น้ำจืดหนุนหาดชะอำกลายเป็นสีเขียวเข้ม-เน่าเหม็น
เกิดปรากฎการณ์แปลกน้ำทะเลตลอดชายหาดชะอำกลายเป็นสีเขียวเข้ม มีกลิ่นเหม็น ทำให้นักท่องเที่ยวหวาดผวาไม่กล้าลงเล่นน้ำ
เกิดปรากฎการณ์แปลกน้ำทะเลตลอดชายหาดชะอำกลายเป็นสีเขียวเข้ม มีกลิ่นเหม็น ทำให้นักท่องเที่ยวหวาดผวาไม่กล้าลงเล่นน้ำ
เกิดปรากฎการณ์แปลกน้ำทะเลเปลี่ยนจากสีฟ้าใสกลายเป็นสีเขียวเข้มแถมมีกลิ่นเหม็นเกิดขึ้นบริเวณชายหาดทะเลชะอำ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี แหล่งท่องเที่ยวทางทะเลที่ขึ้นชื่อทำให้วันนี้นักท่องเที่ยวบางตาเนื่องจากผิดหวังเมื่อเดินทางมาถึงแต่ไม่สามารถลงเล่นน้ำทะเลได้เนื่องจากน้ำทะเลมีสีเขียวเข้มคล้ายกับสีของตะไคร้น้ำ แม้กระทั่งฟองคลื่นก็เป็นสีเขียว อีกทั้งมีสิ่งสกปรกจำพวกเมล็ดพืช และเศษขยะปะปนมากับคลื่นซัดมาติดตลอดแนวชายฝั่ง รวมถึงมีกลิ่นเหม็นคาว รวมถึงเกิดอาการคันเมื่อลงไปเล่นน้ำ
ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ เชื่อว่าน่าจะเกิดปรากฎการณ์น้ำเบียดหรือปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติจากการที่มีฝนตกหนักแล้วน้ำจืดลงไปในทะเลมากเกินไปจึงทำให้น้ำเปลี่ยนสี แต่ปรากฎการณ์น้ำเปลี่ยนเป็นสีเขียวเข้มเช่นนี้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกที่หาดชะอำ
นายสุชาติ สว่างอารีรักษ์ นักวิชาการประมง ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะลและชายฝั่ง กล่าวว่า จากข้อมูลเกี่ยวกับปรากฏการณ์น้ำทะเลเปลี่ยนเป็นสีเขียวว่าเกิดจาก “แพลงก์ตอนบลูม" หรือ NOCTILUCA ที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์ขี้ปลาวาฬ ชนิดตามแนวชายฝั่งทะเล เมื่อระดับน้ำไม่เท่ากันจึงเกิดการหมุนเวียน มวลน้ำเย็นที่อยู่ใต้ทะเลเคลื่อนเข้ามาใกล้ฝั่งมาก และดึงเอาธาตุอาหารชั้นสูงใต้ทะเลขึ้นมาบนผิวน้ำด้วย ซึ่งเป็นอาหารอย่างดีสำหรับสาหร่ายและแพลงตอนทำให้แพลงตอนเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วสะพรั่งเต็มบนผิวท้องทะเลในบริเวณนั้นๆ เรียกว่า แพลงตอนบลูม โดยปรากฏการณ์นี้จะเกิดขึ้นเพียงระยะเวลา 2-3 วันเท่านั้น ขึ้นอยู่กับทิศทางของน้ำด้วย
นายสุชาติ กล่าวอีกว่า แพลงตอนที่พบครั้งนี้ เป็นแพลงตอนพืชชนิดไม่มีพิษ จึงไม่ก่อให้เกิดพิษต่อสัตว์น้ำที่จะนำมาใช้เป็นอาหาร และบริเวณที่เกิดเป็นแนวนอกชายฝั่งที่น้ำมีการแลกเปลี่ยนไหลเวียนดี จึงไม่น่าจะทำให้เกิดการลดลงของออกซิเจนจนกระทั่งปลาหรือสัตว์น้ำในพื้นที่ต้องตาย และแพลงตอนที่พบนี้เป็นแพลงตอนชนิดที่พบทั่วโลก ชอบอยู่ทั้งแหล่งน้ำใกล้ชายฝั่งและแหล่งน้ำที่อยู่ห่างจากชายฝั่ง พบได้ทั้งในฝั่งอ่าวไทยและฝั่งมหาสมุทรอินเดีย เมื่อเกิดแพลงตอนบลูม ทัศนียภาพของท้องทะเลอาจเปลี่ยนไปบ้าง แต่ไม่เป็นอันตรายใด ๆ
อย่างไรก็ตามขอให้ประชาชนอย่าได้หวั่นวิตกกับปรากฏการณ์ดังกล่าว แต่แพลงตอนบลูมที่พบเป็นชนิด นอกติลูก้า (Noctiluca) ซึ่งไม่เป็นพิษกับคน แต่จะมีผลกระทบต่อเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงชายฝั่ง ประเภทนากุ้ง การเลี้ยงปลาในกระชัง เนื่องจากแพลงตอนชนิดนี้หากถูกสูบเข้าในบ่อกุ้ง จะเข้าไปแย่งออกซิเจนในน้ำแล้วปล่อยก๊าซแอมโมเนียที่เป็นของเสียออกมา ทำให้กุ้งตายได้ เช่นเดียวกับผู้เลี้ยงปลาในกระชัง แพลงตอนนอกติลูก้า (Noctiluca) จะปิดกั้นผิวน้ำหนาประมาณ 1-2 เมตร ทำให้ปลาขาดออกซิเจน และตายได้เช่นเดียวกัน


