"ดีเอสไอ"ส่ง"โดรน-เฮลิคอปเตอร์"บินสำรวจวัดพระธรรมกาย

"ดีเอสไอ"ส่งโดรน-เฮลิคอปเตอร์สำรวจวัดพระธรรมกาย เผย"ธัมมชโย"ยังอยู่ข้างใน หัวหน้าพนักงานสอบสวนปฎิเสธตรวจสอบเส้นทางการเงินกลุ่มผู้สนับสนุน

รายงานข่าวแจ้ง พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง  อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ได้สั่งการให้มีการประสานไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อขอความอนุเคราะห์ในการสนับสนุนเฮลิคอปเตอร์เพื่อบินสำรวจ เส้นทางการเข้าออก ของวัดพระธรรมกาย ร่วมทั้งดีเอสไอได้ส่งอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน ของดีเอสไอ เพื่อใช้เก็บภาพทางอากาศเพื่อนำข้อมูลนำมาประกอบการวางกำลัง หากมีการเข้าไปยังพื้นที่ 

นอกจากนี้ ยังได้ประสานของกำลังจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และทหาร เฝ้าระวังการณ์ประจำจุดต่างๆ สำหรับความเคลื่อนไหวล่าสุด เจ้าหน้าที่ดีเอสไอดีเอสไอ ที่แฝงตัวอยู่ในกลุ่มลูกศิษย์ ได้ส่งข้อมูลล่าสุดช่วงเช้านี้ พระธัมมชโย ยังคงอยู่ภายในวัด เก็บตัวอยู่ภายในที่พัก

ด้าน พ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าวว่า เพียงสั้นๆว่า วันนี้ยังไม่มีการดำเนินการใดๆ ได้รับทราบรายงานความเคลื่อนไหว จากเจ้าหน้าที่แล้วเบื้องต้น ยืนยันว่าดีเอสไอทำตามกฎหมาย

พ.ต.ท.ปกรณ์ สุชีวกุล ผู้บัญชาการสำนักคดีการเงินการธนาคาร กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ คดีที่ 27/2559 กล่าวถึงกรณีมีกระแสข่าวเกี่ยวกับการให้เงินสนับสนุนพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ผู้ต้องหาตามหมายจับในข้อหาสมคบกันฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันรับของโจร ว่า เบื้องต้นตนยังไม่ได้รับรายงานในเรื่องที่มีผู้ให้เงินสนับสนุนพระธัมมชโยแต่อย่างใด

ทั้งนี้ หากมีการกระทำดังกล่าวจริง ทาง พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ คงจะมีข้อสั่งการมายังตนให้ดำเนินการตรงสอบในกรณีดังกล่าว ทั้งนี้ แนวทางการตรวจสอบนั้น คณะพนักงานสอบสวนจะต้องดูว่าใครเป็นผู้ให้เงินสนับสนุน และต้องดูด้วยว่าวัตถุประสงค์ในการให้เงินสนับสนุนคืออะไร หากเป็นการให้เงินเพื่อช่วยเหลือพระธัมมชโยในการไม่ให้เข้ามอบตัวกับคณะพนักงานสอบสวน ก็อาจเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 189 เกี่ยวกับช่วยเหลือหรือให้ที่พักพิงแก่ผู้ต้องหา อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ตนยังไม่ได้รับรายงานเรื่องดังกล่าว จึงไม่ทราบว่ามีการกระทำเช่นนี้จริงหรือไม่

ผู้สื่อข่าวถามถึงมาตรการกดดันให้พระธัมมชโยเดินทางเข้ามอบตัวต่อดีเอสไอ พ.ต.ท.ปกรณ์ กล่าวว่า คณะพนักงานสอบสวนได้ดำเนินการตามแผนปฏิบัติการ 5 ข้อที่พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ได้แถลงต่อสื่อมวลชนไปเมื่อวันที่ 27 พ.ค.ที่ผ่านมา ทั้งนี้ ตนไม่ทราบเกี่ยวกับแผนยุทธศาสตร์การปฏิบัติการ เพียงแต่ทราบว่าได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงไปคอยติดตามและเฝ้าดูสถานการณ์รอบบริเวณวัดพระธรรมกายอยู่ตลอด อย่างไรก็ตาม  ยืนยันว่าดีเอสไอจะทำทุกอย่างตามขั้นตอนของกฎหมายและทำด้วยวิธีการที่ละมุนละม่อม

ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า กรณีการขอหมายค้นจากศาล ว่าจะต้องทำอย่างไรบ้าง พ.ต.ท.ปกรณ์ กล่าวว่า สำหรับขั้นตอนการขอหมายค้น จะต้องตรวจสอบให้ชัดเจนว่าจะเข้าค้นในพื้นที่ส่วนใดบ้าง ซึ่งต้องกำหนดพื้นที่ให้ชัดเจน อีกทั้ง ต้องมีการประเมินกำลังคนที่อยู่ภายในวัดพระธรรมกายด้วยว่ามีจำนวนเท่าไหร่ ทั้งนี้ ขั้นตอนดังกล่าวเป็นขั้นตอนปกติของการขอหมายค้นอยู่แล้ว เพื่อนำรายละเอียดทั้งหมดให้ศาลพิจารณาในการออกหมายค้นให้พนักงานสอบสวน