คิง เพาเวอร์สบายปีกไทย จีน พม่า
เรียกว่าเป็นที่จับตามองมาก หลังจากที่ “วิชัย ศรีวัฒนประภา” เจ้าของคิง เพาเวอร์กลายมาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในไทยแอร์เอเชีย
โดย...สุกัญญา สินถิรศักดิ์
เรียกว่าเป็นที่จับตามองมาก หลังจากที่ “วิชัย ศรีวัฒนประภา” เจ้าของคิง เพาเวอร์กลายมาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในไทยแอร์เอเชีย ผ่านการซื้อหุ้นบริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น หรือ AAV ในสัดส่วน 39% และ
ตั้งเป้าที่จะมีสัดส่วนหุ้นใน AAV ประมาณ 85% หลังจากที่ทำเทนเดอร์ ออฟเฟอร์แล้ว โดยบิ๊กคิง เพาเวอร์ได้เปิดใจว่า สนใจธุรกิจการสายการบินมานานแล้ว เพราะมองเห็นโอกาสการเติบโตจากการเดินทางของคนในภูมิภาคเอเชียที่ขยายตัวมาก ซึ่งการลงทุนครั้งนี้เป็นการลงทุนระยะยาวให้กับครอบครัว คาดว่าจะใช้เวลาในการคืนทุน 7-8 ปี
เขายังเล่าอีกว่า ในช่วงที่สายการบินนกแอร์เริ่มต้นทุนธุรกิจใหม่ๆ ยังได้เคยเข้าไปถือหุ้นในนกแอร์ด้วยเช่นกันในสัดส่วน 5% แต่การถือหุ้นเพียง 5% ทำให้ ยากที่จะมีบทบาทในการกำหนดทิศทางที่จะสนับสนุนธุรกิจหลักดิวตี้ฟรีของคิง เพาเวอร์ได้ จนเมื่อไม่นานนี้ความต้องการขยายไปยังธุรกิจสายการบินได้กลับมาอีกครัั้ง จึงได้เจรจากับธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ เพื่อซื้อหุ้นใน AAV จนบรรลุข้อตกลงและเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ไทยแอร์เอเชียแทน
ขณะที่การบริหารงานได้มอบหมายให้ อัยยวัฒน์ และ อภิเชษฐ์ ศรีวัฒนประภา และสมบัตร เดชาพานิชกุล เข้ามารับตำแหน่งคณะกรรมการบริษัทเพื่อร่วมกำหนดวิสัยทัศน์และนโยบายไทยแอร์เอเชียร่วมกับการบริหารของธรรศพลฐ์ เเละผู้บริหารชุดเดิม โดยมีเป้าหมายที่จะเดินไปข้างหน้าพร้อมกันตามยุทธศาสตร์ที่เน้นขยายฐานธุรกิจในไทย เจาะตลาดนักท่องเที่ยวจีน และเปิดตลาดแถบอาเซียน
ในส่วนของแผนขยายฐานธุรกิจในไทย หลังจากที่ปรับปรุงคิง เพาเวอร์ ดาวน์ทาวน์ คอมเพล็กซ์ (รางน้ำ) และขยายคิง เพาเวอร์ ศรีวารี คอมเพล็กซ์ (บางนา-ตราด กม.18) เฟสสองแล้วเสร็จ จะแยกทำตลาดชัดเจน โดยที่ศรีวารีจะรับกลุ่มทัวร์จีนโดยเฉพาะ ส่วนรางน้ำจะเป็นตลาดท่องเที่ยวเองหรือเอฟไอทีทั้งคนไทยและต่างชาติ
สำหรับการเปิดตลาดใหม่ๆ ให้กับไทยแอร์เอเชียนั้น การที่คิง เพาเวอร์ทำตลาดในจีนนาน ทำให้รู้ว่าเมืองใดที่ไทยแอร์เอเชียควรเปิดเส้นทางบินเพิ่ม หรือขยายเที่ยวบิน ซึ่งจะยิ่งทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาไทยมากขึ้น เป็นผลบวกกับคิง เพาเวอร์ โดยปัจจุบันลูกค้าจีนช็อปปิ้งในคิง เพาเวอร์ราว 6-7 ล้านคน จากคนจีนที่เข้ามาเที่ยวไทยทั้งหมดปีที่แล้ว 10 ล้านคน ปีนี้คาดว่าจะเพิ่มเป็น 12-13 ล้านคน คิง เพาเวอร์จึงตั้งเป้าจะเพิ่มลูกค้าคนจีนเป็น 80% ของคนจีนทั้งหมดที่เข้าไทย
สำหรับการขยายตลาดใหม่ๆ หลังจากที่ได้รับการทาบทามให้ไปลงทุนดิ้วตี้ฟรีในสนามบินของ 3 เมืองสำคัญทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของเมียนมา เช่น ย่างกุ้ง เนย์ปิดอว์ ฯลฯ ล่าสุด ได้ส่งทีมไปศึกษาความเป็นไปได้แล้ว คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้ โดยตลาดท่องเที่ยวในเมียนมาขยายตัวมาก จึงเป็นตลาดที่น่าสนใจ และปัจจุบันไทยแอร์เอเชียก็มีไฟลต์บินไปยังเมียนมาด้วย ซึ่งหากลงทุนในเมียนมาได้จริง ทั้งคิง เพาเวอร์และไทยแอร์เอเชียก็จะเสริมทัพกันในตลาดนี้
