"ถ้าอนุรักษ์แต่ไม่มีเม็ดเงิน อัมพวาจะเสื่อมสลาย" ชูชัย ชัยฤทธิเลิศ
เปิดอกคุยกับ "ชูชัย ชัยฤทธิเลิศ" ตอบทุกคำถามเรื่องโครงการชูชัยบุรี ศรีอัมพวาอันอื้อฉาว
เรื่อง...อินทรชัย พาณิชกุล / ภาพ...เสกสรร โรจนเมธากุล
เรือหางยาวล่องไปตามลำคลองอันคดเคี้ยว ตลาดน้ำอัมพวา จ.สมุทรสงคราม ยามนี้ไม่ต่างจากเมืองร้าง ห้องแถวเรือนไม้สองฟากฝั่งปิดสนิท มีเพียงเสียงเครื่องยนต์เรือที่ดังกระหึ่มทำลายความเงียบเหงาในยามบ่าย
ท่ามกลางบรรยากาศโบร่ำโบราณของบ้านริมน้ำสลับทิวไม้รกครึ้ม คล้ายฉากหนังไทยเก่าๆ กลับปรากฎสิ่งปลูกสร้างอันสะดุดตา นั่นคือ อาคารแปดเหลี่ยมสไตล์วิกตอเรียนสูง 4 ชั้น ยิ่งใหญ่อลังการและวิจิตรงดงาม ทว่าชวนให้รู้สึกผิดที่ผิดทางอย่างอธิบายไม่ถูก ยิ่งยามค่ำคืนยิ่งน่าตกใจ เพราะตึกทั้งหลังจะถูกฉาบทาด้วยแสงไฟสีม่วงตระการตาจากสปอร์ตไลท์
ที่นี่คือ "ชูชัยบุรี ศรีอัมพวา" โครงการมูลค่าพันล้านของเศรษฐีนักธุรกิจค้าเพชรชื่อดังวัย 54 "ชูชัย ชัยฤทธิเลิศ" ซึ่งเคยตกเป็นข่าวโด่งดังเมื่อ 5 ปีก่อน หลังจากเขาประกาศจะสร้างแลนด์มาร์คใหม่ อันประกอบด้วยโรงแรมหรูสี่ดาว ร้านอาหาร ช้อปปิ้งมอลล์ และพิพิธภัณฑสถานส่วนตัว จนถูกกระแสต่อต้านอย่างหนักจากกลุ่มประชาคมคนรักแม่กลองและชาวบ้านในพื้นที่
แต่ละข้อครหาล้วนอุฉกรรจ์ ทั้งถูกกล่าวหาว่านายทุนหน้าเลือดผู้ทุ่มเงินหลายสิบล้านกว้านซื้อที่ดินชาวบ้าน ไม่คำนึงถึงศิลปวัฒนธรรมของชุมชน ทำลายอัตลักษณ์ดั้งเดิมด้วยการสร้างตึกสูงแทนห้องแถวเรือนไม้ เป็นตัวการทำให้ชุมชนที่เคยอยู่อย่างสงบต้องแตกแยก แต่ท้ายที่สุดก็สามารถฝ่าวิกฤตความขัดแย้งจนดำเนินก่อสร้างต่อจนสำเร็จ
หลังเปิดให้บริการได้เกือบ 2 เดือน ชูชัยบุรีฯกำลังถูกจับตามองจากทุกฝ่าย ทั้งสายตาชื่นชมของนักท่องเที่ยวผู้มาเยือนและสายตาเขม่นของชาวบ้านบางคน ภายใต้คำถามว่า อาคารอันหรูหราแห่งนี้จะได้รับความนิยม จะกระตุ้นการท่องเที่ยว กระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างงาน สร้างเงิน ปลุกอัมพวาให้กลับมาฟื้นตามที่คาดหวังไว้หรือไม่ ท่ามกลางเสียงคัดค้าน ช่วงขาลงของอัมพวา บวกภาวะเศรษฐกิจซบเซาเช่นนี้
ชูชัยจะมาเปิดอกคุยเป็นครั้งแรกถึงจุดเริ่มต้น การต่อสู้ ความมุ่งมั่น ความฝัน รวมถึงตอบข้อครหาต่างๆอย่างไม่ปิดบัง
ทำไมถึงหลงรักอัมพวา
