1.2หมื่นคนนักล่าของแจกสนามหลวง แบ่งหน้าที่เวียนเทียน เฝ้าถุง ส่งเด็กนำร่อง
"คนกลุ่มนี้จะมาทุกวันและพบมากช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ส่วนพฤติกรรมของคนกลุ่มนี้จะมากันหลายคน โดยแบ่งหน้าที่กัน"
โดย...วิรวินท์ ศรีโหมด
เกือบ 3 สัปดาห์ที่สายธารน้ำใจจำนวนมากจากหน่วยงานภาครัฐ และประชาชนไหลมารวมตัวกันอยู่ที่มณฑลพิธีท้องสนามหลวง เพื่อนำอาหาร น้ำดื่ม สิ่งของ และบริการต่างๆ มาแจกจ่ายให้กับประชาชน ที่เดินทางมาแสดงความไว้อาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
ทว่าอีกมุมหนึ่งกลับมีบุคคลบางกลุ่มฉวยโอกาสออกตระเวนนำถุง หรือกระเป๋าขนาดใหญ่มารับของแจกจำนวนมาก อย่างที่พบว่าบางคนทำเป็นขบวนการเพื่อนำของไปขายต่อ
ก่อนหน้านี้ พล.ท.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการร่วมรักษาความสงบเรียบร้อย (กอร.รส.) สรุปปัญหาการดูแลพื้นที่รอบพระบรมมหาราชวังและสนามหลวง ขณะนี้คือมีคนเร่ร่อนเข้ามาตุนอาหารวันละประมาณ 1.2 หมื่นคน
ปัญหาดังกล่าวนำมาสู่การขอความร่วมมือกับทางกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รวมถึงการจัดเวลาแจกจ่ายอาหารใหม่เป็นรอบๆ พร้อมทั้งแยกกลุ่มจิตอาสา ส่วนมาตรการสแกนบุคคลเบื้องต้นเจ้าหน้าที่จะสแกนบุคคลด้วยสายตา และมีกล้องวงจรปิดจับภาพตลอด หากพบความผิดปกติ เจ้าหน้าที่จะเข้าดำเนินการทันที
พรทิพา หรือตระกูล อายุ 40 ปีเจ้าหน้าที่จิตอาสาประจำเต็นท์แจกลองกอง บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ ในนามหน่วยงานสานพลังประชารัฐ เล่าว่าพฤติกรรมคนกลุ่มนี้จะมาแบบครอบครัว บางครั้งมาเพียง 1-2 คน แต่จะมาทุกวัน ซึ่งคนกลุ่มนี้มักรู้ช่วงเวลาที่เต็นท์จะเริ่มแจกของ(10.00 น. 14.00 น. และ 17.00 น.) แต่ช่วงหลังเมื่อมีการตรวจสอบเข้มงวดมากขึ้น คนกลุ่มนี้ก็เปลี่ยนพฤติกรรมจากเดิมที่เวียนรับของวนทุกรอบเหลือเพียงวันละหนึ่งรอบ แต่ก็ยังมาทุกวัน
“บุคคลกลุ่มนี้ปะปนกับประชาชนทั่วไปที่มารับ ซึ่งจะเป็นกลุ่มหน้าเดิมทุกวัน พฤติกรรมส่วนใหญ่จะให้เด็กวิ่งเข้ามารับก่อน จากนั้นคนที่พามาจะตามมารับซ้ำ ซึ่งพักหลังเมื่อเจ้าหน้าที่ขอความรวมมือและตรวจสอบ เพื่อให้ของที่นำมาแจกทั่วถึง ประกอบกับประชาชนทั่วไปคอยตักเตือน คนกลุ่มนี้จึงลดเหลือเพียงวันละรอบเท่านั้น”
พรทิพา กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ทุกคนรู้ว่าคนกลุ่มนี้มารับทุกวันแต่ก็ให้ แต่อาจแจกเพียงวันละรอบเท่านั้น เพื่อต้องการให้ประชาชนคนอื่นได้รับบ้าง อย่าง “ลองกอง” ที่โครงการสานประชารัฐนำมา เป็นผลไม้ที่คนนิยมเวียนมารับหลายรอบเพราะสามารถเก็บหรือไปจำหน่ายต่อได้ รับซื้อจากเกษตรกร จ.ปัตตานี ซึ่งเป็นนโยบายส่งเสริมเศรษฐกิจในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ จะนำมาแจกทุกวัน วันละ 2,000 กิโลกรัม โดยการแจกแต่ละรอบละประมาณ 600 กิโลกรัม เริ่มแจกตั้งแต่เมื่อวันที่ 26 ต.ค. และจะมีไปจนถึงวันที่ 4 พ.ย.นี้ น้ำหนักรวมลองกองที่นำมาแจกตลอดโครงการตั้งไว้ที่ 4 หมื่นกิโลกรัม
อีกเสียงจาก ชัชชัย กาญจนอุดม อายุ 43 ปี เจ้าหน้าที่จิตอาสาแจกของประจำเต็นท์ บริษัท เครื่องดื่มกระทิงแดง เล่าว่า บริษัทได้เข้ามาตั้งโรงทานตั้งแต่เมื่อวันที่ 14 ต.ค. และจะมีไปจนครบ 100 วัน ซึ่งกิจกรรมภายในเต็นท์แบ่งเป็น 2 ส่วนหลักคือ แจกลูกชิ้นและอาหารทอดวันละ500 กิโลกรัม ขณะที่อีกส่วนแจกผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มของบริษัท เช่นชาขาว ชาเขียว เครื่องดื่มชูกำลังเกลือแร่ โดยจะเปิดแจกทุก 2 ชั่วโมงเริ่มตั้งแต่เวลา 09.00-17.00 น.
