มณีรัตน์ อนุโลมสมบัติ ซีอีโอหญิงดิจิทัล
ในช่วงที่ผ่านมา เรามักจะคุ้นเคยกับบทบาทของกลุ่มชายหนุ่มคนรุ่นใหม่ที่ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำทัพธุรกิจบริการสตาร์ทอัพ
โดย...ดวงใจ จิตต์มงคล
ในช่วงที่ผ่านมา เรามักจะคุ้นเคยกับบทบาทของกลุ่มชายหนุ่มคนรุ่นใหม่ที่ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำทัพธุรกิจบริการสตาร์ทอัพ โดยเฉพาะธุรกิจที่นำเทคโนโลยีสารสนเทศ (ไอที) เข้ามามีส่วนช่วยแก้ไขปัญหาให้กับชีวิตประจำวันของผู้คนทั่วไป ซึ่งมีเพียงส่วนน้อยหรือในบางธุรกิจเท่านั้นที่จะได้เห็น “ผู้หญิง” เข้ามามีบทบาทในธุรกิจที่ต้องใข้เครื่องยนต์ดิจิทัลเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญในธุรกิจยุคใหม่นี้
มณีรัตน์ อนุโลมสมบัติ สาวไทยคนแรก ที่นั่งเก้าอี้บริหารในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) บริษัท การีนา ออนไลน์ (ประเทศไทย) ผู้ให้บริการด้านอินเทอร์เน็ต และดิจิทัลคอนเทนต์ รวมถึงให้บริการเกมออนไลน์ทั้งในระบบคอมพิวเตอร์ และสมาร์ทโฟน อีกหนึ่งธุรกิจออนไลน์ระดับเอเชียที่กำลังไต่ไปสู่ธุรกิจออนไลน์ระดับโลก ที่มีจุดเริ่มต้นจากธุรกิจสตาร์ทอัพ ที่มีเจ้าของเป็นหนุ่มสิงคโปร์ “ฟอเรสต์ ลี” ที่ปัจจุบัน การีนา ได้เข้าไปเปิดสาขาในประเทศต่างๆ ในเอเชีย อาทิ สิงคโปร์ ไต้หวัน ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และประเทศไทย
เธอเล่าว่า ได้เข้ามารับตำแหน่ง ซีอีโอหญิงคนแรกของการีนา ประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2557 ที่มาพร้อมกับบทบาทหน้าที่หลักๆ ในการดูแลกลยุทธ์ต่างๆ ของบริษัทในภาพรวม เพื่อตอบสนองจำนวนผู้ใช้มากกว่า 25 ล้านคน ในธุรกิจหลักทั้ง 3 ด้าน คือ ดิจิทัลคอนเทนต์อี-คอมเมิร์ซ และเพย์เมนต์ รวมไปถึงการเข้ามาบริหารจัดการฝ่ายที่ปฏิบัติการในระดับองค์กร
นอกจากนี้ ยังเป็นผู้นำในการรวบรวมเหล่าพันธมิตรทางธุรกิจที่สนับสนุนสตาร์ทอัพและเทคโนโลยี อีโคซิสเต็มในประเทศไทยด้วย ซึ่งเจ้าตัวยังได้เป็นผู้ลงทุนในโปรแกรมการฝึกอบรมพัฒนาบุคลากรด้วยตนเอง เพื่อพัฒนาศักยภาพ และความสามารถของพนักงานบริษัท การีนา ในประเทศไทย ที่มีอยู่กว่าพันรายในปัจจุบัน