เป็นคนชอบสายน้ำลำคลอง ชอบไปเที่ยววัดพระแก้ว เดินเล่นแถวถนนพระอาทิตย์ ชอบบรรยากาศแบบวัดวาอาราม ร้านค้า ตึกแถวสถาปัตยกรรมยุคเก่าๆสมัยรัชกาลที่ 5 แถวสนามหลวง ถนนพระอาทิตย์จะมีตึกเก่าๆสวยๆที่เขาอนุรักษ์ไว้เยอะไปหมด ทำให้เราหลงรักตรงนั้นมาก
ทีนี้เมื่อ 5-6 ปีที่แล้ว มีเพื่อนชวนไปซื้อที่ดินริมน้ำที่ราชบุรี พอไปเจอก็รู้สึกว่าสวยดีเหมือนกันนะ แต่เพื่อนอีกคนพูดขึ้นว่าเคยไปอัมพวาหรือยัง มันใกล้กว่า มีหิ่งห้อย มีห้องแถวเรือนไม้ มีเรือกสวน ปรากฎว่าเห็นปุ๊บก็ชอบเลย ชอบมาก (ลากเสียงยาว) เหมือนยุคขวัญเรียม นั่งเรือล่องไปตามแม่น้ำแม่กลองแล้วรู้สึกว่ามันมีความเป็น Natural มากกว่าแม่น้ำเจ้าพระยาในกรุงเทพซึ่งเต็มไปด้วยตึก บ้านเรือนริมน้ำก็ไม่ค่อยสวยงาม แต่ที่อัมพวามันมีความใสๆ บ้านๆ พี่ชอบอะไรที่มันเป็น Natural Life มากๆ พอเห็นก็เลยหลงรัก รู้สึกว่าเมืองไทยเรายังมีของดี และไม่ต้องไปไกล นั่งรถชั่วโมงกว่าก็เห็นบรรยากาศบ้านสวนริมน้ำ เห็นคุณย่าคุณยายขายของ ชาวบ้านพายเรือ เห็นวิถีชีวิตที่เป็นชุมชนจริงๆ
ถ้าซื้อที่ปลูกบ้านริมน้ำในกรุงเทพมันแพงเกินไป ไร่นึงเป็นร้อยล้าน ที่สำคัญคือ ตรอกซอกซอยเยอะ ที่จอดรถก็หาลำบาก ถ้าจะเข้าไปจอดในวัดแล้วเดินเข้ามา เป็นเซเลบด้วย มันก็จะอันตรายต่อตัวพี่ (ยิ้มกว้าง) สุดท้ายเลยคิดว่ามาปักหลักที่นี่ดีกว่า
เข้ามาซื้อที่ดินตรงนี้ได้ยังไง
ตอนแรกตั้งใจจะมาสร้างบ้านอยู่เฉยๆ แต่พอคิดว่าถ้าสร้างบ้านให้ตัวเองอยู่ราคา 200 ล้าน อุ๊ยตาย ไม่มีรายได้เข้ามาเลย ไหนจะค่า maintenance อีกเยอะแยะไปหมด เลยคิดว่าน่าจะเปิดเป็นรีสอร์ทให้คนมาพักอะไรแบบนั้น
ซื้อที่ดินแปลงแรก 3 ไร่ครึ่ง ซึ่งแปลงนี้ถมมาแล้วเรียบร้อย ส่วนแปลงที่สองซื้อเพิ่มอีกประมาณ 3 ไร่ครึ่ง แต่ดันมีปัญหาเพราะตรงนั้นเป็นห้องแถว พอเจ้าของจะขายเขาก็ให้คนเช่าออก แล้วรื้อทิ้ง
ความขัดแย้งเลยเกิดขึ้นนับแต่นั้น
เริ่มจากหาว่า ไปกว้านซื้อที่ รุกไล่ เขาเข้าใจว่าเราไปรื้อห้องแถวเรือนไม้ทิ้ง ไล่ชาวบ้านออก เพื่อสร้างเป็นตึก
