posttoday

เศษฝรั่งเมื่อ ร.ศ.112 (1)

22 กรกฎาคม 2559

โดย...สมผล ตระกูลรุ่ง

โดย...สมผล ตระกูลรุ่ง

ปีนี้ฝรั่งเศสฉลองวันชาติ 14 ก.ค. ด้วยเลือด ด้วยชีวิตผู้บริสุทธิ์กว่า 80 คน บาดเจ็บอีกนับร้อย จากการขับรถบรรทุกเข้าไปบดขยี้ฝูงชนที่แออัดฉลองวันชาติฝรั่งเศสที่เมือง Nice

โศกนาฏกรรมครั้งนี้เป็นการกระทำโดยความตั้งใจของผู้ก่อการร้าย ซึ่งมันคือเรื่องการเมือง เป็นการเมืองระหว่างประเทศ สัจธรรมอย่างหนึ่งของการเมืองทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นการเมืองภายในประเทศหรือระหว่างประเทศ ผู้ที่ได้รับผลร้ายมักจะเป็นผู้บริสุทธิ์ ประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่ไม่มีส่วนได้เสีย ไม่ใช่ผู้มีอำนาจในทางการเมือง ส่วนนักการเมืองตัวจริงมักจะมีวิธีเอาตัวรอดอยู่เสมอ

อย่างไรก็ตาม ในทางพุทธศาสนานั้นถือว่าความบังเอิญไม่มีในโลก ผลที่เกิดขึ้นวันนี้ล้วนมาจากเหตุที่ได้กระทำไว้ในอดีต เพียงแต่มนุษย์เรามีอายุเพียงแค่ไม่เกิน 100 ปี รู้เห็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นเพียงระยะเวลานิดเดียว เมื่อเทียบกับระยะเวลาที่มนุษย์ดำรงอยู่บนโลกใบนี้

แน่นอนว่าผู้เสียชีวิตทั้งหมดเป็นบุคคลที่น่าสงสาร ควรได้รับความเห็นใจ ในขณะเดียวกันก็ควรประณามคนที่ก่อกรรมทำเข็ญในครั้งนี้ ไม่ว่าจะทำด้วยเหตุผลใดก็ตาม

สำหรับชาวพุทธเรา มีมุมมองที่กว้างไกลกว่า มองปัญหาด้วยความเป็นจริงกว่า คือเมื่อเกิดเหตุขึ้นแล้ว เป็นอดีตไปแล้ว จึงย่อมไม่สามารถเปลี่ยนแปลงใดๆ พุทธศาสนาสอนให้ยอมรับความเป็นจริงที่เกิดขึ้นแล้ว แม้จะเป็นความจริงที่เจ็บปวด ไม่มีใครสามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วได้ ต้องยอมรับและเดินหน้าต่อไป

คนฝรั่งเศสในวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นญาติพี่น้องของผู้เสียชีวิตหรือผู้บาดเจ็บหรือไม่ก็ตาม คงจะโกรธแค้นและพร้อมตอบโต้ผู้กระทำในทุกๆ วิถีทาง

ความรู้สึกของชาวฝรั่งเศสในวันนี้ คงไม่ต่างไปจากความรู้สึกของชาวสยามเมื่อ 123 ปีมาแล้ว ในเหตุการณ์ที่บันทึกเป็นประวัติศาสตร์กรุงรัตนโกสินทร์ ได้บันทึกเหตุการณ์ไว้ว่า ฝรั่งเศสส่งทหารเข้ายึดดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง ซึ่งประเทศไทยครอบครองอยู่ ทหารไทยรักษาดินแดนไว้ได้ โดยจับนายทหารฝรั่งเศสได้ ทหารเกณฑ์คนหนึ่งตายในที่รบ

ฝรั่งเศสคงเห็นแล้วว่าไม่สามารถเอาชนะทหารไทยในการรบทางบกได้ จึงเปลี่ยนแนวรบเป็นทางทะเลที่ฝรั่งเศสมีเรือรบทันสมัยกว่า โดยเริ่มขอนำเรือรบเข้ามาจอดในแม่น้ำเจ้าพระยา แต่ไทยไม่อนุญาต เพราะเท่ากับเป็นการละเมิดอธิปไตยของไทย 

