โรงแรมภูเก็ตแห่ขายฟันกำไรที่5เท่า
ราคาที่ดินภูเก็ตพุ่ง 5 เท่า ใน 10 ปี ยั่วเจ้าของโรงแรมแห่ขาย หวั่นรอให้ขึ้นแพงกว่านี้ไม่มีคนซื้อ
ราคาที่ดินภูเก็ตพุ่ง 5 เท่า ใน 10 ปี ยั่วเจ้าของโรงแรมแห่ขาย หวั่นรอให้ขึ้นแพงกว่านี้ไม่มีคนซื้อ
นายศึกษิต สุวรรณดิษฐกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดีวาน่า กรุ๊ป ผู้ดำเนินธุรกิจโรงแรมดีวาน่าและรีเซ็นต้า ใน จ.ภูเก็ต และกระบี่ เปิดเผยว่า ภาพรวมปีที่ผ่านมาจนถึงปีนี้เริ่มเห็นสัญญาณการประกาศขายโรงแรมในภูเก็ตมากขึ้น ซึ่งมองว่าไม่ได้เป็นเพราะมองแนวโน้มธุรกิจท่องเที่ยวไม่ดี แต่ขายเนื่องจากนักลงทุนเริ่มมองว่าขณะนี้ราคาสินทรัพย์เพิ่มขึ้นจนมาถึงจุดที่เหมาะสมที่สุดที่ขายแล้วได้กำไร
สำหรับตัวอย่างราคาสินทรัพย์ เช่น ที่ดินย่านโรงแรมดีวาน่า ป่าตอง รีสอร์ท ที่เคยราคา 20 ล้านบาท/ไร่ เมื่อ 12 ปีก่อน ปัจจุบันราคาที่ดินขึ้นมาถึง 5 เท่า อยู่ที่กว่า 100 ล้านบาท/ไร่แล้ว ดังนั้น จึงไม่แปลกที่จะเห็นโรงแรมต่างๆ ออกมาขายในช่วงนี้ เพราะนักลงทุนน่าจะมองว่า หากรอต่อไปให้ราคาที่ดินสูงกว่านี้อาจขายโรงแรมยากแล้ว ดังนั้นขายออกไปให้ได้ในเร็วๆ นี้ แล้วนำเงินไปลงทุนในตลาดเกิดใหม่ดีกว่า เพราะนอกจากจะได้กำไรสูงจากราคาที่ดินที่เพิ่มขึ้นมากแล้ว ยังมีโอกาสนำเงินไปทำกำไรต่อด้วย
ด้านผู้ซื้อโรงแรมต่อก็ได้รับประโยชน์ แม้ว่าตัวโรงแรมที่ซื้อมาจะเก่าแล้วจนต้องลงทุนเสมือนการสร้างโรงแรมใหม่เลย เพราะมีข้อดีคือการซื้อโรงแรมเก่ามา จะมีใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรมมาด้วย ใช้เวลาปรับปรุงครั้งใหญ่ 7-8 เดือน ก็สามารถสร้างรายได้ได้ทันที ขณะที่การสร้างโรงแรมใหม่บนที่ดินที่ซื้อมาใหม่จะต้องใช้เวลาในการขออนุญาตก่อสร้างต่างๆ นานถึง 2 ปี รวมเวลาก่อสร้างด้วยแล้ว ต้องใช้เวลาถึง 3 ปีครึ่งกว่าจะเปิดให้บริการโรงแรมได้
นายไมค์ แบทเชเลอร์ กรรมการผู้จัดการหน่วยธุรกิจบริการการลงทุนด้านโรงแรมภาคพื้นเอเชีย บริษัท เจแอลแอล (โจนส์ แลง ลาซาลล์) บริษัทที่ปรึกษาและบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า การลงทุนซื้อขายโรงแรมมีแนวโน้มดี เพราะราคาโรงแรมที่เสนอขายในไทยยังอยู่ในเกณฑ์ที่นักลงทุนรับได้ ปีที่ผ่านมาโรงแรมที่ซื้อขายในเอเชียแปซิฟิกมีราคาซื้อขายเฉลี่ย 2.7 แสนเหรียญสหรัฐ/ห้องพัก หรือ 9.45 ล้านบาท/ห้องพัก ส่วนราคาซื้อขายโรงแรมในไทยเฉลี่ยที่ 1.66 แสนเหรียญสหรัฐ/ห้องพัก หรือ 5.81 ล้านบาท/ห้องพัก ถือว่ายังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของภูมิภาค
“ช่วงที่ผ่านมา นักลงทุนต้องการซื้อโรงแรมในฮ่องกง สิงคโปร์ หรือออสเตรเลีย มาก ทำให้ราคาขายขยับขึ้นไปมาก ผลตอบแทนการลงทุนที่ผู้ซื้อจะได้รับจึงมีอัตราลดลง ดังนั้นจึงมีนักลงทุนหันมาสนใจซื้อโรงแรมในไทยมากขึ้น เพราะราคาถูกกว่าและโรงแรมในไทยก็มีแนวโน้มผลประกอบการดี นอกจากให้ผลตอบแทนการลงทุนที่ดี อนาคตก็ยังมีโอกาสที่มูลค่าโรงแรมที่ซื้อไว้ขณะนี้จะปรับเพิ่มอีกได้” นายแบทเชเลอร์ กล่าว
ทั้งนี้ ปีที่ผ่านมาประเทศไทยมีมูลค่าการซื้อขายโรงแรมรวม 1 หมื่นล้านบาท ลดลงจากปี 2557 ที่มีมูลค่า 1.4 หมื่นล้านบาท เพราะปี 2557 มีการซื้อขายโรงแรมรายการใหญ่ คือ โรงแรมฮิลตัน หัวหิน ซึ่งมีมูลค่าสูงทำให้มูลค่าการซื้อขายปีนั้นสูงเป็นพิเศษ แต่โดยทั่วไปมูลค่าการซื้อขายโรงแรมในไทยจะอยู่ที่ 1 หมื่นล้านบาท/ปี ส่วนปีนี้อาจมีการซื้อขายโรงแรมมูลค่าสูงอีกแห่งที่ภูเก็ต ซึ่งเจแอลแอลเป็นตัวแทนการขายให้และน่าจะเป็นโรงแรมที่มีมูลค่าสูงสุดที่เคยเสนอขายในไทย หากเจรจาซื้อขายเสร็จสิ้นภายในปีนี้จะทำให้มูลค่าการซื้อขายโรงแรมในไทยปีนี้ขึ้นไปอยู่ที่ 1.5-2 หมื่นล้านบาท
นายแบทเชเลอร์ กล่าวว่า การขายโรงแรมในไทยมาจากบริษัทลงทุนหรือกองทุนที่เคยซื้อโรงแรมไว้นานแล้วและราคาขายปรับขึ้นจากเดิมมาก จึงขายออกเพื่อทำกำไร หรือนักลงทุนเคยสร้าง หรือซื้อโรงแรมไว้และต้องการขายไปลงทุนด้านอื่น