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันยังไม่ได้รับรายละเอียดเกี่ยวกับเงื่อนไขการลงทุนดิ้วตี้ฟรีในเมียนมา แต่บิ๊กคิง เพาเวอร์ย้ำว่า หากเป็นตลาดเมียนมา บริษัทมีความความพร้อมทุกด้านมากกว่าการขยายไปยังตลาดญี่ปุ่น
อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ กล่าวว่า ปัจจุบันคิง เพาเวอร์มีพนักงาน 1 หมื่นคน ไทยแอร์เอเชียมีพนักงาน 4,000 คน หากรวมกันแล้วจะเป็นองค์กรขนาดใหญ่ที่มีบุคลากรแตะ 1.4 หมื่นคน ซึ่งในอนาคตเมื่อองค์กรขยาย อาจจะมีการเพิ่มบุคลากรใหม่ๆ ด้วย ส่วนฐานลูกค้า คิง เพาเวอร์มีฐานสมาชิก 5-6 แสนคน ไทยแอร์เอเชียมีผู้โดยสารที่ใช้บริการราว 10 ล้านคน/ปี ซึ่งการทำตลาดร่วมกันในอนาคต จะต้องหารือ เพิ่มช่องทางการขยายตั๋วเครื่องบิน จองโรงแรม และเพิ่มช่องทางให้กับคิง เพาเวอร์ได้อย่างไร
ขณะที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) แจ้งว่า ได้สั่งให้เอเอวีชี้แจงกรณีที่ครอบครัวธรรศพลฐ์ขายหุ้นเอเอวีให้กลุ่มวิชัยสัดส่วน 39% ราคาหุ้นละ 4.20 บาท และครอบครัวแบเลเว็ลด์ คงเหลือการถือหุ้นเพียง 5% เนื่องจากที่ผ่านมาปรากฏข่าวเรื่องการขายหุ้นของกลุ่มธรรศพลฐ์ให้กลุ่มคิง เพาเวอร์ตามสื่อต่างๆ และ ตลท.ได้ให้บริษัทชี้แจงถึงข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าวถึง 3 ครั้ง ระหว่างวันที่ 7 เม.ย.-9 พ.ค. 2559 ซึ่งทางบริษัทได้ปฎิเสธข่าวดังกล่าวทุกครั้ง
ดังนั้น เพื่อให้ผู้ลงทุนได้ทราบข้อเท็จจริง จึงขอให้บริษัท เอเอวี ชี้แจงเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวภายในวันที่ 16 มิ.ย. 2559 เมื่อวันที่ 13 มิ.ย. ธรรศพลฐ์ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่รายหนึ่ง และเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร แจ้ง ตลท.ว่า ได้ขายหุ้นรวม 1,890 ล้านหุ้น ราคาเฉลี่ย 4.20 บาท/หุ้น ให้กับ วิชัย ประธานกรรมการกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ และเจ้าของทีมเลสเตอร์ ซิตี้
ด้านการซื้อขายหุ้นเอเอวี วันที่ 14 มิ.ย. หลังมีข่าวว่ากลุ่มวิชัยซื้อหุ้นล็อตใหญ่ในราคาต่ำกว่าตลาด ส่งผลให้เปิดตลาดตอนเช้า ราคาหุ้นรูดลงแรงทันทีที่ระดับ 5.50 บาท หลังจากนั้นมีแรงไล่ซื้อหุ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะหลังจากวิชัยแถลงแผนธุรกิจของกลุ่มคิง เพาเวอร์และเอเอวีที่มีอนาคตสดใส สนับสนุนให้ราคาขึ้นไปสูงสุด 6.35 บาท ก่อนปิดที่ระดับ 6.25 บาท บวก 0.25 บาท หรือ 4.17% ด้วยมูลค่าการซื้อขายหนาแน่น ถึง 3,624 ล้านบาท
กวี ชูกิจเกษม รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย กรณีที่ธรรศพลฐ์ขายหุ้น 39% ให้กลุ่มวิชัย มองว่าเป็นกลยุทธ์ที่ช่วยเสริมธุรกิจซึ่งกันและกัน เนื่องจากกลุ่มคิง เพาเวอร์เป็นกลุ่มที่มีศักยภาพในธุรกิจสินค้าปลอดภาษี หรือดิวตี้ฟรี
ทั้งนี้ บล.กสิกรฯ มองว่า ภาพรวมของอุตสาหกรรมการบินที่อยู่ในทิศทางที่ดี เนื่องจากราคาน้ำมันอยู่ในราคาต่ำ โดยคาดว่าเอเอวีจะอยู่ที่ 7 บาท สำหรับประเด็นที่ต้องติดตามในระยะกลาง และในระยะยาว คือราคาน้ำมันที่อาจจะแพงขึ้นส่งผลต่อต้นทุน ซึ่งในระยะ 5-10 ปี การแข่งขันก็จะรุนแรงขึ้น
นักวิเคราะห์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ยังคงคำแนะนำซื้อหุ้นเอเอวี โดยให้ราคาเป้าหมาย 12 เดือนข้างหน้าที่ 7.30 บาท เพราะแนวโน้มผลการดำเนินงานและสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง น่าจะทำให้บริษัทมีเสถียรภาพเพียงพอที่จะทำให้การเปลี่ยนมือทีมบริหารเป็นไปอย่างราบรื่น ดังนั้นจึงคิดว่านักลงทุนควรซื้อสะสมถ้าราคาหุ้นปรับตัวลดลง