ด้วยความที่ การีนา มีบริษัทแม่อยู่ในสิงคโปร์ แน่นอนว่า ไดเรกชั่น หรือทิศทางการทำงานนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสอดคล้องและมีความกลมกลืนกันระหว่าง ระดับภูมิภาค (รีจินัล) และท้องถิ่น (โลคัล) ด้วยแต่ละประเทศนั้นย่อมมีความแตกต่างกันทั้งภาพรวมตลาดและพฤติกรรมผู้บริโภค แต่พร้อมยึดหลักจากนโยบายบริษัทแม่ หากเตรียมกดปุ่มเพื่อเข้าสู่ธุรกิจกลุ่มไหน หรือมีเป้าหมายอย่างไร การีนา ประเทศไทย ก็เตรียมพร้อมให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่
เพราะต้องยอมรับว่าในช่วงเพียงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ ตลาดดิจิทัลคอนเทนต์ ได้ขยายตัวและมีอัตราการเติบโตรวดเร็วมาก โดยเฉพาะเกมออนไลน์ ทั้งเกมคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (พีซี) และ
สมาร์ทโฟน โดยในอย่างแรก เกมพีซี ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของธุรกิจการีนาที่มองเห็นโอกาสทางธุรกิจแต่เริ่มแรกในการเป็นผู้พัฒนาเนื้อหาเกมออนไลน์ เพื่อติดตั้ง (อินสตอลล์) เกมให้กับเครือข่ายธุรกิจอินเทอร์เน็ต คาเฟ่ ผ่านโปรแกรมซอฟต์แวร์ที่ การีนา เป็นผู้พัฒนาขึ้นมา ที่แต่ละร้านจะได้รับสิทธิพิเศษต่างๆ ที่การีนาได้เข้ามาปักหมุดธุรกิจในไทยตั้งแต่ปี 2556 ถึงปัจจุบัน มีร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ในไทยกว่า 80% จากจำนวนที่มีอยู่กว่า 1.6 หมื่นแห่ง ทั่วประเทศไทย ที่ลงทะเบียนใช้บริการซอฟต์แวร์เกมของการีนา
พร้อมขยับภาพบรรยากาศในธุรกิจบริการอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ของไทยในปัจจุบันนี้ ที่เห็นว่ากำลังเข้าสู่ยุคการ ปรับตัว และจะต้องยิ่งปรับตัวค่อนข้างมาก โดยเฉพาะด้านฮาร์ดแวร์ในรุ่นหรือสเปกที่สูงขึ้น เพื่อให้สามารถรองรับการพัฒนาของซอฟต์แวร์ใหม่ๆ ที่ออกมา ที่จะส่งผลดีในแง่ของการได้เห็นธุรกิจบริการร้านอินเทอร์เน็ตที่มีคุณภาพ มากขึ้น ซึ่งอาจเป็นแนวโน้ม หรือเทรนด์เดียวกับธุรกิจดังกล่าวในประเทศจีน ที่ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต คาเฟ่ ที่แม้ว่าจะมีจำนวนลดลง แต่ก็มีคุณภาพใน การให้บริการมากขึ้น จากการปรับตัวของผู้ให้บริการเอง ซึ่งถือว่าเป็นเจ้าของธุรกิจท้องถิ่นรายย่อย
“เทคโนโลยีใหม่และการเข้าถึงอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ของผู้บริโภคที่สะดวกขึ้น อาจทำให้คนหันมาเล่นเกมคอมพิวเตอร์ที่บ้านมากขึ้น แต่การปรับตัวของร้านอินเทอร์เน็ต คาเฟ่ จากการที่มีบริการเสริมด้านอื่นๆ เข้ามา ก็จะยังทำให้ธุรกิจกลุ่มนี้ยังอยู่ได้ ด้วยร้านอินเทอร์เน็ต คาเฟ่ มีความเป็นชุมชน ผู้เข้ามาเล่นเกม ตัวเกมเมอร์ได้มีโอกาสพบปะแลกเปลี่ยนความเห็น ซึ่งเราเชื่อว่า ตลาดกลุ่มนี้ยังมีความสำคัญอยู่อีกมาก” มณีรัตน์ เสริม
