‘ท้องดำ’แห่งป่าพม่า
ผมเพิ่งไปเที่ยวป่าพม่า แถวแคว้นตะนาวศรี ถ้าดูจากกูเกิลเอิร์ธ ก็อยู่ฝั่งตรงข้าม จ.ประจวบคีรีขันธ์ นี่เอง
โดย...ปริญญา ผดุงถิ่น
ผมเพิ่งไปเที่ยวป่าพม่า แถวแคว้นตะนาวศรี ถ้าดูจากกูเกิลเอิร์ธ ก็อยู่ฝั่งตรงข้าม จ.ประจวบคีรีขันธ์ นี่เอง โดยมีเป้าหมายชัดเจน จะไปดูนกแต้วแล้วท้องดำ (Gurney’s Pitta)
ทำไมต้องดิ้นรนไปถึงโน่น? เพราะช่วงนี้มีประเด็นร้อนๆ ในวงการอนุรักษ์นก การค้นพบนกแต้วแล้วท้องดำตัวสุดท้าย ที่ จ.กระบี่ เป็นตัวเมีย (ผมเคยไปถ่ายรูปนกตัวนี้มาแล้วด้วย) ซึ่งหายต๋อมไปดื้อๆ เมื่อสัก 3 ปีก่อน จู่ๆ ก็โผล่มาในปีนี้
จึงมีการเรียกร้องไปถึงกรมอุทยานฯ ให้นำนกแต้วแล้วท้องดำตัวผู้ ที่เลี้ยงไว้ที่สถานีวิจัยสัตว์ป่าคลองแสง จ.สุราษฎร์ธานี ออกมาจับคู่กับตัวเมียในป่ากระบี่ ซึ่งตอนนี้ก็กำลังดำเนินการกันอยู่
อย่างไรก็ดี ในมุมมองของผม (และอีกหลายๆ คน) เชื่อว่านกคู่สุดท้ายที่ไทยมี เป็นสถานการณ์ยากลำบากเกินไปที่จะฟื้นฟูสายพันธุ์นี้ให้กลับมาได้ ตรงนี้เอง ผมจึงสนใจลองไปค้นหานกชนิดนี้ดูในป่าฝั่งพม่า ทั้งที่ว่าไปแล้ว มันก็ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของผมที่จะไปเกี่ยวข้องกับการขยายพันธุ์นก ผมแค่อยากท่องเที่ยวแบบผจญภัยอย่างมีจุดหมายบ้าง ก็เท่านั้น
ก่อนจะไปไกลจนงงตามๆ กัน ขอปูพื้นสักนิดว่า นกแต้วแล้วท้องดำ เป็นสัตว์ป่า 1 ใน 19 ชนิดของไทยที่มีศักดิ์ศรีบารมีเป็นถึง “สัตว์ป่าสงวน” พูดง่ายๆ ขนาดเสือโคร่ง ยังมีชื่อชั้นต่ำกว่าได้เป็นแค่ “สัตว์ป่าคุ้มครอง” นั่นแปลว่า นกแต้วแล้วท้องดำนี่มันเทพจริงหายากจริง
แล้วทำไมต้องเป็นพม่า? นั่นเพราะเมื่อปี 2003 มีการประกาศพบประชากรนกแต้วแล้วท้องดำมหาศาลในป่าพม่า ประเมินว่ามีเกือบ 2 หมื่นตัว คนละเรื่องเลยกับ 2 ตัวของประเทศไทย ก็เลยอยากไปดูให้เห็นด้วยตาตัวเอง
หากจะมีอะไรเป็นประโยชน์ต่อการอนุรักษ์นกไทยบ้าง ก็คงเป็นแรงกระตุ้นอ้อมๆ ให้คณะทำงานฝ่ายไทย ที่วางยุทธศาสตร์ลับๆ ไว้แล้วว่า ถึงอย่างไรก็คงต้องมีการ “ยืม” สายพันธุ์จากพม่ามาเพาะเป็นลูกนกสัญชาติไทย
ผลออกมาไม่เลว ผมงมเจอนกมหาเทพของโลกชนิดนี้อย่างง่ายดาย ถ่ายรูปแบบสุดๆ ได้อีกต่างหาก


