posttoday

ของฝากจากมองโกเลีย (5)

30 สิงหาคม 2559

โดย...น.พ.วิชัย โชควิวัฒน

โดย...น.พ.วิชัย โชควิวัฒน

ตลอดระยะเวลาห้าวันที่ผู้เขียนไปทัศนศึกษาที่มองโกเลีย อาหารหลักอย่างหนึ่งที่ไม่เคยขาดไปจากเมนูอาหารจีนทุกมื้อคือ หมั่นโถว หรือ ม่านโถว ทำจากแป้ง รูปทรงต่างๆ หลากหลาย บางภัตตาคารทำได้นุ่มและรสชาติอร่อยถูกปากคนไทยมาก

เรื่องของม่านโถวนี้มีตำนานน่าสนใจจากยุคสามก๊ก นิยายอิงพงศาวดารเรื่องสามก๊กเล่าเรื่องราวนี้ไว้อย่างละเอียดพิสดาร ฉบับภาษาไทย มีหลายสำนวน ฉบับแปลใหม่โดยวรรณไว พัธโนทัย แปลไว้ใกล้เคียงกับต้นฉบับเดิมในภาษาจีน ขอนำมาเผยแพร่ไว้โดยละเอียด ดังนี้

 ฝ่ายขงเบ้งยกทัพกลับประเทศ เบ้งเฮ็กพานายถ้ำแลชนเผ่าม่านไปส่ง เป็นการคารวะต่อขงเบ้ง ครั้นนำทัพหน้าของขงเบ้งยกมาถึงแม่น้ำลกซุย ขณะนั้นเป็นเดือนเก้าฤดูใบไม้ร่วงเกิดเมฆดำทะมึนมีลมพายุพัดจัด กองทัพไม่อาจข้ามน้ำไปได้ ทัพหน้าจึงกลับมารายงานต่อขงเบ้ง

ขงเบ้งถามเบ้งเฮ็กถึงสาเหตุ เบ้งเฮ็กชี้แจงว่า “อันแม่น้ำนี้มีปีศาจคอยหลอกหลอนอยู่เสมอ ผู้ที่จะผ่านไปมาจักต้องทำการเซ่นไหว้ก่อนจึงหายไป” ขงเบ้งว่า “ใช้อะไรเป็นเครื่องเซ่นไหว้เล่า” เบ้งเฮ็กว่า “แต่เดิมมาเมื่อปีศาจสำแดงฤทธิ์หลอกหลอนต้องใช้ศีรษะคนสี่สิบเก้าหัว หัววัวดำและแพะขาว เป็นเครื่องเซ่น แล้วคลื่นลมก็จะสงบนิ่งไป การเซ่นไหว้เพื่อให้ข้าวกล้าสมบูรณ์ก็ทำอย่างนี้เหมือนกัน”

ขงเบ้งว่า “เราเพิ่งรบเสร็จใหม่ๆ จะให้ฆ่าคนอีกไฉน” แล้วขงเบ้งไปสำรวจที่ริมฝั่งแม่น้ำลกซุย เห็นเมฆครึ้ม ลมพายุพัดจัด คลื่นโหมแรงนัก ผู้คนแลม้าอกสั่นขวัญหายไปตามๆ กัน ขงเบ้งประหลาดใจยิ่งนัก จึงลองถามชาวบ้านย่านนั้นดู ชาวบ้านบอกว่า “นับแต่ท่านสมุหนายก ยกทัพข้ามแม่น้ำนี้ไปแล้ว ทุกคืนได้ยินแต่เสียงปีศาจร่ำไห้อยู่ริมฝั่งน้ำตลอดมา เริ่มพลบค่ำจนถึงรุ่งเช้าทีเดียว แลเห็นปีศาจดำมะเมื่อม ลอยอยู่ตามหมอกควันเป็นอันมาก จึงไม่มีใครกล้าข้ามแม่น้ำนี้ไปแม้คนเดียว” ขงเบ้งจึงว่า “นี่อาจเป็นเพราะบาปกรรมที่เราทำไว้ เมื่อครั้งเราให้ม้าต้ายคุมทหารพันหนึ่งยกมานั้น ทหารทั้งปวงล้มตายอยู่ในแม่น้ำนี้หมดสิ้น ทหารชาวม่านพากันตายอยู่ในที่นี้เป็นอันมาก วิญญาณของพวกเขาจึงสำแดงฤทธิ์เดชให้เห็น คืนนี้เราจะไปเซ่นไหว้ด้วยตนเอง”