พร้อมกล่าวต่อถึงธุรกิจดิจิทัลคอนเทนต์ ปัจจุบันในฐานะที่เป็นผู้ให้บริการเกมออนไลน์และเกมมือถือชั้นนำจากบริษัทผู้พัฒนาเกมชื่อดังทั่วโลก อาทิ POINT BLANK FIFA ONLINE 3 THUNDER STRIKE เป็นต้น ไปจนถึงแอพพลิเคชั่นโปรแกรมสนทนา TALK TALK Bee Talk เพื่อให้บริการทั้งในไทย และในภูมิภาคเอเชียพร้อมทั้งยังสนับสนุนวงการ อีสปอร์ตส (eSports) ของไทยอย่างเต็มรูปแบบ ให้เชื่อมโยงโลกของเกมและกีฬาเข้าไว้ด้วยกัน ขณะที่มูลค่าตลาดเกมออนไลน์ในไทยคาดเติบโตราว 15% และจะมีมูลค่าแตะอยู่ที่ 8,000 ล้านบาท จากในปีก่อนอยู่ที่ราว 6,000-7,000 ล้านบาท
ส่วนบริการด้านอี-คอมเมิร์ซ นั้น การีนา มีแอพพลิเคชั่นตลาดออนไลน์บนมือถือ ภายใต้ชื่อ Shopee ให้สามารถทำการซื้อขายสินค้าได้ทุกที่ทุกเวลา ที่ผสมกันระหว่างตลาดออนไลน์ สำหรับผู้ใช้ถึงผู้ใช้ (ซีทูซี) และยังให้บริการระบบการชำระเงิน บริการจัดส่ง ที่รวมการซื้อขายและสื่อสารในแอพเดียวกัน ซึ่งเริ่มให้บริการเมื่อปี 2558 ที่ผ่านมา ในขณะนี้มีธุรกิจร้านค้ารายย่อยไทย หรือผู้ขาย (เซลเลอร์) ที่เข้ามาอยู่ในแพลตฟอร์ม Shopee ราว 3 แสนราย และมีการทำธุรกิจจริงจัง (แอ็กทีฟ) จากจำนวนดังกล่าวราว 3,000 ราย ขณะที่มีผู้ซื้อ (บายเออร์) ราว 3 ล้านราย ผ่านบริการแอพดังกล่าวโดยกลุ่มเป้าหมายหลัก ส่วนใหญ่อายุเฉลี่ย 18-30 ปี
มณีรัตน์ ขยายต่อถึงบริการเพย์เมนต์ Airpay ที่ให้บริการระบบการจัดการด้านการเงินออนไลน์ สำหรับร้านค้าและสำหรับบุคคลด้วยระบบชำระเงินออนไลน์ที่ปลอดภัย สะดวก รวดเร็ว ซึ่งทั้งหมดเป็นโมเดลการให้บริการจากการีนา สิงคโปร์ ที่ยกมาให้บริการกับยูสเซอร์ชาวไทย ที่ใช้ชีวิตออนไลน์กันมากขึ้น
เธออธิบายต่อถึงแนวคิดผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของการีนา จะเห็นได้ว่าล้วนเข้ามาสนับสนุนซึ่งกันและกัน ด้วยการีนา ถือเป็นบริษัทด้านเทคโนโลยี อย่างบริการ Airpay นั้น เริ่มนำร่องให้บริการมา
