posttoday

ภูมิพลมหาราช กษัตริย์ผู้เป็นกำลัง ของแผ่นดิน

23 ตุลาคม 2559

มหาราช หรือในภาษาอังกฤษที่ใช้คำว่า The Great ถือเป็นสมัญญานามต่อท้ายพระนามของกษัตริย์ หรือผู้ปกครอง

มหาราช หรือในภาษาอังกฤษที่ใช้คำว่า The Great ถือเป็นสมัญญานามต่อท้ายพระนามของกษัตริย์ หรือผู้ปกครอง ที่ได้ทำภารกิจอย่างมากมายช่วยเหลือผู้คนทั้งด้านการรบ การแก้ไขปัญหาภายในประเทศ ตลอดจนการรักษาเอกราชของประเทศ รวมทั้งคงไว้ด้วยความยุติธรรมอันเป็นแบบอย่างที่ดี

ด้วยพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าล้นกระหม่อมที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงประกอบพระราชกรณียกิจเพื่อพสกนิกรอย่างต่อเนื่องยาวนาน ​ทำให้ประชาชนทั่วประเทศพร้อมใจกันยกย่องเทิดทูนให้พระองค์ทรงเป็น “มหาราช” ในใจของประชาชน แต่ตามขั้นตอนการเติม “มหาราช” ต่อท้ายพระนามนั้น ​ทางรัฐบาลกำลังดำเนินการจัดทำให้ถูกต้องตามกระบวนการ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ระบุว่า การใช้คำว่า มหาราช นั้นจะเป็นไปตามกฎหมายและวิธีดำเนินการของรัฐบาล รัฐบาลที่ผ่านมาเคยเสนอพระองค์ท่านไปแล้ว พระองค์ท่านทรงยังไม่เห็นชอบ ยังไม่โปรดเกล้าฯ ลงมา พระองค์ท่านรับสั่งว่าเป็นเรื่องของประชาชนและรัฐบาลที่จะทำต่อไป

“ตอนนี้ยังใช้ไม่ได้ ไม่ใช่ว่าไม่อยากใช้ แต่ต้องเป็นไปตามขั้นตอน ซึ่งหลายคนเข้าใจว่าพระองค์ทรงรับทราบแล้ว เรื่องเป็นมหาราชหรือไม่เป็นมหาราชเป็นเรื่องของรัฐบาลและประชาชนจะต้องทำถวายพระองค์ท่าน ซึ่งรัฐบาลอยู่ในขั้นตอนตรงนี้อยู่แล้ว” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

ย้อนไปก่อนหน้านี้ ในช่วงที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 60 พรรษา ประชาชนชาวไทยพร้อมใจกันถวายพระราชสมัญญา “ภูมิพลมหาราช” โดย พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี ได้อ่านประกาศถวายพระราชสมัญญาตอนหนึ่งว่า

“จึงขอพระราชทาน พระบรมราชานุญาตประกาศความสมานฉันท์ พร้อมเพรียงกันเฉลิมพระเกียรติ และถวายพระราชสมัญญาเป็น มหาราช” และ “...​ขอพระมหาราชเจ้าเผยแพร่พระบรมกฤษฎาเดชานุภาพ คุ้มเกล้า คุ้มกระหม่อม เหล่าพสกนิกร ตลอดจิรัฐิติกาล เทอญ”​

ทั้งนี้ ถือเป็นพระมหากษัตริย์ราชวงศ์จักรี พระองค์ที่ 3 ที่ได้รับพระราชสมัญญา “มหาราช” แต่เป็นมหาราชองค์แรกในประวัติศาสตร์ชาติไทย ที่ได้รับพระราชสมัญญาจากมติของปวงชนชาวไทย โดยในการสำรวจประชามติ เมื่อปี 2530 มีการผูกพระราชสมัญญาขึ้น 15 พระราชสมัญญา ประชาชนจำนวน 34 ล้านคน เลือกพระราชสมัญญา “สมเด็จพระภูมิพลมหาราช” ขณะที่ 6 ล้านคนเลือก “สมเด็จพระภัทรมหาราช”

“ภูมิพลมหาราช” มีความหมายว่า กษัตริย์ ผู้ยิ่งใหญ่ ซึ่งทรงเป็นกำลังของแผ่นดิน

และ “ภัทรมหาราช” หมายความว่า กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งเป็นท่ี่รักของปวงชน ซึ่งก่อนวันฉัตรมงคล 5 พ.ค. 2530 เคยมีความพยายามที่จะทูลเกล้าฯ ถวายพระราชสมัญญา “มหาราช” แด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมาหลายครั้งแล้ว แต่เพิ่งจะเป็นผลเมื่อมีการสำรวจประชามติจนได้ฉันทามติจากประชาชน

ศรีศักร วัลลิโภดม นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ เล่าว่า การถวายพระราชสมัญญานาม “มหาราช” เกิดขึ้นตั้งแต่สมัยอดีต หากจำไม่ผิดเกิดขึ้นครั้งแรกในราชวงศ์จักรี เป็นช่วงที่ฝ่ายนักประวัติศาสตร์ หรือฝ่ายข้าราชการเสนอสมัญญานามมหาราชแก่สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี หรือสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงได้รับสมัญญานามมหาราช

พระองค์ต่อมาเป็นรัชกาลที่ 5 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ได้รับสมัญญาว่า “ปิยมหาราช” แปลว่า มหาราชผู้ทรงเป็นที่รัก และแปลว่า “พระพุทธเจ้าหลวง” เหตุผลที่เสนอสมัญญาว่ามหาราชเพราะเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงทำคุณงามความดีแก่แผ่นดินอย่างใหญ่หลวง

ศรีศักร กล่าวว่า การถวายพระราชสมัญญา พระเจ้าตากสินมหาราช เกิดขึ้นในรัฐบาลสมัย “จอมพล ป. พิบูลสงคราม” ได้ประกาศให้วันที่ 28 ธ.ค. ของทุกปี ซึ่งตรงกับวันที่พระองค์ทรงปราบดาภิเษกเป็นพระมหากษัตริย์ เป็น “วันสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช” และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ยุคนั้นยังมีมติให้ถวายพระราชสมัญญานามว่า “สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช” และได้พร้อมใจกันสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์ประดิษฐาน ณ วงเวียนใหญ่ ฝั่งธนบุรี

ทั้งนี้ ​ศิลป์ พีระศรี อดีตคณบดีคณะประติมากรรม มหาวิทยาลัยศิลปากร เป็นผู้ออกแบบ ซึ่งทางราชการได้ประกอบพระราชพิธีเปิดและถวายบังคมพระบรมราชานุสาวรีย์ครั้งแรกเมื่อวันที่ 17 เม.ย. 2497 และในวันที่ 28 ธ.ค. 2497 จึงมีรัฐพิธีเปิดเป็นทางการอีกครั้งหนึ่ง โดยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 เสด็จพระราชดำเนินทรงวางพวงมาลาถวายราชสักการะต่อมาทางราชการกำหนดให้วันที่ 28 ธ.ค. เป็นวันถวายบังคมพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช นั่นคือความเป็นมาของการถวายสมัญญาพระมหากษัตริย์ไทย เช่นเดียวกับรัชกาลที่ 9 รัฐบาลปัจจุบันสามารถดำเนินการได้เหมือนสมัยจอมพล ป.

ข่าวล่าสุด

วปอ.68 มอบตาข่ายป้องกันโดรน ทิ้งระเบิด และสิ่งของ ช่วยทหารชายแดนภาค 2