 ชาวบ้านว่า “ก็ต้องปฏิบัติตามประเพณีที่มีมาแต่เดิม คือต้องฆ่าคนเอาศีรษะสี่สิบเก้าหัวไปเป็นเครื่องเซ่น ปีศาจเหล่านั้นจึงจะหายไป” ขงเบ้งว่า “ที่เกิดการณ์นี้ขึ้น ก็ด้วยวิญญาณของผู้ตายเป็นเหตุ ไฉนจะต้องฆ่าคนมีชีวิตเพิ่มเข้าอีกเล่า เราจะคิดอ่านทำเอง” ว่าแล้ว ให้ทหารฆ่าวัวและแพะ ให้เอาแป้งมาปั้นเป็นรูปศีรษะคน เนื้อวัว เนื้อแพะยัดไว้ข้างใน เรียกว่า “ม่านโถว” (แปลว่า หัวม่าน) ครั้นเวลากลางคืน ขงเบ้งให้จุดเครื่องหอม ตั้งเครื่องเซ่น แลตั้งโต๊ะโคมไฟ เรียงรายจำนวนสี่สิบเก้าโคมทำพิธีเรียกวิญญาณแล้วเอาม่านโถว แลสิ่งของต่างๆ วางไว้กับพื้นริมแม่น้ำลกซุย

ครั้นเวลาตีสาม ขงเบ้งสวมมงคลทองปักขนนก กระทำพิธีเซ่นไหว้ด้วยตนเองให้เตียวกอดเป็นผู้อ่านโองการบวงสรวง ซึ่งมีความว่า “ณ วันที่ 1 เดือนเก้า ฤดูใบไม้ร่วง ปีที่ 3 แห่งศักราชเจี้ยนซิ่ง (พ.ศ. 768) พระยาอู่เซียงโหวผู้ครองแคว้นเอ๊กจิ๋ว สมุหนายกผู้มีนามกรว่าจูกัดเหลียง ขงเบ้ง ใคร่ขอเซ่นไหว้ และขอแจ้งแด่ดวงวิญญาณของทหารแคว้นจกผู้พลีชีวิตให้บ้านเมือง และชาวเมืองใต้ทั้งปวง ซึ่งสูญเสียชีวิตไปในสงครามว่าเจ้านายของเรา ผู้เป็นฮ่องเต้แห่งราชวงศ์ฮั่นอันทรงอานุภาพ เหนือกว่าดินแดนประเทศราชทั้งห้า และสืบทอดความรุ่งโรจน์แห่งบุรพมหาราชทั้งสาม

เมื่อไม่นานมานี้ หัวเมืองใต้ได้ก่อกบฏ รุกล้ำเข้าไปในดินแดนของพระองค์โดยกำเริบใจ ใช้เวทมนตร์คาถาสารพันแลกระทำทารุณกรรมนานัปการ ข้าพเจ้าได้รับพระราชโองการให้มาลงโทษประทุษกรรมนี้เสีย ด้วยเหตุนี้กองทัพอันแกร่งกล้าของข้าพเจ้าจึงยาตราเข้ามา และทำลายล้างสรรพสัตว์ที่โอหังบังอาจทั้งมวล ทหารผู้กล้าหาญของข้าพเจ้าผนึกกำลังประหนึ่งก้อนเมฆบนท้องฟ้าทำให้พวกกบฏไร้มนุษยธรรมแหลกละลายไป