 ฝรั่งเศสจึงเริ่มใช้วิธีการของนักเลงอันธพาล โดยเมื่อวันที่ 13 ก.ค. ร.ศ. 112 (2436)  เรือเซย์ ซึ่งเป็นเรือเมลของฝรั่งเศส ได้นำเรือรบ 2 ลำ คือ เรือโกแมตและเรืออังกองสตังต์ เข้ามาในอ่าวไทยมุ่งหน้าสู่ลำน้ำเจ้าพระยา หนังสือจดหมายเหตุ ร.ศ. 112 โดยพระณรงค์วิชิต (เลื่อน ณ นคร) ได้บันทึกไว้ว่า

“เมื่อเรือฝ่ายฝรั่งเศสเข้ามาใกล้ป้อมพระจุลจอมเกล้า เวลา 18.30 น. ทหารไทยยิงปืนเตือนด้วยกระสุนหลอกจากป้อมพระจุลจอมเกล้า 2 นัด เรือฝรั่งเศสยังคงเล่นต่อ ฝ่ายไทยจึงยิงไปอีก เรือฝรั่งเศสกลับเร่งฝีจักรและยิงตอบโต้ ทั้งสองฝ่ายระดมยิงใส่กัน เรือเซย์ถูกยิงเกยตื้น เนื่องจากมุมในการยิงของปืนในป้อมพระจุลจอมเกล้าเป็นมุมแคบ และการใช้ปืนใหญ่อาร์มสตรองยิงแต่ละนัดจะต้องยกระดับปืนด้วยฟันเฟืองและกว้าน

เมื่อยิงได้ 1 นัด ต้องลดระดับประมาณ 3 เมตร เพื่อบรรจุกระสุนปืน ทหารไทยเพิ่งจะฝึกยิงปืน เพราะปืนเครื่องติดตั้งเสร็จจึงไม่ชำนาญและครูฝึกชาวเดนมาร์ก 3 คน มีเพียงคนเดียวที่พูดภาษาไทยได้  ประกอบกับเวลาที่เรือฝ่ายข้าศึกอยู่ในวิถีกระสุนมีจำกัด จึงยิงปืนจากป้อมไปได้ไม่กี่ชุด เรือรบฝรั่งเศสทั้ง 2 ลำก็ตีฝ่าแนวป้องกันทั้ง 4 แนว คือ แนวทุ่นระเบิด แนวสายโซ่ แนวเรือเกาที่จมขวางแม่น้ำไว้ แล้วแนวเรือรบไทยไปถึงป้อมผีเสื้อสมุทรเมื่อเวลา 19.00 น. เป็นเวลามืดแล้ว เรือฝรั่งเศสยิงป้อมผีเสื้อสมุทร 5 นัด ทหารไทยที่ป้อมไม่แน่ใจว่าเป็นเรือฝ่ายใดจึงไม่กล้ายิง บางเอกสารว่ามีการยิงปะทะกัน
เล็กน้อย เรือรบฝรั่งเศสผ่านเข้ามาจอดที่หน้าสถานทูตฝรั่งเศสเมื่อเวลา 21.00 น.

ผลการรบที่ปากน้ำเจ้าพระยา ฝ่ายไทยเสียชีวิต 8 นาย บาดเจ็บ 14 นาย (บางแห่งว่า 41 นาย) ป้อมผีเสื้อสมุทรเสียหายเล็กน้อย ฝ่ายฝรั่งเศสเสียชีวิต 3 นาย บาดเจ็บ 3 นาย เรือรบถูกยิงเสียหายเล็กน้อย