ต้องบอกว่าจริงๆแล้วคนที่มีปัญหาไม่ใช่ชาวบ้านเลย แต่เป็นคนกลุ่มหนึ่งที่้เรียกตัวเองว่า "ประชาคมคนรักแม่กลอง" ไม่รู้ว่าชมรมนี้มาจากไหน ขณะที่เราอยู่ในที่แจ้ง ตอนกำลังสร้างก็ไม่เคยติดต่อมา วันดีคืนดีมาบอกให้รื้อทิ้ง เราก็งง คุณจะมาบอกอะไรตอนที่ตึกสร้างเสร็จ 4 ชั้น และกำลังจะตกแต่งแล้ว สุดท้ายต้องหยุดสร้างไปปีนึง เรื่องไปถึงรัฐสภา มีการประชุมถึง 4 ครั้ง เรียกทุกหน่วยงานไปหารือ ปรากฎว่าทุกครั้งที่มีการตัดสินว่าเราผิดหรือไม่ อย่างไร ก็ไม่พบว่าเราทำผิด การอนุญาตตามแบบก่อสร้างซึ่งเป็นการก่อสร้างตึกที่พักอาศัย 5 ชั้น เราก็ไม่ได้ทำผิดเทศบัญญัติของเทศบาล มีใบอนุญาตถูกต้องทุกอย่าง
ท่านประธานรัฐสภามาเที่ยวยังบอกว่า มันก็ไม่ได้น่าเกลียดนะคุณชูชัย ผมให้กำลังใจคุณ ทำต่อไปเถอะ ชาวบ้านก็มาให้กำลังใจว่า ถ้าคุณชูชัยรื้อทิ้งจะประท้วง ต้องสร้างต่อไปให้เสร็จ พูดง่ายๆคือ ชาวบ้านเขามองว่าสวยอยู่แล้ว จะไปรื้อมันทำไม เราก็แก้แบบแล้วให้ชาวบ้านดู ทุกคนปลื้มหมด เลยตัดสินใจเดินหน้าสร้างต่อจนเสร็จ
ช่วงโดนกระแสต่อต้าน เจอถล่มหนักแค่ไหน
ข่าวที่ออกมาช่วงแรกๆค่อนข้างรุนแรง เหมือนเราเป็นนายทุนหน้าเลือดมาข่มเหงรังแกไล่รื้อที่ชาวบ้าน มาทำลายชุมชน
ตอนนั้นโดนถล่มหนักมาก ด่าทุกสิ่งทุกอย่าง แม้กระทั่งท่าน้ำ เขาคิดว่าพี่สร้างท่าน้ำแล้วครอบครองเป็นของตัวเอง ทั้งที่เรื่องจริงคือ นายกเทศบาลตำบลอัมพวาคนเก่ามาบอกว่า คุณชูชัย ไอเดียสร้างท่าน้ำให้ชาวบ้านพายเรือมาขายของก็ดีนะ แต่ตามระเบียบต้องสร้างตามแบบของเทศบาล และจะเอาเป็นของตัวเองไม่ได้ ต้องยกให้เทศบาล พี่ก็ยินดีสร้างให้ ทำตามแบบของเทศบาลทุกประการ ลงทุนเองหมด สร้างเสร็จก็ยกให้เป็นของเทศบาลอีก แต่ก็ยังโดนด่า นอกจากนี้ท่านนายกเทศบาลบอกอีกว่า คุณชูชัย ที่ดินที่ซื้อไม่มีที่ดับเพลิง ถ้าเป็นไปได้ ทำถนนให้รถดับเพลิงเข้ามาได้ไหม ซึ่งในส่วนถนนทางเข้าที่สร้างให้ก็เฉือนที่ดินส่วนตัวมอบให้เป็นที่สาธารณะ เสียพื้นที่ไปเยอะพอสมควรเพื่อให้ถนนกว้างพอให้รถดับเพลิงเข้ามาได้ พี่ก็ต้องเสียสละ
ท้อถึงขั้นคิดเลิกทำเลยไหม
เคยคิดว่าไม่สร้างก็ได้ ทิ้งดีกว่า เงินที่ทุ่มลงไปเป็นร้อยๆล้านก็ช่างมัน
ร้องไห้ทุกวัน ไม่กล้าออกจากบ้าน ไหว้พระสวดมนต์อยู่แต่ในห้อง พร่ำขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้คนอัมพวาเข้าใจด้วยเถิด มันไปกระทบชื่อเสียงการทำธุรกิจค้าเพชรด้วย กลายเป็นว่าเราเป็นคนไม่ดี เหมือนใส่เสื้อขาวแล้วจู่ๆมีคนเอาถังอุจจาระมาสาด ต้องมานั่งชำระล้าง แต่ตัวเราเหม็นไปแล้ว ต่อมาพอออกมาให้สัมภาษณ์สื่อ มีการเข้าประชุมพูดคุยกับชาวบ้าน คนก็เข้าใจกันมากขึ้น ใช้เวลาทำใจอยู่นาน 7-8 เดือนกว่ากลับมาได้ ที่กลับมาได้เพราะทุกคนบอกว่าพี่ไม่ได้ทำอะไรผิด ฉะนั้นสร้างต่อให้เสร็จ
