posttoday

ศิลปินตัวจริงแห่งท้องทะเล

13 พฤศจิกายน 2559

มองเผินๆ อาจจะคิดว่าก้อนวุ้นลอยน้ำ แต่อย่าได้ประมาทพวกมันเป็นอันขาด เพราะแมงกะพรุนมีคุณลักษณะเฉพาะตัวสูง

โดย...Henturem voluptatem m niassus.

มองเผินๆ อาจจะคิดว่าก้อนวุ้นลอยน้ำ แต่อย่าได้ประมาทพวกมันเป็นอันขาด เพราะแมงกะพรุนมีคุณลักษณะเฉพาะตัวสูง บางชนิดมีพิษถึงตาย บางชนิดส่องแสงได้ และส่วนใหญ่ยังมีเทคนิคการว่ายน้ำที่ทรงประสิทธิภาพ แม้แต่นักวิทยาศาสตร์ยังต้องประหลาดใจกับศิลปินแห่งท้องทะเลเหล่านี้

นักวิทยาศาสตร์เคยเชื่อว่าแมงกะพรุนไม่ได้มีความพิเศษอะไร พวกมันว่ายน้ำไม่เก่ง ต้องอาศัยคลื่นลมพัดพาไป แต่ความเชื่อดังกล่าวผิดอย่างมหันต์

ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดในสหรัฐ ได้ศึกษาเทคนิคการว่ายน้ำของแมงกะพรุนด้วยกล้องความเร็วสูง และพบว่าแมงกะพรุนเป็นนักว่ายน้ำที่มีความสามารถเฉพาะตัว มันใช้แรงดันน้ำและลักษณะทางกายภาพที่ไม่ซับซ้อนของตัวเองให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้

นี่เป็นผลการค้นพบล่าสุดจากการศึกษาแมงกะพรุนระยะยาว ซึ่งทำให้รู้ว่าแมงกะพรุนไม่ใช่สัตว์ด้อยวิวัฒนาการอย่างที่หลายคนคิด

แรงดูดส่งให้เคลื่อนที่

นักชีววิทยาเคยเชื่อว่าแมงกะพรุนเคลื่อนที่ไปข้างหน้าได้เพียงทิศทางเดียว โดยอาศัยการบีบของลำตัวด้านบนที่มีลักษณะคล้ายร่มหรือระฆังคว่ำ แรงอัดทำให้น้ำที่อยู่ในกระดิ่งฉีดพุ่งไปข้างหลัง ตัวมันจึงเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างเลี่ยงไม่ได้

แต่เมื่อนักวิทยาศาสตร์วัดแรงดันน้ำรอบตัวแมงกะพรุนสายพันธุ์ที่พบได้ทั่วไป ก็พบว่ามันไม่ได้ฉีดน้ำไปข้างหลังอย่างเดียว แต่การบีบของลำตัวยังก่อให้เกิดแรงดันใต้ลำตัวส่วนบนที่มีรูปร่างคล้ายร่มให้กางออก แสดงว่ามันเคลื่อนที่ไปข้างหน้าด้วยแรงดูดไม่ใช่แรงผลัก

การเคลื่อนที่ไปข้างหน้าด้วยวิธีดังกล่าวช่วยให้การว่ายน้ำใช้พลังงานน้อยลง ซึ่งนับเป็นข้อดี เพราะยิ่งใช้พลังน้อยก็ยิ่งต้องการอาหารน้อย แต่พวกเขายังอธิบายไม่ได้ว่าแมงกะพรุนสร้างแรงดันไปข้างหน้าด้วยวิธีใด

ศิลปินตัวจริงแห่งท้องทะเล ภาพ : www.google.co.th

 

ลำตัวประกอบด้วยน้ำถึงร้อยละ 98

ลักษณะทางกายวิภาคของแมงกะพรุนไม่มีอะไรซับซ้อน ลำตัวของมันประกอบด้วยน้ำถึงร้อยละ 98 ไม่มีโครงสร้างค้ำจุน แมงกะพรุนส่วนใหญ่มีขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือไปจนถึงเท่าจานข้าว แต่สายพันธุ์ที่เล็กจิ๋วนั้นมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น และที่ใหญ่มหึมาก็มีเช่นกัน บางสายพันธุ์เมื่อโตเต็มที่จะมีน้ำหนักมากกว่ามนุษย์ถึง 2 เท่าเลยทีเดียว

ช่องเปิดเพียงหนึ่งเดียวในตัวแมงกะพรุนอยู่ด้านล่างของลำตัวที่มีลักษณะคล้ายร่ม โดยทำหน้าที่เป็นทั้งปากและรูระบายของเสีย ถัดจากรูนี้เข้าไปคือโพรง ซึ่งเป็นส่วนของระบบย่อยอาหารและอวัยวะสืบพันธุ์

ทุกวันนี้นักวิทยาศาสตร์รู้เพียงลักษณะทั่วไปของแมงกะพรุน แต่แทบไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับวิวัฒนาการทางชีววิทยาของมัน

พิษร้ายคร่าชีวิตได้ใน 4 นาที

ด้วยลักษณะทางกายวิภาคที่เรียบง่าย แมงกะพรุนจึงทำอะไรได้ไม่มากนัก แต่เนื่องจากมันอยู่มานานกว่า 650 ล้านปี จึงมีวิวัฒนาการที่ยาวไกล

