูปธรรมต่อการดำเนินการอย่างจริงจังในกรณีที่ถูกนักการเมืองล้วงลูก นายพงศ์โพยม กล่าวว่า เราไม่ได้ร้องเรียนเพื่อมหาดไทย แต่ต้องเรียนเพื่อข้าราชการต้องช่วยกันเพื่อให้ระบบไปสู่ความถูกต้อง ถ้าหากร้องเพียงกรมเดียว กระทรวงเดียวไม่ได้ผล ต้องรู้สึกรับผิดชอบร่วมกัน ต้องจัดความสัมพันธ์ระหว่างข้าราชการประจำ กับการเมืองเสียใหม่ การแก้กฎหมาย หรือแยกภาค ทั้งนี้สนับสนุนให้ตั้งสหภาพข้าราชการ อาจจะช่วยได้ ฝ่ายการเมืองต้องฟังและแคร์ข้าราชการ
นายพงษ์โพยม กล่าวว่า การบริหารงานของนายมานิต ที่ผ่านมามีปัญหามาก เพราะปกติแล้วรองปลัดกระทรวงมหาดไทยต้องมีการแบ่งคลัสเตอร์ดูแลกรมกองต่างๆ แต่ปรากฎว่าสมัยนายมานิต ไม่มีการแบ่งงานแต่กลับให้อธิบดีกรมการปกครองดูแลทั้งหมด ซึ่งเรื่องทางคณะกรรมการพัฒนาระบบข้าราชการ (ก.พ.ร.)ได้มีมติมาแล้วว่าทำไม่ได้ แต่ก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลง สะท้อนว่าก.พ.ร.เองก็ทำอะไรไม่ได้ ควรจะยุบทิ้งไปเลยดีกว่า
ทั้งนี้เรื่องการจัดความสัมพันธ์ระหว่างฝ่ายการเมืองและข้าราชการประจำนั้น ส่วนตัวเห็นว่า ต้องมีการแก้กฎหมายให้ฝ่ายการเมืองสามารถแต่งตั้งปลัดกระทรวงได้ตำแหน่งเดียวเท่านั้น แต่ตำแหน่งอื่นๆ ต้องให้ข้าราชการแต่งตั้งและคัดเลือกกันเอง เพราะหากฝ่ายการเมืองสามารถจับหัวใครมานั่งอธิบดีได้ก็คงมีการล้วงลูกไปถึงการตั้งภารโรง ซึ่งหากเป็นแบบนี้ระบบราชการคงอยู่ไม่ได้


