posttoday

"ปู"ปัดดราม่าซื้อข้าวช่วยชาวนายันไม่หวังผลการเมือง

04 พฤศจิกายน 2559

“อดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ” ซึ้ง น้ำใจชาวนาอุบลฯ 3 คันรถบัส แห่ให้กำลังใจไต่สวนพยานจำเลยนัดที่ 6 คดีจำนำข้าว แม้เจอวิกฤตข้าวราคาตก ปัดดราม่าควักเงินตัวเองช่วยซื้อข้าว ลั่นหากเป็นรัฐบาลพร้อมซื้อหมด

 

“อดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ” ซึ้ง น้ำใจชาวนาอุบลฯ 3 คันรถบัส แห่ให้กำลังใจไต่สวนพยานจำเลยนัดที่ 6 คดีจำนำข้าว แม้เจอวิกฤตข้าวราคาตก ปัดดราม่าควักเงินตัวเองช่วยซื้อข้าว ลั่นหากเป็นรัฐบาลพร้อมซื้อหมด

เมื่อวันที่ 4 พ.ย. เวลา 09.00 น. ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ถ.แจ้งวัฒนะ  น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จำเลยคดีจำนำข้าว เดินทางมาศาลเพื่อร่วมฟังการไต่สวนพยานจำเลยนัดที่ 6 ซึ่งวันนี้ทนายความ เตรียมนำนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกฯ และอดีต รมว.คลัง สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ให้ศาลไต่สวน 1 ปาก

ซึ่งวันนี้มีกลุ่มชาวนาจาก จ.อุบลราชธานี เดินทางมาถึง 3 คันรถบัส ที่นำต้นข้าวออกรวงแล้ว ใส่กระเช้าตะกร้าห่อด้วยผ้าข้าวม้า มาร่วมให้กำลังใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ หลังจากที่เมื่อวาน ( 3 พ.ย.) ลงพื้นที่ จ.อุบลราชธานี เพื่อรับฟังปัญหาชาวนาที่ข้าวราคาตกต่ำ และได้นำเงินส่วนตัวซื้อข้าวเปลือกจากชาวนาโดยตรงเพื่อเตรียมสี และนำข้าวมาขายที่ กทม. ขณะเดียวกันก็ยังมีประชาชนกลุ่มอื่น เดินทางมาให้กำลังเหมือนเช่นเคยด้วย พร้อมกับช่อกุหลาบสีขาว

โดยก่อนเข้าห้องพิจารณา น.ส.ยิ่งลักษณ์ อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงมาตรการยุ้งฉางของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในการช่วยเหลือแก้ปัญหาราคาข้าวตกต่ำขณะนี้ว่า ดิฉันคงไม่กล่าวลงไปในรายละเอียด แต่มองด้วยหลักก็ไม่ต่างกับการจำนำข้าว และที่สำคัญรัฐบาลก็มุ่งจะช่วยเหลือชาวนาโดยไม่หวังผลกำไร-ขาดทุน

เมื่อถามถึงการลงพื้นที่ช่วยเหลือ ชาวนา ที่ จ.อุบลราชธานี วันที่ 3 พ.ย.ที่ผ่านมา น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า จากที่ดิฉันได้ไปสัมผัสกับพี่น้องชาวนา ก็ยืนยันว่าชาวนาลำบากจริงๆ จากราคาข้าวสารที่ตกต่ำแล้วก็ยังมีปัญหาหนี้สินมากอีก ชาวนาจึงมีความจำเป็นที่จะต้องขายข้าวออกไปแล้วทำให้ขาดทุน สิ่งนี้จึงน่าเป็นห่วงก็อยากให้ทุกภาคส่วนร่วมกันช่วยเหลือชาวนา 

เมื่อถามถึง การถูกมองว่าเป็นเรื่องดราม่าที่ร้องไห้ในการรับซื้อข้าวชาวนา น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า ดิฉันเองก็เป็นนายกรัฐมนตรีที่มาจากประชาชน รู้ซึ้งถึงบุญคุณพี่น้องประชาชน วันนี้ประชาชนชาวนามีความเดือดร้อน แม้ว่าวันนี้ดิฉันไม่ได้เป็นรัฐบาลแล้ว ดิฉันก็ทำในฐานะประชาชนคนหนึ่งที่เห็นใจช่วยพี่น้องประชาชนโดยเฉพาะชาวนาที่ลำบากเดือดร้อน ดิฉันจึงลงไปไม่ได้มุ่งหวังเรื่องการเมืองแต่อย่างใด ซึ่งเป็นเรื่องของประชาชนคนหนึ่งที่จะทำงาน

“ ถามว่ามองเป็นภาพดราม่า วันนี้ความรู้สึกของดิฉันตื้นตันใจกับน้ำใจชาวนาที่ยิ่งใหญ่ แม้ว่าความทุกข์ของชาวนานั้นทุกข์มาก ไม่มีแม้กระทั่งข้าวสารกรอกหม้อ ไม่มีแม้เงินใช้จ่ายประจำวัน แต่ก็ยังมาให้กำลังดิฉัน ตรงนี้ดิฉันรู้สึกซาบซึ้ง ก็ขอขอบคุณพี่น้องชาวนาทุกคนที่ให้กำลังใจเหมือนพี่น้องประชาชนหลายๆที่ ที่มาให้กำลังใจดิฉัน ถ้าถามว่าใครมาเป็นแบบดิฉันก็ย่อมรู้สึกในสถานการณ์แบบนี้ แต่ทุกข์ของดิฉันก็ไม่เท่าทุกข์ของชาวนาที่รู้สึก ก็อยากให้ทุกภาคส่วนช่วยเหลือชาวนา ” น.ส.ยิ่งลักษณ์ อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำ

เมื่อถามว่าจะแนะนำมาตรการช่วยเหลือชาวนา กับรัฐบาลอย่างไร น.ส.ยิ่งลักษณ์ อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องให้รัฐบาลมองภาพรวมทั้งระบบและมองข้างหน้าด้วยโดยเฉพาะในเร็วๆ นี้ที่จะมีข้าวที่ชาวนากำลังจะเก็บเกี่ยวเข้ามาอีกดังนั้นต้องมองทั้งระบบ ดิฉันไม่สามารถก้าวล่วงไปแนะนำรัฐบาลได้ ซึ่งต้องมีทีมเศรษฐกิจที่เป็นมืออาชีพในการคิดแก้ปัญหา โดยวันนี้ดิฉันไม่ได้อยู่ในตำแหน่งแล้ว ขออยากให้รัฐบาลมองว่า งานนี้เป็นงานที่รัฐบาลจะต้องเข้ามาแก้ไขให้กับชาวนาและประชาชน

เมื่อถามถึงกรณีที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ กล่าวให้รับซื้อข้าวทั้งหมดหากจะช่วยเหลือชาวนา น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า “ ถ้าดิฉันเป็นรัฐบาล ดิฉันจะทำ อย่างนั้นค่ะ แต่วันนี้ดิฉันเป็นประชาชนคนหนึ่ง ดิฉันทำเท่าที่กำลังมี นอกจากภาระที่ดิฉันต้องใช้จ่ายในครอบครัวแล้ว  ภาระดิฉันยังต้องต่อสู้ในชั้นศาลอีก แต่ดิฉันคิดว่าน้ำใจต่างหากที่ชาวนาอยากได้รับ อยากเห็นทุกคนลงมาทุ่มเทในการที่จะใช้ทุกกำลังความสามารถช่วยเหลือชาวนา จะได้มาก ได้น้อย แต่ในส่วนของคนที่เป็นกลาง เป็นรัฐบาลก็มองว่าใครที่มาช่วยเหลือก็น่าจะยินดีและเปิดรับทุกคน ”

อย่างไรก็ดีเมื่อถึงเวลานัด  09.30 น. นายชีพ จุลมนต์ รองประธานศาลฎีกา เจ้าของสำนวน พร้อมองค์คณะรวม 9 คน ได้ออกนั่งบัลลังก์ในนัดไต่สวนพยานจำเลยนัดที่ 6 คดีโครงการรับจำนำข้าว หมายเลขดำ อม.22/2558 ที่อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลย ในความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ และเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 กรณีละเลยไม่ดำเนินการระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งทำให้รัฐเสียหายกว่า 5 แสนล้านบาท

แต่ปรากฏว่า นายชีพ รองประธานศาลฎีกา เจ้าของสำนวน ได้แจ้งต่อคู่ความว่า นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง พยานที่จะมาไต่สวนในวันนี้ ได้ทำหนังสือแจ้งต่อทนายความจำเลย ขอเลื่อนการไต่สวนออกไปก่อน เนื่องจากมารดาป่วยอยู่ในขั้นวิกฤติ จึงขอเวลาดูแลมารดาที่โรงพยาบาลก่อน

โดยศาลสอบถามอัยการ โจทก์แล้ว ไม่คัดค้าน ศาลจึงให้เลื่อนการไต่สวนพยานปากนายกิตติรัตน์ออกไปก่อน ส่วนนัดไต่สวนพยานในวันที่ 18 พ.ย.นี้ ก็ยังคงนัดไว้ ซึ่งทนายความจำเลย จะนำ นายอำพน กิตติอำพน อดีตเลขาธิการคณะรัฐมนตรี และนายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย อดีต รมช.คลัง รัฐบาลยิ่งลักษณ์ มาไต่สวน

ขณะที่ศาลอนุญาตให้เพิ่มวันไต่สวนพยานจำเลยอีก 2 นัดในวันที่ 7 และ 21 ก.ค.60 เวลา 09.30 น.


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่วันนี้ กลุ่มชาวนา ที่ได้เดินทางมาให้กำลังใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ อดีตนายกฯ ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนั้น ก็ได้ยื่นหนังสือขอให้ข้อมูลรับจำนำข้าวเพื่อเป็นประโยชน์ในการสู้คดี ต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์

ซึ่งหนังสือ ระบุว่า โครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นโครงการที่่ทำอย่างทั่วถึง ทำให้ชาวนามีส่วนร่วมและได้รับประโยชน์สูงสุด สามารถลืมตาอ้าปากได้ หากฝ่ายกฎหมายของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและแท้จริงจากชาวนาผู้ผลิตข้าวน่าจะมีประโยชน์ต่อการสู้คดี โดยพวกตนยินดีพบฝ่ายกฎหมายในคดีเพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติม

โดยหนังสือดังกล่าวลงชื่อ นายกิตติศักดิ์ จันทร์ไพศรี อุปนายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย จ.เชียงใหม่ 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน และรายชื่อตัวแทนชาวนาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวม 5 คน

 

ข่าวล่าสุด

ไปรษณีย์ไทย รับนโยบาย พร้อมเป็นช่องทาง ชำระภาษีนำเข้าต่างประเทศ