ความแม่นยำ ของพระไตรปิฎก
โดย...กรกิจ ดิษฐาน
โดย...กรกิจ ดิษฐาน
เนื่องในเดือนแห่งวันวิสาขบูชา ผมอยากจะแก้ข้อสงสัยของหลายท่าน เรื่อง พระไตรปิฎกเชื่อถือได้หรือไม่ และการจำ/คัดลอกต่อๆ กันมาทำให้หลักธรรมผิดเพี้ยนได้หรือไม่ คำถามนี้ถามกันมาเป็นร้อยปีในโลกวิชาการตะวันตกและได้ข้อสรุปแล้ว แต่น่าสงสัยว่าทำไมคนไทยถึงไม่ค่อยทราบกัน และมักเถียงกันเรื่องนี้ คงเพราะข้อจำกัดด้านภาษาและไม่สนใจงานวิชาการทางพระพุทธศาสนาเท่าไหร่ ต่อไปนี้ผมจะตอบแบบง่ายที่สุด โดยอิงกับฝ่ายเถรวาทเป็นหลัก
พระไตรปิฎกแบ่งเป็น 3 ส่วน คือ พระสูตร พระวินัย พระอภิธรรม - เกือบทั้งหมดเป็นพระพุทธพจน์ เพราะยังมีส่วนที่เป็นสาวกพจน์และบุคคลสำคัญอื่นๆ รวมถึงคัมภีร์ที่แต่งยุคหลัง เช่น เมียนมารวมมิลินทปัญหาเอาไว้ในพระสูตร แต่ไทยไม่รวม นักวิชาการเห็นพ้องว่า โดยลักษณะทางภาษาพระวินัย พระสูตรทั้ง 4 หมวด (เว้นขุททกนิกายบางส่วน) เป็นพระพุทธพจน์แน่ๆ ส่วนพระอภิธรรมส่วนใหญ่เป็นพระพุทธธรรม มีคัมภีร์กถาวัตถุแต่งขึ้นสมัยสังคายนาครั้งที่ 3
พระไตรปิฎกยุคต้นสืบทอดโดยการท่องจำ การท่องโดยไม่ผิดเพี้ยนเลยมีความเป็นไปได้ เพราะทางเมียนมายังสืบทอดธรรมเนียมท่องจำพระไตรปิฎกทั้งหมด ผู้ที่ท่องได้เรียกว่า “พระติปิฎกธร” มีการสอบปากเปล่าเป็นระบบระเบียบชัดเจน ผู้ที่โด่งดังมาก ก็เช่น หลวงพ่อมิงกุน สยาดอ ซึ่งท่องจำพระไตรปิฎกได้ทั้งชุด และกินเนส เวิลด์ เรคคอร์ดส ได้รับรองแล้ว - อนึ่ง ในไทยโบราณเรียนก็มีการเรียนพระปริยัติแบบท่องจำตอบปากเปล่า แต่มาเลิกไปเมื่อร้อยกว่าปีนี้เอง ส่วนทางทิเบตมีคณะเรียนพระสูตรอาศัยการท่องจำเช่นกัน มีการสอบที่เป็นระบบหลายขั้นตอน เช่นเดียวกับเมียนมา
สาเหตุที่การท่องจำพระไตรปิฎกสามารถทำได้ ส่วนหนึ่งเพราะเนื้อหาของพระไตรปิฎกเป็นร้อยกรอง หรือบทกวีเสียมาก หาไม่ก็แต่งเป็นร่ายด้วยถ้อยคำที่คล้องจอง มีเทคนิคการใช้คำที่ซ้ำกันบ่อยๆ และมีรูปแบบคล้ายๆ กัน หากมีความรู้เรื่องไวยากรณ์ หรือฉันทลักษณ์บาลีจะจับจังหวะได้ไม่ยาก และการจำหรือท่องจะค่อนข้างราบรื่น อนึ่ง นักวิชาการเชื่อว่าพระพุทธเจ้าทรงอาจตรัสหลายภาษา ส่วนภาษาบาลีถูกกำหนดขึ้นมาใช้เป็นภาษากลางในการบันทึกพระพุทธพจน์ แต่ก็ไม่ทำให้พระธรรมวินัยผิดเพี้ยน เพราะบรรดาภาษาในมหาชนบทล้วนเป็นตระกูลเดียวกัน
การท่องจำจะทำเป็นคณะหรือกลุ่ม คือ “สังคีติ” เป็นคำเดียวกับคำว่า สังคายนา แปลว่า สวดพร้อมกัน กอปรกับศาสนาพุทธไม่มีประมุขสืบทอดจากพระพุทธเจ้า มีแต่พระธรรมวินัยเป็นที่ตั้ง ดังนั้นใครจะใช้อำนาจบิดเบือนพระธรรมวินัยไม่ได้ เพราะทุกคนต้องช่วยกันท่องจำเหมือนๆ กัน หากเกิดการบิดเบือนขึ้น จะทำการสังคีติ คือ สวดร่วมกันเพื่อตรวจสอบว่าใครจำผิดหรือบิดเบือนจะได้แก้ไข หรือขับจากหมู่ไป หรือไปตั้งนิกายใหม่
ด้วยเหตุนี้ เถรวาทจึงมีความเป็นอนุรักษนิยมสูงมาก ก็เพื่ออนุรักษ์ตัวบทไม่ให้ผิดเพี้ยน แม้แต่กระบวนการแปลก็วางกรอบชัดเจนไม่ยืดหยุ่นป้องกันไม่ให้เกิดการแปลผิดความ มีการศึกษาไวยากรณ์บาลีที่เคร่งครัด จากการตรวจสอบพระไตรปิฎกของศรีลังกา เมียนมา และไทย มีเนื้อหาหลักเหมือนกันทั้งหมด พบความต่างเฉพาะการสะกดคำและรูปประโยคเล็กๆ น้อยๆ จะเห็นว่าหลังจากถ่ายทอดพระธรรมวินัยเป็นตัวเขียน ก็ยังไม่ผิดเพี้ยน แม้สำเนียงสวดจะต่างไปตามลิ้นของคนชาตินั้นๆ แต่หากเขียนโดยตัวอักษร (ซึ่งมีที่มาร่วมกัน) จะไม่ผิดเพี้ยนเลย
แม้จะมีการแยกนิกาย แต่พระไตรปิฎกฝ่ายมหายานมี Texts พระวินัยเหมือนกับของเถรวาท เกือบทั้งสิ้น มีพระสูตรขนาดย่อมเหมือนกับพระสุตตันตปิฎกของเถรวาท เว้นแต่พระสูตรขนาดใหญ่ที่วิจิตรพิสดาร ซึ่งนักวิชาการกล่าวว่าเรียบเรียงในยุคหลัง หรือนิกายนั้นๆ ถือกันต่อๆ มาว่าเป็นพุทธพจน์ที่ทรงตรัสกับคณาจารย์ของตน
ดังเช่นหลังสังคายนาครั้งที่ 1 พระปุราณะมาไม่ทัน แต่บอกว่าหมู่เหล่าของพระมหากัสสปะกับพระอานนท์สังคายนากันก็ดีแล้ว ผมได้ยินพระพุทธองค์ตรัสมาอย่างไรก็จะถือเอาอย่างนั้น นี่คงเป็นที่มาของการแยกเถรวาทและนานานิกาย