ทำไมถึงเลือกสถาปัตยกรรมแนวนี้ ทั้งที่เสน่ห์ดั้งเดิมของอัมพวาคือบ้านไม้ริมน้ำ
การจะทำให้เป็น New destination เป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ มันต้องโดดเด่น ถ้าเป็นพื้นๆเดิมๆ คนก็เที่ยวแบบเดิมๆ สุดท้ายก็จะได้แบบเดิมๆ
ถ้าทำเป็นเรือนไม้ แล้วมันจะเป็น New destination ไหม บางคนบอกว่าถ้าอยากทำโรงแรม ก็ทำให้เป็นอาคารไม้สูงๆก็ได้ แหม ปลวกแทะหมด ดูแลรักษายาก สร้างเป็นตึกดีกว่าแต่ตกแต่งลวดลายให้ย้อนยุค ซึ่งงานพวกนี้ detail เยอะมาก แต่ช่วงแรกมันขึ้นเป็นตึกเปล่าๆ คนเลยด่าว่า นี่มันตึกแถวนี่นา มาสร้างตึกแถวอะไรตรงนี้ เขายังไม่เห็นไงว่าเราจะทำอะไร ยังไม่ทันได้ตกแต่ง ดันมาด่าเราเสียก่อน แต่พอเราตกแต่งเสร็จ ทุกคนยกนิ้วบอก โอ้โห สวย (ลากเสียงยาว) เดินชมแล้วมีความสุข ถ่ายรูป ดูแล้วก็ไม่ได้น่าเกลียดอะไร เหมาะที่จะต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองเลยด้วยซ้ำ
ผมรักอัมพวามาก แต่คำว่าอนุรักษ์ ถ้าไม่มีเม็ดเงิน มันจะเสื่อมสลาย อย่างบ้านเรือนไม้ห้องแถว ก็มีแต่คนพูดว่าต้องอนุรักษ์ๆๆ ปรากฎว่ามันผุพังหมดแล้ว คนขึ้นไปเหยียบยังแทบไม่ได้ ดังนั้นคำว่าอนุรักษ์ ถ้าไม่มีเม็ดเงินมาต่อยอด ทำนุบำรุง รักษามัน renovate มัน แล้วมันจะเรียกว่าอนุรักษ์ไหมล่ะ ทุกอย่างไม่ว่าวัง หรือวัด 50 ปีก็ต้องซ่อมครั้งละหลายร้อยล้าน นั่นแหละเรียกว่าอนุรักษ์ แต่ที่อัมพวา ถ้าบอกว่าอนุรักษ์ แต่ไม่มีเม็ดเงินจากรัฐบาล หรือจากใครเลย มันก็เสื่อมโทรมไปตามสภาพ
ดูจากโบชัวร์ราคาห้องพักชูชัยบุรีฯถือว่าแพงมาก
ห้องพักจะราคาค่อนข้างสูง เพราะต้องการขายอีกตลาดนึง อยากขายนักท่องเที่ยวต่างชาติหรือคนไทยที่ต้องการความสะดวกสบาย เพราะเราทำไม่ต่ำกว่า 4 ดาว ห้องพักสวยมาก ลงทุนตกแต่งเฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นเป็น antique แท้หมด เราใช้ของแพง ใช้ของดีจะให้มาขายห้องละ 2,000 -3,000 บาท ก็คงเป็นไปไม่ได้ มีแค่ 18 ห้องเอง เราทำอย่างดีที่สุด เพราะมันเกี่ยวข้องกับชื่อเสียงเราด้วย ต้องให้คนจดจำว่าชูชัยทำแล้วต้องฉีกแปลกแหวกแนว ต้องเหนือกว่าธรรมดา ฉะนั้นผู้ประกอบการรายอื่นที่กลัวว่าชูชัยจะเปิดรีสอร์ทแข่ง แย่งลูกค้า ตัดความคิดนี้ทิ้งไปได้เลย