ปัจจุบันท้องทะเลทั่วโลกมีแมงกะพรุนอาศัยอยู่ประมาณ 2,000 ชนิด ซึ่งหลายชนิดก็มีวิวัฒนาการเฉพาะด้านมายาวนาน จึงมีรูปร่างลักษณะแปลกๆ ที่น่าสนใจบางสายพันธุ์มีแสงสว่างในตัวและใช้แสงป้องกันตัวได้อย่างน่าทึ่ง บางสายพันธุ์ว่ายน้ำหากินเป็นระยะทางหลายพันกิโลเมตร ขณะที่บางสายพันธุ์ใช้ชีวิตอยู่ที่เดิมตรงก้นมหาสมุทรตั้งแต่เกิดจนตาย

แม้ว่าแมงกะพรุนจะไม่มีทั้งสมองและอวัยวะรับสัมผัส แต่แมงกะพรุนบางสายพันธุ์มีพฤติกรรมที่ซับซ้อนมาก และอยู่ร่วมกันแบบพึ่งพากันกับสัตว์อื่นได้ ปลาบางชนิดจะเวียนว่ายอยู่ระหว่างหนวดแมงกะพรุนตลอดชีวิต โดยไม่ได้รับอันตรายจากหนวดที่มีพิษร้ายกาจแต่อย่างใด โดยแมงกะพรุนจะคอยคุ้มครองปลาเหล่านี้จากศัตรูตามธรรมชาติ ส่วนแมงกะพรุนได้อะไรจากความสัมพันธ์ดังกล่าว ยังไม่รู้แน่ชัด

แต่คาดว่าปลาน่าจะช่วยทำให้หนวดของแมงกะพรุนไม่พันกัน และเวลาแมงกะพรุนจับเหยื่อขนาดใหญ่ได้ ปลาก็อาจจะช่วยฉีกเหยื่อเป็นชิ้นเล็กๆ ป้องกันไม่ให้หนวดพิษของแมงกะพรุนฉีกขาด

บางสายพันธุ์พัฒนาพิษที่มีความรุนแรงมาก ซึ่งมันใช้เป็นอาวุธอย่างดี แต่นักชีววิทยายังตอบไม่ได้ว่าทำไมพิษของมันจึงมีฤทธิ์รุนแรงถึงเพียงนี้

นักวิทยาศาสตร์พบพิษชนิดรุนแรงมากในแมงกะพรุนกล่อง ซึ่งมีอีกชื่อหนึ่งว่าตัวต่อทะเล (Sea wasp) ผู้เชี่ยวชาญบอกว่าตัวต่อทะเลแต่ละตัวมีพิษมากพอจะคร่าชีวิตคนถึง 60 คน หากใครถูกมันต่อยก็มีสิทธิตายได้ภายใน 4 นาที นับว่าเร็วกว่าพิษของสัตว์อื่นทุกชนิดในโลก การที่แมงกะพรุนซึ่งเคลื่อนไหวช้าและอ่อนแอมีพิษสงเช่นนี้ถือเป็นข้อได้เปรียบ

แต่นักวิทยาศาสตร์หลายคนก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมสัตว์ตัวเล็กๆ ที่กินกุ้งฝอยเป็นอาหารจึงมีพิษรุนแรงขนาดฆ่าคนให้ตายได้ จะว่าเป็นกลไกป้องกันตัวเองตามธรรมชาติก็ไม่น่าจะใช่อีกเช่นกัน เพราะปลาบางชนิดกินแมงกะพรุนที่มีพิษร้ายแรงที่สุดเป็นอาหารโดยไม่เกิดอันตรายใดๆ

สัตว์ปริศนา

นักชีววิทยามีคำถามที่ยังรอคำตอบอีกมากเกี่ยวกับสัตว์ปริศนาแห่งท้องทะเลเหล่านี้ แต่ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดใกล้จะไขความลับหนึ่งในหลายประการของแมงกะพรุนได้แล้ว นั่นคือ เทคนิคการว่ายน้ำที่กล่าวไปข้างต้นเป็นเรื่องปกติในแมงกะพรุนชนิดอื่นหรือไม่

การศึกษาเทคนิคการว่ายน้ำที่ทรงประสิทธิภาพของแมงกะพรุนช่วยให้วิศวกรเกิดความเข้าใจเป็นครั้งแรกว่าการขับดันใต้น้ำที่มีประสิทธิภาพเป็นอย่างไร และต่อไปก็จะนำความลับเรื่องการว่ายน้ำของสัตว์รูปร่างเหมือนก้อนวุ้นในทะเลเหล่านี้ไปเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบใบพัดเรือที่มีประสิทธิภาพและประหยัดเชื้อเพลิงยิ่งขึ้น

ศิลปินตัวจริงแห่งท้องทะเล

 

การปฐมพยาบาล

อาการถูกพิษแมงกะพรุนมีตั้งแต่ปวดแสบปวดร้อนไปจนถึงปวดรุนแรง เป็นอันตรายต่อชีวิต ต้องได้รับการรักษาอย่างถูกวิธี การปฐมพยาบาลเบื้องต้นทำได้โดย

1.ล้างบริเวณที่ถูกพิษด้วยน้ำทะเลหรือน้ำส้มสายชูเพื่อให้เข็มพิษหมดฤทธิ์ น้ำปัสสาวะไม่มีผลใดๆ ต่อพิษแมงกะพรุน

2.ขูดหนวดและเข็มพิษที่เหลือออกด้วยมีดโกนหรือขอบบัตรเครดิต

3.แช่แขนหรือขาในน้ำอุ่นอุณหภูมิสูงกว่า 40 องศาเซลเซียส เพื่อสลายพิษและบรรเทาความ
เจ็บปวด

4.กินยาแก้ปวด หรือใช้ยาชาเฉพาะที่ถ้าปวดมาก

5.ควรไปพบแพทย์ หากถูกพิษรุนแรงหรือมีอาการแพ้

ข่าวล่าสุด

งานเข้า! EU สอบสวน Google ข้อหาผูกขาดเนื้อหาให้กับ AI ของบริษัท