posttoday

ในหลวงทรงงาน ต้นแบบการปฏิรูปประเทศ

20 ตุลาคม 2559

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้ทรงงานตลอดระยะเวลาของการครองราชย์ 70 ปี โดยเฉพาะในเรื่องการวางแนวทางการปฏิรูปประเทศ

โดย...ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์         

นับตั้งแต่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ามาบริหารประเทศ ปรากฏว่าได้ประกาศ นโยบายสำคัญ คือ การปฏิรูปประเทศ โดย คสช.มีวัตถุประสงค์เพื่อลดความเหลื่อมล้ำและสร้างความเท่าเทียมกัน ในสังคม ซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐบาลหลายชุดพยายามดำเนินการมาตลอด แต่ไม่ค่อยประสบความสำเร็จมากนัก

ส่วนหนึ่งที่ทำให้การปฏิรูปประเทศไม่ค่อยมีความต่อเนื่องเพื่อให้เกิดรูปธรรม เพราะปัญหาเสถียรภาพทางการเมืองที่ทำให้รัฐบาลแต่ละชุดมีอายุการทำงานน้อย ส่งผลให้นโยบายการบริหารประเทศขาดความต่อเนื่อง ดังนั้นเมื่อ คสช.ขึ้นมาทำหน้าที่พร้อมกับอำนาจพิเศษตามรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว พ.ศ. 2557 มาตรา 44 จึงถูกตั้งความหวังว่า คสช.จะทำงานยากให้ประสบความสำเร็จ

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่ารัฐบาลจะมาจากการเลือกตั้งหรือการรัฐประหาร สุดท้ายเมื่อเข้ามาก็ต้องพ้นไปตามที่กฎหมายกำหนด แต่ไม่ใช่กับพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เพราะพระองค์ได้ทรงงานตลอดระยะเวลาของการครองราชย์ 70 ปี โดยเฉพาะในเรื่องการวางแนวทางการ ปฏิรูปประเทศ ซึ่งเป็นพระราชกรณียกิจที่ได้ทรงดำเนินการและพระราชทาน คำแนะนำมาโดยตลอด

ในหนังสือ "9 แผ่นดินของการปฏิรูประบบราชการ" ซึ่งจัดทำโดยสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ ได้บันทึกพระราชกรณียกิจของพระองค์ไว้อย่างน่าสนใจดังนี้

พระราชกรณียกิจด้านการพัฒนาพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงเป็นกษัตริย์นักพัฒนาและปฏิบัติพระราชกรณียกิจ เพื่อยกฐานะประชาชนผู้ยากไร้ให้มีความเป็นอยู่ที่ดี และทรงให้ความสำคัญกับการพัฒนา คนทั้งร่างกายและจิตใจ ต้องให้ความรู้ ความเข้าใจด้านการศึกษา ศาสนา ศิลปวัฒนธรรม สาธารณสุข รวมทั้งความเป็นธรรมแก่ประชาชนทุกระดับ ดังพระราชดำรัสในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เมื่อวันที่ 19 ก.ค. 2517 โดยมีความตอนหนึ่งว่า

"…ในการพัฒนาประเทศนั้นจำเป็นต้องทำตามลำดับขั้น เริ่มด้วยการสร้างพื้นฐาน คือ ความมีกินมีใช้ของประชาชนก่อนด้วยวิธีการที่ประหยัด ระมัดระวัง แต่ถูกต้องตามหลักวิชา เมื่อพื้นฐานเกิดขึ้นมั่นคงพอควรแล้ว จึงค่อยสร้างเสริมความเจริญที่สูงขึ้นตามลำดับต่อไป

หากมุ่งแต่จะทุ่มเทสร้างความเจริญ ยกเศรษฐกิจขึ้นให้รวดเร็วแต่ประการเดียว โดยมิได้คำนึงถึงความสมดุลและความสัมพันธ์อันสอดคล้องในองค์ประกอบต่างๆ อย่างเพียงพอ อาจทำให้เศรษฐกิจของประเทศล้มเหลวได้…

...การช่วยเหลือสนับสนุนประชาชนในการประกอบอาชีพและตั้งตัว ให้มีความพอกินพอใช้ก่อนอื่นอันเป็นพื้นฐานนั้น เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งยวด เพราะผู้ที่มีอาชีพและฐานะเพียงพอที่จะพึ่งตนเอง ย่อมสามารถสร้างความเจริญก้าวหน้าระดับที่สูงขึ้นต่อไปได้โดยแน่นอน"

พระราชกรณียกิจ ต้นแบบการบริหารจัดการสมัยใหม่ พระบาทสมเด็จพระ ปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงดำเนินโครงการพัฒนาต่างๆ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ เช่น การพัฒนาคนหรือทรัพยากรมนุษย์ทั้งร่างกายและจิตใจ การพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน การพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อม วิธีการที่ทรงใช้เป็นต้นแบบของการบริหารจัดการสมัยใหม่

ภาครัฐให้ความสำคัญต่อการพัฒนาคนหรือทรัพยากรมนุษย์ โดยเริ่มกำหนดไว้ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติ ฉบับที่ 8 เป็นต้นมา ด้วยแนวคิดที่ว่า "คนเป็นศูนย์กลางการพัฒนา" และให้ความสำคัญต่อการพัฒนาที่สมดุล ทั้งบุคคล สังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม

โดยเฉพาะอย่างยิ่งสร้างระบบการบริหารจัดการภายในให้มีคุณภาพทุกระดับ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดชทรงดำเนินการมาแล้วตั้งแต่ปี 2499 คือ สร้างโรงเรียนสำหรับเยาวชนในถิ่นทุรกันดาร พระราชทาน ความเกื้อหนุนการศึกษาทั้งในระบบและนอกระบบโรงเรียน ตั้งแต่ประถมศึกษาถึงอุดมศึกษา เป็นพระราชกรณียกิจ ช่วยงานบ้านเมือง ก่อนที่รัฐบาลจะปฏิบัติได้ทั่วถึง

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงงานในลักษณะ ที่เป็นโครงการที่มียุทธศาสตร์ มีกรอบเวลาปฏิบัติ เห็นได้จากขั้นตอนการ ดำเนินงานตามโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริที่มีการจัดทำแผนงานและโครงการ โดยก่อนพระราชทานโครงการใดจะทรงศึกษาข้อมูลรายละเอียดอย่างเป็นระบบเพื่อให้ได้รายละเอียดที่ถูกต้อง แล้วพระราชทานความช่วยเหลืออย่างรวดเร็วตามที่ประชาชนต้องการ

ทั้งหมดนี้ พระบาทสมเด็จพระ ปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชได้ทรงวางรากฐานเกี่ยวกับการปฏิรูปประเทศไว้ให้หมดแล้ว เหลือเพียงแค่การมาต่อ ยอดให้ประสบความสำเร็จเท่านั้น

ข่าวล่าสุด

LIVE ถ่ายทอดสด สเปอร์ส พบ ลิเวอร์พูล พรีเมียร์ลีก วันนี้ 20 ธ.ค.68