ทำไมถึงประกาศว่าอยากให้เป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของอัมพวา
เคยไปเมืองเวนิส รู้สึกว่าเป็นเมืองที่นักท่องเที่ยวไปกันเยอะมาก เลยมีความฝันว่า อยากให้อัมพวาเป็น canal night market แห่งแรกของโลก
อัมพวาเหมือนผู้หญิงสวยแต่ยังไม่ได้นำมาใส่เครื่องประดับ ต่างหู แหวน สร้อยออกเวทีโลก จริงๆแล้วมันมีความเป็นไปได้ เพราะอัมพวาเป็นเมืองประวัติศาสตร์ เป็นเมืองครูเพลง เป็นครัวโลก เป็นเมืองที่ได้รับรางวัลยูเนสโก มีอะไรดีๆอยู่ในเมืองนี้เยอะมากแต่ไม่ค่อยมีคนรู้ พี่คิดว่าไหนๆก็ลงทุนแล้ว เห็นความสวยงามของเมืองนี้แล้วน่าจะเป็นแหล่งท่องเที่ยว น่าจะดึงเงินตราเข้ามาได้ เราก็ต้องทำ
อันดับแรกเริ่มจากตัวเราก่อน ปกติตลาดน้ำอัมพวาจะเปิดเฉพาะวันหยุดเสาร์อาทิตย์ ผมตัดสินใจเปิดทุกวัน ให้พ่อค้าแม่ค้ามาขายของฟรี ให้นักท่องเที่ยวเข้าชมฟรี เพื่อกระตุ้นให้คนมากันเยอะๆ แถมแจกแหวนเพชรอีกทุก 15 วัน ภายใต้แคมเปญ 'เที่ยวฟรี มีเพชรใส่' (หัวเราะ) คงไม่มีใครทุ่มเทเท่านี้แล้ว อย่างน้อยก็ทำให้เขารู้สึกว่าอ๋อ อัมพวาไม่ใช่อัมพวาแบบเดิมแล้ว แต่มีโครงการชูชัยบุรี ศรีอัมพวาเป็นแลนมาร์คใหม่ มีคอมมูนิตี้มอลล์ มีเทวสถาน มีโชว์ มีร้านค้าร้านอาหารดีๆ พี่อยากให้มันเป็นตำนานชีวิตเรา ตายไปแล้วเราได้สร้างสิ่งที่ดีงามทิ้งไว้ให้คนรุ่นหลัง ได้ช่วยเหลือชาติ ได้ช่วยให้รายได้หลักของประเทศนั่นคือการท่องเที่ยวดีขึ้น
แล้วคิดยังไงถึงสร้างเทวสถาน
อัมพวามีวัดเป็นร้อยๆแห่ง เป็นเมืองเกจิอาจารย์ หลวงพ่อคง หลวงพ่อมั่น หลวงพ่อเนื่อง และการท่องเที่ยวส่วนใหญ่คนมักชอบเที่ยววัดเที่ยวโบสถ์ พี่เลยคิดว่าสร้างเทวสถานดีกว่า ให้เป็นศูนย์รวมจิตใจ เดี๋ยวนี้คนบูชาเทพกันเยอะ จะช่วยดึงชาวต่างชาติเข้ามาเยอะมาก คนไหว้พระที่วัดมีอยู่แล้ว แต่ถ้ามาไหว้เทพก็มาที่ชูชัยบุรี
อย่างที่บอก ถ้าเราไม่คิดอะไรที่แตกต่างจากกรอบเดิมมันไม่เรียกว่าอนุรักษ์ ทำอะไรแบบซ้ำๆซากๆจะไม่มีการพัฒนา ไม่มีความเจริญ ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดจากความคิดสร้างสรรค์แปลกใหม่ของมนุษย์ ไม่งั้นป่านนี้เราคงไม่มีเครื่องบินนั่ง ไม่มีไอโฟน 6 ใช้ ถ้าคนยังยึดติดแบบเก่า ชั้นจะเอาแบบเดิม ก็คงต้องพายเรือ ไม่มีถนนหนทาง ไม่มีรถเหมือนทุกวันนี้ แล้วจะอยู่กันยังไง ชีวิตมันวิวัฒนาการไปเรื่อย
