ทวงคืน‘ทับหลังหนองหงส์’ ซ้ำรอย‘นารายณ์บรรทมสินธุ์’
กรณี “ทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์” เป็นจุดเริ่มต้นสำคัญให้ประเทศไทย หันมาดูแลรักษาโบราณสถานและโบราณวัตถุ
โดย...สุรชัย พิรักษา
กรณี “ทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์” เป็นจุดเริ่มต้นสำคัญให้ประเทศไทย หันมาดูแลรักษาโบราณสถานและโบราณวัตถุ มรดกวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของชาติกันอย่างจริงจัง ด้วยบทเรียนการทวงคืนจากสถาบันศิลปะแห่งชิคาโก ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งใช้เวลายาวนานตั้งแต่ปี 2516 กระทั่งได้คืนในปี 2531
ล่าสุดมีการพบว่า โบราณวัตถุ สมบัติของชาติไทย ยังคงถูกเก็บไว้ในต่างประเทศอีกชิ้นหนึ่ง ภายหลังจาก ทนงศักดิ์ หาญวงษ์ นักวิชาการอิสระออกมาเปิดเผยว่า มีการพบภาพถ่ายทับหลังชิ้นหนึ่งในเว็บไซต์ของพิพิธภัณฑ์ Asian Art Museum Chong-Moon Lee Center for Asian Art and Culture เมืองซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนียสหรัฐอเมริกา ตรงกับทับหลังที่สูญหายไปจากปราสาทหนองหงส์ อ.โนนดินแดงจ.บุรีรัมย์ มีหลักฐานคือภาพถ่ายเก่าขาวดำจากการสำรวจโดย มานิต วัลลิโภดมผู้เชี่ยวชาญประวัติศาสตร์โบราณคดีกรมศิลปากร ระหว่างปี 2503-2504 คาดว่าน่าจะถูกนำออกนอกประเทศในช่วงเดียวกับทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์ที่ปราสาทพนมรุ้ง คือราวปี 2508
กรณีนี้ทำให้เกิดกระแสทวงคืนทับหลังหนองหงส์ขึ้นอีกครั้ง โดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและประชาชนชาว อ.โนนดินแดง เรียกร้องให้รัฐบาล หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทวงคืนทับหลังปราสาทหนองหงส์กลับมา เพราะเป็นสมบัติของชาติและมีคุณค่าทางจิตใจของคนในพื้นที่
ผศ.ดร.สรเชต วรคามวิชัย อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์นักวิชาการและผู้รู้เกี่ยวกับด้านประวัติศาสตร์ วัย 78 ปี ระบุว่า จากคำบอกเล่าและข้อมูลที่เคยศึกษาเกี่ยวกับปราสาทและวัตถุโบราณต่างๆ พบว่าในอดีตที่ผ่านมามีคนบางกลุ่มในเขตพื้นที่ อ.ประโคนชัยและนางรอง ได้ลักลอบขุดค้นโบราณวัตถุมาขาย โบราณวัตถุ
กันให้กับกลุ่มรับซื้อของเก่าใน กทม. ก่อนจะส่งขายต่อยังต่างประเทศ แต่ปัจจุบันกลุ่มคนเหล่านี้ไม่มีชีวิตอยู่แล้ว จึงเป็นไปได้ยากที่จะติดตามเส้นทางการนำวัตถุโบราณออกนอกประเทศ
“อยากให้กรมศิลปากร หรือหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องได้เจรจาเพื่อขอคืนทับหลังปราสาทหนองหงส์กลับคืนมาเพื่อเป็นสมบัติของชาติ และเป็นแหล่งศึกษาทางประวัติศาสตร์ของเยาวชนคนรุ่นหลัง จะได้รู้คุณค่าของโบราณวัตถุดังกล่าวว่ามีความเป็นไปเป็นมาอย่างไร เพราะถึงแม้ปัจจุบันจะสามารถแกะสลักจำลองขึ้นมาให้เหมือนของจริงได้แต่มีคุณค่าที่แตกต่างกันเพราะเป็นคนละยุคสมัย”
ผศ.ดร.สรเชต ระบุอีกว่า สาเหตุที่ต่างประเทศมีความต้องการนำวัตถุโบราณไปจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ต่างๆก็เพื่อต้องการดึงดูดความสนใจให้ผู้คนเข้าชมและศึกษาประวัติความเป็นมาของวัตถุโบราณชิ้นนั้นๆ โดยเฉพาะทับหลังปราสาทหนองหงส์ดังกล่าว มีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 16-17 ซึ่งอยู่ในยุคเดียวกันกับนครวัด-นครธม ที่มีชื่อเสียงโด่งดังและเป็นที่รู้จักทั่วโลก
ทั้งนี้ ปราสาทหนองหงส์เป็นศาสนสถานศาสนาฮินดู ก่อสร้างราวพุทธศตวรรษที่ 16-17 หรือราว 800-900 ปี ตัวปราสาทเป็นปรางค์ 3 องค์ก่อด้วยอิฐตั้งบนฐานก่อด้วยศิลาแลง เดิมพบทับหลังเหนือประตูทางเข้าปราสาททั้ง 3 หลังแกะสลักลวดลายศิลปะขอมแบบปาปวน แต่ถูกโจรกรรมออกไปทั้ง 3 หลัง
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ก็มีการนำเทวรูปอวโลกิเตศวรของปราสาทปลายบัด อ.ประโคนชัย ประมูลขายในต่างประเทศ
ต้องติดตามว่า กระบวนการทวงคืนสมบัติของชาติชิ้นนี้ จะมีบทสรุปอย่างไร