ฝ่ายนายปาวีก็ช่วยโอกาสเสนอรัฐมนตรีว่าการต่างประเทศฝรั่งเศสให้ส่งกองทัพเข้าโจมตีถ้ารัฐบาลไทยไม่ยอมจำนน และในวันที่ 20 ก.ค. นายปาวียื่นคำขาด (Ultimatum) ให้ตอบภายใน 48 ชั่วโมง หากไทยไม่ยอมปฏิบัติตามคำขาด ราชทูตฝรั่งเศสจะเดินทางออกจากกรุงเทพฯ และจะปิดอ่าวไทย รวมทั้งน่านน้ำไทยทันที สาระสำคัญของคำขาดคือ

1.ไทยต้องเพิกถอนสิทธิเหนือดินแดนฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขงและเกาะต่างๆ ตั้งแต่ภาคเหนือของลาวไปจนถึงพรมแดนเขมร

2.ให้ไทยรื้อถอนด่านทั้งหลายบนฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขงให้เสร็จสิ้นภายใน 1 เดือน

3.ให้ไทยจัดการปัญหาทุ่งเชียงคำ เมืองคำม่วน และความเสียหายที่เรือรบฝรั่งเศสและชาวฝรั่งเศสได้รับจากการปะทะกันให้เรียบร้อย

4.ให้ไทยลงโทษเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยผู้มีส่วนรับผิดชอบในการยิงเรือที่ปากน้ำ

5.ให้ไทยชดใช้ค่าเสียหายให้ฝรั่งเศสเป็นเงิน 2 ล้านฟรังก์

6.ให้ไทยวางประกันเป็นจำนวนเงิน 3 ล้านฟรังก์ ถ้าไม่ให้ ฝรั่งเศสจะเก็บภาษีเมืองพระตะบอง เสียมราฐ

รัฐบาลไทยพยายามขอความช่วยเหลือจากอังกฤษ ซึ่งน่าจะได้ผลกระทบจากคำขาดนี้ เพราะฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงขึ้นไปจดจีนและรัฐเชียงแขง ซึ่งตั้งอยู่ทั้งสองฟากแม่น้ำโขงเป็นของอังกฤษ แต่รัฐบาลอังกฤษไม่ออกความเห็นหรือให้ความช่วยเหลือแต่ประการใด ดังนั้น เมื่อถึงวันที่ 22 ก.ค. ไทยจึงตอบยอมรับคำขาด ยกเว้นข้อ 1 ไทยยอมยกเฉพาะดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงบริเวณใต้เมืองคำม่วนมาจนถึงเมืองสตึงแตรงเท่านั้น และในข้อ 4 ไทยปฏิเสธที่จะให้มีการลงโทษข้าราชการไทยเพราะทำไปตามหน้าที่”

ผมยกมาให้อ่านกันเต็มๆ จะได้เห็นความเป็นอันธพาลของพวกที่เรียกตัวเองว่าเป็นพวกศิวิไลซ์ แต่แท้ที่จริงแล้วไม่ต่างไปจากโจรอันธพาลที่ใช้อาวุธที่ทันสมัยปล้นสะดมประเทศอื่นที่ไม่มีทางต่อสู้

เหตุการณ์ยังไม่จบ แต่พื้นที่หมดเสียก่อน ขอต่อในนัดหน้าครับ

ผู้ก่อการร้ายที่ใช้วิธียอมตาย เพียงเพื่อได้ทำลายล้างมหาอำนาจคงจะมีความแค้นฝังแน่น แม้จะเป็นวิธีการที่ไม่ถูกต้อง เพราะผู้ได้รับผลร้ายคือประชาชนที่ไม่ได้กำหนดนโยบาย แต่ถ้าให้ความเป็นธรรม ผู้ก่อการร้ายคงได้รับความไม่เป็นธรรมจากมหาอำนาจ เหมือนกับสยามประเทศในเหตุการณ์ ร.ศ. 112

แต่คนไทยเลือกที่จะใช้แนวทางพุทธที่ยึดถือคำสอนที่ว่า เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร

ข่าวล่าสุด

งานเข้า! EU สอบสวน Google ข้อหาผูกขาดเนื้อหาให้กับ AI ของบริษัท