ตามเจตนารมณ์ของคุณ ชูชัยบุรีฯจะให้อะไรแก่อัมพวาบ้าง
หนึ่ง พนักงานทั้งหมด 120 คน 90 % คือ คนอัมพวา นี่คือสร้างงาน สอง ของทุกชิ้นที่นำมาวางขาย ก็เป็นของที่คนอัมพวา รวมทั้งจังหวัดใกล้เคียงนำมาฝากขาย พืชพันธุ์ธัญญาหารทุกอย่างก็ซื้อจากอัมพวาทั้งนั้น
ช่วงนี้เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าฟรี เสาร์อาทิตย์มากันพันกว่าคน ช่วงสงกรานต์มาถึงสองพันคน เมื่อคนมาเที่ยวชูชัยบุรี เขาก็จะไปเที่ยวตลาดน้ำอัมพวาต่อ มันจะกระจายรายได้ไปไม่มากก็น้อย อีกหน่อยถ้ามีทัวร์ลง เราสร้างคอมมูนิตี้มอลล์ สร้างเทวสถานให้คนมากราบไหว้ ก็อาจเปลี่ยนจากถนนคนเดินเป็น Canal night market มีเรือวิ่งเต็มลำคลอง เดี๋ยวนี้หิ่งห้อยเหลือน้อยมาก ถ้ามีตลาดน้ำกลางคืน พวกชาวเรือก็จะมีรายได้เข้ามา ยิ่งช่วงตลาดน้ำอัมพวาดาวน์ลงไป คนบ่นว่าขายไม่ค่อยได้ อย่างที่บอกไปว่าอนุรักษ์ต้องมีเม็ดเงิน ต้องมีการสนับสนุนจากรัฐบาล และต้องมีสิ่งแปลกใหม่ โครงการชูชัยบุรีฯจะตอบโจทย์ตรงนี้
2 เดือนที่เปิดให้บริการ เสียงตอบรับดีมาก ทุกคนเข้ามาจับไม้จับมือชื่นชม แล้วก็ขอบคุณเราด้วย อันนี้เป็นสัตย์จริง ทำให้มีกำลังใจขึ้นเยอะ ทั้งคนที่มาจากจังหวัดไกลๆ คนกรุงเทพ คนอัมพวา เขาบอกโอ้โหทำสวยจัง ขอบคุณคุณชูชัยที่มาช่วยสร้างสิ่งดีงามให้กับจังหวัดนี้
ขายเพชรกับทำโรงแรมอย่างไหนยากกว่ากัน
ขายเพชรดีกว่าเยอะ (ตอบเร็ว) ง่ายกว่าเยอะ ทุกวันนี้เหนื่อยมาก ไม่มีวันไหนนอนหลับสนิทเลย มีปัญหาให้แก้ตลอด การทำโรงแรมเป็นเรื่องใหม่สำหรับเรามาก เดี๋ยวแอร์รั่ว เดี๋ยวพนักงานมีปัญหา ไหนจะมีกฎหมายอะไรต่างๆมาเกี่ยวอีก ประสบการณ์ที่ไม่เคยเจอทั้งนั้น หนักหน่วงมาก ขายเพชรแป๊บเดียวก็ได้เงินแล้ว นี่ต้องมานั่งขายขนมปังลูกนึงไม่กี่สิบบาท
โปรเจกต์ชูชัยบุรี ศรีอัมพวา ถ้าย้อนกลับไปได้ บอกเลยว่าไม่ทำ (หัวเราะ) ไม่รู้นี่ว่าจะต้องโดนฟาดฟัน โดนด่าขนาดนี้ ถ้าเราผิดแล้วคนด่า จะเสียใจกว่านี้ แต่นี่ไม่ผิดแต่ยังโดนด่า มันท้อไปแล้วครึ่งนึง โดนกระหน่ำจนแทบไม่มีที่ยืน แต่ก็ต้องลุกขึ้นมาสู้ จากวันนั้นถึงวันนี้ 5 ปีเต็มมันหนักมาก นี่ยังสร้างไม่หยุดเลย เราต้องเติมอะไรลงไปให้มันสวยขึ้น ยังมีโปรเจกต์ศิวลึงค์ฝังเพชร รวมถึงหอนาฬิกาที่รอเปิดตัว