ชัชชัย เล่าว่า บุคคลที่มีวนรับของแจกในพื้นที่จะมีทั้งแบบกลุ่มและมาคนเดียว แต่ก็มีเข้ามาทุกวันโดยเฉพาะช่วงวันหยุดที่มีองค์กรต่างๆ นำของมาแจก สำหรับวิธีการป้องกันเพื่อให้สามารถแจกของได้ทั่วถึง เจ้าหน้าที่จะจดจำรูปร่างหน้าตา และเฝ้าดูว่าถ้ามีการวนมารับเกิน 4 ครั้งขึ้นไปหรือไม่ ถ้าพบจะบอกล่าวตักเตือน ซึ่งส่วนตัวเชื่อว่าคนปกติรับเพียง 2-3 รอบน่าจะเพียงพอต่อการรับประทานในแต่ละวันแล้ว
“คนกลุ่มนี้จะมาทุกวันและพบมากช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ส่วนพฤติกรรมของคนกลุ่มนี้จะมากันหลายคน โดยแบ่งหน้าที่กัน คือ คนหนึ่งยืนเฝ้าถุง ขณะที่คนอื่นจะเวียนไปรับของตามเต็นท์ นอกจากนั้นคนกลุ่มนี้มักใช้เด็กเป็นหลักในการเข้าไปขอก่อน หรือมีการเปลี่ยนเสื้อเพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกต ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องจดจำรูปร่างลักษณะหน้าตา เมื่อพบเห็นซ้ำจะขอความร่วมมือตักเตือนอย่างสุภาพ แต่อีกวันคนกลุ่มนี้ก็กลับมาใหม่”
ธิติมา มณีไพโรจน์ ผู้อำนวยการฝ่ายกิจกรรมองค์กรเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม บริษัท การบินไทย เล่าว่า จุดนี้ทางบริษัทได้นำสิ่งของ อาทิ ขนมการบินไทยมาแจกวันละ 6,000 ชิ้น น้ำผลไม้ 5,000 ถ้วย น้ำดื่ม 5,000 ขวด และผ้าเย็น 1 หมื่นผืน นำมาแจกกับประชาชนทุกวัน ซึ่งขนมกับน้ำผลไม้จะหมดก่อนเป็นประจำ ฉะนั้นเจ้าหน้าที่ภายในเต็นท์จึงต้องจัดการแจกเป็นรอบๆ แต่ถ้าเป็นน้ำดื่มปกติจะมีให้ตลอดทั้งวัน
ผู้อำนวยการฝ่ายกิจกรรมองค์กรฯ การบินไทย อธิบายว่าการป้องกันบุคคลที่วนเวียนมารับของเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ประจำจุดจะคอยสังเกตพฤติกรรมบุคคลที่เข้ามาเพื่อป้องกันในชั้นหนึ่ง แต่เท่าที่สังเกตส่วนใหญ่ผู้ที่มารับสิ่งจุดนี้ส่วนใหญ่จะเปิดรับประทานน้ำและขนมทันทีหลังรับไปแล้ว แต่ก็มีบางส่วนที่ถือติดมือกลับไป จากที่สังเกตยังไม่พบว่ามีบุคคลที่ถือถุงขนาดใหญ่เข้ามารับของ
ด้าน พล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา รักษาราชการแทนรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รรท.รอง ผบ.ตร.) ในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่คอยติดตามตรวจสอบ ซึ่งมั่นใจว่าจะไม่สามารถรอดสายตาไปได้ แต่ถ้าพบพฤติกรรมเข้าข่าย เบื้องต้นเจ้าหน้าจะปฏิบัติเหมือนกับคนไทยทั่วไป คือ บอกกล่าวตักเตือนปรับทัศนคติก่อน
พล.ต.อ.เดชณรงค์ กล่าวว่า ทุกคนที่เข้ามาในสนามหลวงเป็นคนไทยด้วยกัน และมาด้วยความศรัทธาที่ต้องการมาแสดงความไว้อาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จึงคิดว่าทุกคนน่าจะมาทำสิ่งดีๆ ร่วมกัน แต่ถ้าเมื่อว่ากล่าวตักเตือนแล้ว พูดคุยไม่รู้เรื่องเมื่อไหร่ อาจมีมาตรการทางกฎหมายหมายตามมา ซึ่งกรณีนี้เข้าข่ายกฎหมายที่เกี่ยวกับการกักตุนอาหาร แต่ถึงอย่างไรเจ้าหน้าที่ทุกคนไม่อยากดำเนินการถึงขั้นตอนนั้น


