posttoday

ทบ.แจงขาย "ชีนุก" อยู่ในขั้นประกวดราคา ปัดกลั่นแกล้งลูกผู้แทนบริษัท

24 พฤษภาคม 2559

รองโฆษกกองทัพบกแจงขายซากเฮลิคอปเตอร์ชีนุกอยู่ในขั้นประกวดราคา ดำเนินการตามระเบียบครบถ้วน ปัดกลั่นแกล้งกรณีปลดลูกผู้แทนบริษัทเอกชน

รองโฆษกกองทัพบกแจงขายซากเฮลิคอปเตอร์ชีนุกอยู่ในขั้นประกวดราคา ดำเนินการตามระเบียบครบถ้วน ปัดกลั่นแกล้งกรณีปลดลูกผู้แทนบริษัทเอกชน

เมื่อวันที่ 24 พ.ค. พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก (ทบ.) ชี้แจงกรณีที่มีข่าวว่า ตัวแทนบริษัทของสหรัฐฯ ยื่นร้องเรียนต่อ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขอให้ตรวจสอบและขอความเป็นธรรมในเรื่องที่ ทบ.ขายซากเฮลิคอปเตอร์ลำเลียงแบบ 47 หรือ ชีนุก ของกองทัพบก จำนวน 6 ลำ

พ.อ.ศิริจันทร์กล่าวว่  มี ข้อเท็จจริงในเรื่องนึ้ 3 ประเด็น คือ ประเด็นที่1 การดำเนินการของกองทัพบกต่อการขายซาก ฮ.ล.47 กองทัพบกมีความประสงค์ที่จะขายซากเฮลิคอปเตอร์ลำเลียงแบบ 47 จำนวน 6 ลำ พร้อมชิ้นส่วนเครื่องมือซ่อมบำรุงและบริภัณฑ์ภาคพื้นโดยมอบให้กรมการขนส่งทหารบกดำเนินการให้เป็นไปตามกฎระเบียบการจัดซื้อจัดจ้างของทางราชการ  โดยกรมการขนส่งทหารบก ได้ดำเนินการตามขั้นตอน ด้วยการแต่งตั้งคณะกรรมการกำหนดราคากลางและคณะกรรมการประกวดราคา โดยคณะกรรมการได้กำหนดราคากลางการประมูลขายครั้งที่ 1 ไว้ที่วงเงิน 600 ล้านบาท โดยใช้ราคาสูงสุดที่เป็นราคาสืบจากผู้ประกอบการทั่วไป

แต่ผลการประมูลในครั้งแรก เมื่อวันที่ 26 ก.พ. 2559 มีผู้เสนอราคารายเดียวในวงเงิน 420 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าราคากลางตาม ที่คณะกรรมการกำหนดไว้

ทางกรมการขนส่งทหารบกจึงพิจารณาให้ยกเลิกการประกวดราคาขาย และแต่งตั้งคณะกรรมการกำหนดราคากลางและ คณะกรรมการประกวดราคาชุดที่ 2 โดยเชิญผู้สังเกตการณ์จากหลายหน่วยงาน อาทิ สำนักงบประมาณ กองทัพอากาศ และหน่วยงานในกองทัพบก ร่วมสังเกตการณ์การจัดทำราคากลาง และการประกวดราคา โดยได้กำหนดราคากลางการประมูลขายในครั้งที่ 2 ไว้ที่วงเงิน 420 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคากลางจากแหล่งข้อมูลที่อ้างอิงได้ และเป็นราคาจากผลการประมูลครั้งแรก

แต่การประมูลในครั้งที่ 2 เมื่อ 12พ.ค. 2559 มีผู้มายื่นซองประมูลเพียงรายเดียว และไม่สามารถปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่ทางราชการกกำหนดไว้ได้ คณะกรรมการจึงยกเลิกการประกวดราคาขาย

ดังนั้นในขณะนี้ กองทัพบกจึงยังมิได้มีการตกลงหรือทำสัญญาขายซากเฮลิคอปเตอร์ให้กับผู้ประกอบการใดๆ ทั้งสิ้น โดยยังคงอยู่ในกระบวนการประกวดราคาขายตามระเบียบของทางราชการ 

​​ประเด็นที่ 2 กองทัพบกดำเนินการขายซากเฮลิคอปเตอร์ ตามระเบียบของทางราชการ มิได้เป็นไปตามการกล่าวอ้างจากตัวแทนบริษัทของสหรัฐอเมริกา ว่าไม่ได้รับความสะดวกจากทางราชการในการเข้ารวมประกวดราคาขาย

จากการที่ตัวแทน บริษัท ไทย แอร์โรสแปซ อินดัสทรีส์  ระบุว่าทางบริษัทฯ ได้เคยมีหนังสือแสดงเจตจำนงขอซื้อเฮลิคอปเตอร์ในราคา 600 ล้านบาท ก่อนที่ทางราชการจะจัดการประกวดราคา ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดข้อจำกัดกับทางบริษัททำให้ไม่สามารถเข้าร่วมการประกวดราคาในครั้งที่ 1 และ 2 ได้ เพราะเกรงจะผิดต่อกฎหมายการสมยอมราคากันนั้น