ตั้งแต่ 2 ปีก่อน ที่เกิดจากความต้องการตอบสนองเกมเมอร์ของการีนา ที่จะต้องมีการเติมเงินผ่านบัตรเพื่อใช้เล่นเกม หรืออยู่ในรูปแบบกระเป๋า (Wallet) เงินผ่านแอพบนมือถือ เจาะกลุ่มผู้ใช้รายบุคคลทั่วไป และบริการ Airpay Counter จุดรับชำระค่าบริการต่างๆ ที่ปัจจุบันมีกว่า 7.7 หมื่นจุดทั่วประเทศ ที่จะกระจายไปยังร้านค้า ร้านของชำท้องถิ่นทั่วไป ด้วยสามารถดาวน์โหลดผ่านแอพบนมือถือได้ด้วยเช่นกัน พร้อมวางเป้าหมายจะสามารถกระจายบริการแอร์เคาน์เตอร์ได้ 1 แสนจุดทั่วประเทศเพื่อรองรับธุรกรรมที่เรียกว่า นันแบงก์ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตด้วย
นอกจากกิจกรรมทางธุรกิจหลักที่ การีนา ประเทศไทย จะต้องเดินหน้าพร้อมปฏิบัติให้เป็นรูปธรรมแล้ว ขณะเดียวกันยังได้สานต่อแนวทางระดับภูมิภาคตามเส้นทางที่บริษัทแม่วางไว้ อย่างการสนับสนุนสตาร์ทอัพในไทยให้เชื่อมต่อกับนานาประเทศสาขาการีนาที่กระจายอยู่ในเอเชีย
โดยบริษัทในประเทศไทยจะรับนโยบายจากบริษัทแม่ ประเทศสิงคโปร์ ในการสนับสนุนผู้ประกอบการธุรกิจรายใหม่ หรือสตาร์ทอัพด้านต่างๆ ในไทย ที่จะสอดคล้องกับแผนดำเนินงานและนโยบายของบริษัทแม่ ด้วยแนวทางดังกล่าวมาจาก ฟอเรสต์ ลี ผู้ก่อตั้ง และซีอีโอ การีนา สิงคโปร์ โดยตรงที่ต้องการสนับสนุนสตาร์ทอัพในภูมิภาคเอเชีย ภายใต้แนวคิดการได้รับและส่งต่อ (เพย์ อิท ฟอร์เวิร์ด) ซึ่งในแต่ละประเทศที่การีนาเข้าไปขยายสาขากิจการ อาทิ สิงคโปร์ ไต้หวัน มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และไทย สามารถปรับรูปแบบการดำเนินการที่เหมาะสมตามอีโคซิสเต็มได้
สำหรับแผนการดำเนินการดังกล่าวในประเทศไทย เบื้องต้นนอกจากจะไปพร้อมกับนโยบายหลักของบริษัทแม่ สิงคโปร์แล้ว ยังจะมุ่งให้ความสำคัญในด้านการให้องค์ความรู้ด้านต่างๆ โดยเฉพาะหลักการคิดและวิธีการทำงานของบริษัทการีนา ที่เริ่มจากการเป็นสตาร์ทอัพเช่นกัน ผ่านการจัดงานที่เกี่ยวข้องในเวทีขนาดใหญ่ทั้งในระดับภูมิภาคและในประเทศ อย่าง เทค อิน เอเชีย ที่จัดขึ้นในสิงคโปร์และสตาร์ทอัพไทยแลนด์ เป็นต้น
“ปัจจุบัน การีนา สิงคโปร์ มีเวนเจอร์ แคปปิตอล หรือวีซี ทำหน้าที่กระจายการลงทุน ให้การสนับสนุนสตาร์ทอัพที่น่าสนใจและมีความเป็นไปได้ทางธุรกิจด้วย ซึ่งเป็นโอกาสของสตาร์ทอัพจากในทุกประเทศ ที่บริษัทแม่เข้าไปเปิดสำนักงานในเอเชีย” มณีรัตน์ กล่าว
ส่วนเป้าหมายในฐานะซีอีโอหญิงหนึ่งเดียวของการีนา ที่จะต้องนำกิจการในไทยให้บรรลุเป้าหมายตามที่วางไว้แล้ว ขณะเดียวกันยังพร้อมสนับสนุนบริษัทแม่ที่เตรียมแผนนำกลุ่มธุรกิจเข้าไประดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ให้ได้ภายใน 1-2 ปีนับจากนี้ด้วย