ตอนแรกกะทำแค่ 30-40 ล้าน ตอนนี้โดดไป 600 กว่าล้านแล้ว ถ้าเปิดอีกเฟสนึงทะลุเกินพันล้านแน่นอน เงินมันก็ไม่ได้มาง่ายๆ เงินตัวเองล้วนๆด้วย แต่ไม่เป็นไรบอกตัวเองว่าครั้งนึงในชีวิต ได้ทำแล้ว ทำเพื่อประเทศชาติ คืนกำไรให้สังคม เรายินดีที่จะทำ จะคืนทุนหรือไม่คืนทุนก็ช่างหัวมัน
เห็นบอกตอนแรกตั้งใจจะมาสร้างบ้านอยู่เงียบๆ คิดทำสวน เป็นเกษตรกรบ้างไหม
เคยคิดนะ เก็บผักเก็บหญ้า ใช้ชีวิตคนสวน แต่มาคิดอีกที ชั้นเกี่ยวข้าว ปลูกพืชปลูกผักเป็นกะเขาเหรอ (หัวเราะ) สรุปต้องจ้างคนอยู่ดี อันนี้ก็ต้องว่ากันในอนาคต วันหนึ่งเราอาจอยากอยู่แบบ Slow life แต่อาจจะต้องรอให้แก่กว่านี้ (หัวเราะ)
สิ่งที่อยากทำอีกอย่างคือ medical hub ให้คนสูงอายุ คนเกษียณอายุมาดูแลสุขภาพ เพราะบรรยากาศมันน่าอยู่ เงียบสงบ สดชื่น ไว้อนาคตค่อยว่ากัน ตอนนี้ขอทำตรงนี้ให้บรรลุก่อน
ได้ยินว่าคุณชอบทำบุญทำทาน เรื่องสาธารณกุศลต่างๆได้ช่วยชาวบ้านบ้างไหม
วันเกิดปีนี้ทำบุญที่วัดพระยาญาติและวัดจุฬามณี บวชเณรแก้ว 62 รูป ถวายปัจจัยให้พระร้อยกว่ารูป ปล่อยปลาลงคลองอีกแสนตัว ใช้งบเยอะมาก เพราะเราอยากทำนุบำรุงพระศาสนา คนมาชวนไปทำบุญก็มี แต่ไม่เยอะหรอก คนอัมพวาเป็นคนรักสงบ เขาไม่มารบกวนเรามากมาย เราพยายามคืนอะไรให้อัมพวา ทำสิ่งดีงามให้อัมพวา คนที่นี่จะได้รักเรา รักโปรเจกต์ที่้เราทำ และอยู่ร่วมกันได้อย่างยั่งยืน เกื้อกูลกัน
วันเกิดปีที่ 54 มีมุมมองต่อชีวิตอย่างไร
ชีวิตต้องอย่าท้อ ต้องต่อสู้ฝ่าฟัน มีเป้าหมาย การจะเป็นนักวิ่งที่เก่ง ต่อให้วิ่งเก่งอย่างไรก็ไม่เท่ากับคนที่ไม่หยุดเดิน เพราะนักวิ่งที่เก่งอาจมีท้อและหยุดวิ่ง แต่คนวิ่งไม่เก่งแต่ก้าวไม่หยุดจนถึงเส้นชัยจะถึงฝันแน่นอน อย่างชูชัยบุรี ถ้าเป็นคนอื่นคงหยุดสร้างไปแล้ว ฉะนั้นอย่าท้อ จงมีกำลังใจ ถ้ามีกำลังใจก็จะมีพลังใจ พอมีพลังใจปุ๊บก็จะมีพลังบุญเข้ามา ความโชคดีก็จะตามมา ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันดีหมดสำหรับเรา เราเชื่ออย่างนั้น
เราปฏิบัติธรรมมากว่าสิบปีแล้ว วันหนึ่งยืนอยู่ริมหน้าต่าง ฝนตก รู้สึกแวบในใจขึ้นมาว่า ชีวิตนี้ลาภยศสรรเสริญเราได้มาหมดแล้ว มองไปรอบๆบ้านเราสวยมาก แต่ก็ฉุกคิดว่า แล้วไง บ้านสวยแล้วทำไมถึงเหงา ทำไมอยู่บ้านคนเดียว ทำไมรู้สึกเดียวดาย