กองทัพบกขอเรียนว่า การที่บริษัทมายื่นหนังสือต่อ ทางราชการแสดงเจตจำนงขอซื้อโดยตรง โดยไม่ผ่านกระบวนการแข่งขันการขายทอดตลาด  เป็นการปฏิบัติที่ผิดระเบียบสำนักนายกฯ ว่าด้วยการพัสดุ ทางราชการไม่สามารถนำมาดำเนินการใดๆได้ เป็นเพียงหนังสือที่ทางราชการรับทราบว่ามีผู้สนใจซื้อเท่านั้น ซึ่งบริษัทจะต้องเข้าสู่กระบวนการประกวดราคาขายตามที่ทางราชการกำหนดขึ้น จึงจะเป็นการดำเนินการที่ถูกต้อง โดย เจ้าหน้าที่พัสดุได้ให้คำแนะนำแล้วว่า บริษัทสามารถเข้าร่วมประมูลได้ ดังนั้นการที่บริษัทไม่เข้าร่วมประมูลน่าจะเป็นเพราะความไม่พร้อมของผู้ประกอบการเอง ไม่เกี่ยวข้องกับทางราชการ

ประเด็นที่ 3  จากการที่มีความพยายามที่จะเชื่อมโยงให้เข้าใจผิดว่า การที่บริษัท ไทย แอร์โรสแปซ อินดัสทรีส์ ไม่เข้าร่วมในการประกวดราคา เป็นสาเหตุทำให้ จ.ส.อ.ธนลภย์ คงคามาศ สังกัด กรมการขนส่งทหารบก ซึ่งเป็นบุตรชายของ จ.ส.ต.พงษ์ศักดิ์  คงคามาศ ผู้แทนบริษัทฯ ถูกปลดออกจากราชการ นั้น

"ขอเรียนว่ากรณีดังกล่าวเป็นเหตุการณ์คนละเรื่องและไม่มีความเกี่ยวโยงกัน การพิจารณาปลดกำลังพล หน่วยทหารจะต้องดำเนินการตามขั้นตอน ตั้งแต่เมื่อกำลังพลกระทำความผิด มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนและเสนอบทลงโทษตามระเบียบของทางราชการจนถึงขั้นตอนการเสนอปลดและถอดยศ"

สำหรับกรณี จ.ส.อ.ธนลภย์ หน่วยต้นสังกัดได้ดำเนินการตามขั้นตอนมาตั้งแต่ปี 2557 โดยกำลังพลดังกล่าวมีพฤติกรรมขาดหนีราชการหลายครั้งมาอย่างต่อเนื่อง และไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา หน่วยได้พิจารณาลงโทษ ลงทัณฑ์ ขัง จำขัง ตามขั้นตอนของการพิจารณาโทษมาตามลำดับ โดยล่าสุด เมื่อ 1 มี.ค.2559กรมการขนส่งทหารบกจึงได้มีคำสั่งให้ปลดออกจากราชการฐานหนีราชการในเวลาประจำการ เป็นนายสิบกองหนุนไม่มีเบี้ยหวัด ตั้งแต่ 23 ต.ค. 2558 และต่อมาได้มีการรายงานขอถอดยศทหารตามระเบียบของกระทรวงกลาโหม เมื่อ 1 เม.ย. 2559

หากพิจารณาตามขั้นตอนที่ได้กล่าวมา จะเห็นได้ว่าหน่วยต้นสังกัดได้ดำเนินการตามระเบียบของทางราชการ อย่างครบถ้วน มิได้มีการกระทำใดๆ ที่เกินกว่าขอบเขตหรือกลั่นแกล้งให้เกิดความเสียหายต่อกำลังพล และเรื่องดังกล่าวก็ไม่ได้มีความเกี่ยวโยงกับการขายซากเฮลิคอปเตอร์แต่อย่างใด

"กองทัพบกขอเรียนยืนยันว่า การดำเนินการขายซากเฮลิคอปเตอร์ลำเลียงแบบ 47ในครั้งนี้ เป็นการบริหารจัดการยุทโธปกรณ์ที่ปลดประจำการแล้วให้มีมูลค่าและก่อให้เกิดประโยชน์กับทางราชการ ในการจัดประมูลกองทัพบก ได้เปิดโอกาสอย่างเท่าเทียมกัน ให้ผู้สนใจเข้าร่วม และดำเนินการอย่างยุติธรรม  โปร่งใส เพื่อให้ได้ราคาประมูลที่เหมาะสมที่สุดกับสภาพยุทโธปกรณ์ โดยยึดประโยชน์ของทางราชการเป็นหลัก" รองโฆษก ทบ. กล่าว

ภาพประกอบข่าวจากแฟ้มภาพ