เมื่อพวกเขาทราบว่าข้าพเจ้ามีชัยในการรบโดยง่ายก็เสียขวัญกันหมด อันกองทัพของข้าพเจ้าเป็นพวกนักรบจากหัวเมืองทั้งเก้า ทั้งนายและพลล้วนมีชื่อเสียงโด่งดังในแผ่นดิน มีความชำนาญในการสงครามช่ำชองในการใช้ศัสตราวุธ แสงสว่างนำไปทางไหน ก็ตามไปทางนั้น ด้วยความจงรักภักดีในฮ่องเต้ ทุกคนเชื่อฟังคำสั่งอย่างเคร่งครัด จับเบ้งเฮ็กแล้วปล่อย ปล่อยแล้วจับรวมถึง 7 ครั้ง 7 หน ใครเลยจะนึกว่า ท่านผู้ล่วงลับไปแล้วนี้จะยอมเสียสละชีวิตในการยุทธ์และต้องถลำเข้าไปในกลโกงอันชั่วร้ายของข้าศึก บางท่านต้องถูกยิงด้วยเกาทัณฑ์กลางกระแสน้ำลึก บางท่านต้องถูกอาวุธร้ายในยามดึก ท่านทั้งหลายเหล่านี้เมื่อมีชีวิตอยู่ก็เป็นวีรชน เมื่อสิ้นชีวิตไปแล้ว ก็ทิ้งชื่อไว้ชั่วกาลนาน”

  “บัดนี้ เรากำลังเดินทัพกลับ เสียงเพลงชัยก้องจากปากของเรา พวกเชลยก็ตามเรามา ดวงวิญญาณของท่านคงอยู่กับเรา และได้ยินเสียงสวดมนต์ของพวกเรา ท่านจงตามธงนำทัพเถิด จงมากับเจ้าบ้าน กลับคืนสู่บ้านเมืองของท่าน กลับไปหมู่บ้านของท่าน ขอท่านจงลิ้มรสชาติของอาหารเนื้อที่เรานำมาไหว้ และรับเครื่องเซ่นจากครอบครัวของท่านด้วยเถิด ขอท่านจงอย่าเป็นผีไม่มีศาลล่องลอยอยู่ในภูมิประเทศเขตเมืองซึ่งมิใช่ถิ่นฐานของท่านเลย ข้าพเจ้าจะกราบทูลฮ่องเต้ของเราให้ทรงพระมหากรุณาแก่ลูกเมียของท่านโดยทั่วถึงกันทุกคน และนับแต่บัดนี้ทุกปีลูกเมียของท่านจะได้รับพระราชทานอาหารและเสื้อผ้า และทุกเดือนจะได้รับพระราชทานเบี้ยหวัดเพื่อเลี้ยงชีพ ขอท่านจงสบายใจ ไม่ต้องกังวลหลังใดๆ เลย”

 “สำหรับดวงวิญญาณของท่านผู้เป็นชาวเมืองใต้ ก็ขอให้รับเครื่องเซ่นไหว้ ที่ข้าพเจ้านำมานี้ด้วยเถิด ท่านอยู่ใกล้บ้านของท่าน เมื่อท่านยังมีชีวิตอยู่ ท่านเกรงพระบารมีเจ้าเหนือฟ้า เมื่อท่านตายไปแล้ว ก็มีแต่ความร่มเย็น ขอท่านจงมีความสุขเถิดจงอย่าเศร้าโศกเสียใจอันใดต่อไปเลย ข้าพเจ้าขอน้อมศีรษะอำนวยพรให้ท่านได้ชื่นชมกับเครื่องเซ่นไหว้ทั้งมวลเหล่านี้เทอญ”

 เมื่ออ่านคำเซ่นสรวงเสร็จแล้วขงเบ้งก็ร่ำไห้โฮใหญ่ แสดงความสลดใจยิ่งนัก ทหารทั้งปวงเห็นแล้วต่างน้ำตาไหลไปตามๆ กัน เบ้งเฮ็กกับทหารทั้งปวงก็พากันร่ำไห้ด้วย ปีศาจนับพันๆ ที่อยู่ในเมฆหมอกทั้งหลายนั้น จึงค่อยๆ หายไปพร้อมกับลม แล้วขงเบ้งให้ทหารซ้ายขวาเอาเครื่องเซ่นทิ้งลงไปในน้ำสิ้น

วันรุ่งขึ้น ขงเบ้งนำทหารยกไปถึงชายฝั่งแม่น้ำลกซุย เห็นเมฆหมอกจางหายไป ลมนิ่งคลื่นสงบเป็นปกติ ทัพเมืองจกจึงยกข้ามแม่น้ำลกซุยไปได้อย่างราบรื่น ทหารจุดประทัดตีฆ้องกลอง และร้องเพลงชัยกันสนั่นหวั่นไหว”

ข่าวล่าสุด

เวทีไทย–จีนเปิดเกมลงทุนใหม่ ดัน Industrial Park เชื่อมซัพพลายเชนโลก