เซนได สวยดี 2
คณะของเราเดินทางจากเมืองไทยมาลงที่สนามบินนาริตะแล้วเปลี่ยนเครื่องในประเทศต่อไปยังสนามบินเซนได
คณะของเราเดินทางจากเมืองไทยมาลงที่สนามบินนาริตะแล้วเปลี่ยนเครื่องในประเทศต่อไปยังสนามบินเซนได ยังไงการต่อเครื่องที่นาริตะก็ยังสะดวกกว่าสนามบินฮาเนดะ เพราะทุกกระบวนการจบในเทอร์มินอลเดียวกัน ในขณะที่ฮาเนดะต้องนั่งรถจากฝั่งอินเตอร์ไปยังฝั่งโดเมสติก ซึ่งบางครั้งมันเฉียดฉิวใจหายเกินไป เจ้าหน้าที่การท่องเที่ยวเซนไดมารอต้อนรับพวกเราตามธรรมเนียม หลังจากทักทายกันเรียบร้อยก็พาไปทานข้าวกลางวันที่ร้านโชเคอิคาคุ (Shoukeikaku) จุดเด่นของร้านนี้คือตัวอาคารทั้งหลังเคยเป็นที่พักอาศัยของคนในตระกูลดาเตะ (Date Clan) ตระกูลของไดเมียวผู้มีอำนาจและปกครองเขตนี้มาก่อน โดยเฉพาะ Date Masamune ซามูไรซึ่งได้รับฉายา มังกรตาเดียว ผู้ที่ทำให้ขุนศึกของเมืองต่างๆ ครั่นคร้ามในความเด็ดเดี่ยวและฝีมือการรบ และยังเป็นหนึ่งในองค์ประกอบที่ทำให้เซนไดเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวด้วย
อาหารเที่ยงวันนี้เป็น Tansu ryori อาหารชุดไคเซกิที่ถูกเสิร์ฟมาในตู้ลิ้นชักขนาดเล็กเรียกว่า Sendai Tansu ตู้ลิ้นชัก (Tansu) เป็นงานหัตถกรรมที่เจอได้ทั่วไป แต่ของเมืองเซนไดเขาขึ้นชื่อเพราะสมัยก่อนใช้เป็นตู้เก็บเสื้อผ้าและดาบของบรรดาเหล่าซามูไร จึงมีรายละเอียดค่อนข้างมากกว่าตู้ของพ่อค้าหรือประชาชนทั่วไป เพราะช่างฝีมือได้ผสมผสานงานไม้ งานแล็กเกอร์ งานแกะและฉลุโลหะเข้าด้วยกัน จึงทำให้ Sendai Tansu สูงกว่าทั้งคุณค่าและมูลค่า มื้อนี้เป็นการทานอาหารที่เลอค่าและสนุกสนาน เพราะต้องเปิดลิ้นชักต่างๆ แล้วก็ส่องดูว่ามีอะไรอยู่ข้างใน นี่ถ้าได้แต่งชุดซามูไรทานด้วยคงเข้าบรรยากาศดี เรื่องรสชาติอาหารไม่ต้องห่วง ร้านระดับนี้ไม่มีผิดหวัง เพราะรับแขกระดับสำคัญมาแล้วมากมาย นอกจากทานข้าวแล้ว ยังมีห้องหับต่างๆ ที่เก็บรักษาไว้ในสภาพเกือบเหมือนเดิม รวมทั้งชุดเกราะของตระกูลดาเตะให้ชมด้วย
หลังอาหารเรามีรายการไปเยี่ยมชมโรงงานวิสกี้ Nikka ซึ่งเป็นวิสกี้สัญชาติญี่ปุ่นเจ้าแรก ก่อตั้งโดยคุณ Masataka Taketsuru ทายาทธุรกิจโรงผลิตสาเกแถบฮิโรชิมา เดิมทีคุณมาสะทากะก็ตั้งใจจะสืบทอดกิจการสาเกของตระกูล เพราะอุตส่าห์ข้ามน้ำข้ามทะเลไปร่ำเรียนวิชาเอกเคมีที่มหาวิทยาลัยกลาสโกว์ ประเทศสกอตแลนด์ แต่ในที่สุดก็ตกหลุมเสน่ห์ทั้งสกอตช์วิสกี้และสาวสกอตนาม Rita หลังจากแต่งงานกันแล้วก็หอบหิ้วกลับมาบ้าน ทำงานที่โน่นที่นี่ได้ไม่นานก็เปิดกิจการของตัวเองขึ้นที่เมืองโยอิจิ (Yoichi) บนเกาะฮอกไกโด เพราะเงื่อนไขของภูมิประเทศและอากาศใกล้เคียงกับสกอตแลนด์ อีกทั้งยังมีแหล่งน้ำธรรมชาติชั้นดีที่เป็นต้นทุนการผลิตวิสกี้ชั้นยอดได้ และในเดือน ต.ค. ของปี 1940 Nikka วิสกี้ก็ได้ฤกษ์วางจำหน่ายหลังก่อตั้งบริษัทได้ 7 ปี และขยับขยายโรงงานไปอีกหลายจังหวัด แต่ที่ผลิตมอลต์วิสกี้ชั้นดีก็มีเพียงแค่ที่ฮอกไกโดกับที่เซนไดเท่านั้น
Nikka Whisky คือ หนึ่งในความภาคภูมิใจของคนญี่ปุ่น ที่สามารถผลิตวิสกี้คุณภาพระดับใกล้เคียงกับสกอตช์วิสกี้ได้ แถมยังใช้วัตถุดิบภายในประเทศอีกด้วย เรื่องราวของคุณมาสะทากะ บิดาแห่งวิสกี้ญี่ปุ่น ยังได้รับการนำไปดัดแปลงและสร้างเป็นละครช่วงเช้า(Asadora) ในชื่อ Massan ออกอากาศทางช่อง NHK ในปี 2014 จนได้รับความนิยมเป็นอันมาก การได้มาเยี่ยมโรงงานที่เซนได ได้เห็นกระบวนการผลิต ได้เห็นภาพและประวัติคร่าวๆ ของครอบครัวคุณมาสะทากะ บวกกับการได้ชมละคร Massan มาบ้าง เลยทำให้ผมได้รับรู้ถึงความตั้งใจและการทุ่มเท บอกเลยว่ามาเที่ยวที่โรงงานนี้แล้ว ได้อะไรใส่สมองกลับไปเยอะครับ