ถามตัวเองต่อไปว่า ทำไมชีวิตเราเหนื่อยขนาดนี้ แต่เหนื่อยของเรายัง success นะ แล้วเหนื่อยของคนอื่นเขาทำทั้งชีวิตแต่ไม่ success ล่ะ โอ้โห การเกิดเป็นมนุษย์นี่มันช่างลำบากแท้ พระพุทธเจ้าถึงตรัสว่าต้องเข้าถึงนิพพาน ไม่งั้นก็ต้องวนเวียน เกิด แตก ดับอยู่ในสังสารวัฏนานไม่รู้จบ มีคนบอกว่าน้ำตาของมนุษย์กับสัตว์ทั้งหลายบนโลกนี้ เท่ากับมหาสมุทรทั้ง 4 รวมกัน แต่มันเวียนว่ายตายเกิดมาไม่รู้กี่พันกี่หมื่นชาติ ตายแล้วเกิดๆ ฉะนั้นเวลาทุกข์ใจ ไปงานศพให้มองโลงศพว่าเวทนา สังเวชใจ คนนั้นเป็นเพื่อนหรือญาติเราที่จากไป แล้วย้อนกลับมองตัวเราเองด้วยว่าวันนึงเราก็ต้องไปนอนแบบนั้น ถ้าตายด้วยอุบัติเหตุล่ะ ถูกฆ่าล่ะ ถูกหั่นศพล่ะ ตายไม่ดี คิดดูว่ามันทุกข์ทรมานขนาดไหน บางคนกว่าจะตาย แก่ เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต เดินไม่ได้ กินไม่ได้ ต้องให้คนมาเช็ดขี้เช็ดเยี่ยว นี่แค่ชาติเดียวนะ แล้วถ้าเราต้องมาเกิดอีกร้อยชาติ ชาติหน้าอาจเกิดมาเป็นหมูหมากาไก่ เคยเห็นไหมเวลาเขาฆ่าวัวฆ่าหมู เขาเอาเชือกมัดแล้วใช้มีดแหลมแทงคอ พี่เห็นแล้วสงสารมาก จนทุกวันนี้พี่ไม่กินสัตว์ใหญ่ คิดดูถ้าเป็นคนถูกรัด ถูกมีดจ้วงแทงมันเวทนาขนาดไหน นี่ยังไม่พูดถึงว่าไปเกิดเป็นอสูรกาย เป็นสัตว์นรก จะทุกข์ทรมานแค่ไหน แล้วยังอยากเกิดกันอีกเหรอ
เราเลยคิดว่าชีวิตนี้เกิดเป็นมนุษย์ก็ต้องสร้างบุญกุศล การที่ชาตินี้ได้เกิดเป็นคุณชูชัย ผ่านชีวิตมาทุกรูปแบบ จากยากจนสู้ชีวิตจนรวย มีทุกอย่าง ได้ช่วยเหลือคน ได้สร้างบุญสร้างกุศล มันคุ้มกับชีวิตที่เกิดมา ดีกว่าคนที่เกิดมาบนกองเงินกองทองก็จะรู้แต่คุณค่าของวัตถุ แต่ไม่รู้คุณค่าของจิตใจ คุณค่าของการต่อสู้ คุณค่าของชีวิต คิดว่าชาติก่อนทำบุญเอาไว้เยอะ ฉะนั้นชาตินี้ก็ต้องแต่งเติมบุญต่อไปเรื่อยๆ สะสมเสบียงบุญ คิดดี ทำดี ถ้ามีโอกาสช่วยเหลือคนอื่น มีโอกาสช่วยเหลือประเทศชาติ เราจะไม่เพิกเฉย ที่สำคัญเราไม่ลืมว่า สุดท้ายปลายทางชีวิต สิ่งที่สร้างที่ทำ แม้จะมีเงินมากมายมหาศาล ก็เอาอะไรไปไม่ได้เลย
ทั้งหมดที่เล่ามาแค่อยากให้ข้อคิด เพราะที่ผ่านมาสื่อมักชอบให้เรานำเสนอแต่อะไรที่เว่อร์ๆ ไม่ผิดหรอก เข้าใจว่ามันขายได้ แต่ทำไมเรื่องคุณงามความดีมักไม่ค่อยมีคนสนใจ ข่าวดีคนมักจะลืมและไม่ค่อยพูดถึง แต่ข่าวร้ายๆจะดังไวมาก ลองสังเกตสิ (หัวเราะ) .


