หลวงพ่อหงอคง
บนภูเขาเฟิ่งชีซาน ห่างจากนครเฉิงตู มณฑลเสฉวนไปราว 60 กิโลเมตร มีอารามเก่าแก่สร้างแต่ครั้งราชวงศ์สุย
โดย...กรกิจ ดิษฐาน
บนภูเขาเฟิ่งชีซาน ห่างจากนครเฉิงตู มณฑลเสฉวนไปราว 60 กิโลเมตร มีอารามเก่าแก่สร้างแต่ครั้งราชวงศ์สุยชื่อว่าวัดกวงเหยียน คนทั่วไปเรียกว่าวัดกู่ซื่อ หรือวัดโบราณ วัดแห่งนี้มีของล้ำค่ามากมาย เคยเป็นที่ประดิษฐานของมังสะกาย (&&2905;&&6523;) หรือร่างไม่เน่าไม่เปื่อย ของพระเถระสมัยราชวงศ์หมิงชื่อว่าพระฝ่าเหริน ซึ่งท่านบรรลุธรรมที่นี่และละสังขารในท่านั่งสมาธิ ตำนานกล่าวว่า ท่านเป็นพระเจ้าอาของพระเจ้าหมิงหงอู่ จูหยวนจาง สละยศถาบรรดาศักดิ์ออกบวชเป็นภิกษุ ใช้ฉายาทางธรรมว่า ฝ่าเหริน แล้วจาริกไปดินแดนตะวันตก คือทิเบต ศึกษาพุทธธรรมอย่างคร่ำเคร่ง ครั้นกลับมาจงหยวนอีก พระโอรสของจูหยวนจางคือ จูชุนสือ อ๋องแห่งเฉิงตู กราบทูลให้พระราชบิดาทรงทราบ จูหยวนจางยินดีนักถวายฉายาทางธรรมให้ใหม่ว่า อู้คง (&>4735;&&1354; หรือ หงอคง แปลว่ารู้แจ้งในสุญญตา) พร้อมถวายเครื่องสมณะบูชาเทียบเท่าเชื้อพระวงศ์
รวมถึงถวายพระไตรปิฎกชุดหงอู่หนานจั้ง (&>7946;&>7494;&>1335;&&4255;) เป็นสารานุกรมปกรณ์ทางพุทธศาสนาขนาดมหึมามีจำนวน 7,000 เล่ม หนัก 3 ตัน เดิมมี 2 ชุด อีกชุดอยู่ที่หนานจิงถูกเผาทำลายช่วงที่เยี่ยนอ๋องชิงบัลลังก์พระเจ้าเจี้ยนเหวิน ปัจจุบันเหลืออยู่ที่วัดกู่ซื่อแห่งเดียว แต่ในช่วงกวาดล้างฝ่ายขวาทศวรรษที่ 50 วัดกู่ซื่อถูกพวกซ้ายจัดทำลายอย่างหนัก เดชะบุญที่เจ้าหน้าที่รัฐรายหนึ่งได้ยินพระสงฆ์คุยกันว่า วัดนี้มีพระไตรปิฎกชุดหงอู่หนานจั้งซุกซ่อนไว้นานกว่า 500 ปี เขาจึงใช้อำนาจยึดมาเก็บไว้ที่หอสมุดนครเฉิงตู นับเป็นบุญวาสนาของชาวพุทธอย่างยิ่ง เพราะอีกไม่กี่ปีต่อมาในช่วงปฏิวัติวัฒนธรรม พวกซ้ายจัดบุกเข้ามาเผาเอกสารและคัมภีร์ในวัดจนพินาศสิ้น หากพระไตรปิฎกชุดหงอู่หนานจั้งยังอยู่ในวัด ชาวพุทธอาจไม่เหลือมรดกชิ้นนี้ให้สืบทอดกันต่อไปอีก
แต่มังสะกายของพระอู้คงไม่อาจรอดพ้นเงื้อมมือของพวกซ้ายจัด วันหนึ่งช่วงปฏิวัติวัฒนธรรม พวกซ้ายจัดบุกเข้ามา ผู้นำของกลุ่มใช้ดาบปลายปืนแทงที่ร่างท่านนับสิบๆ ครั้ง จนร่างแตกสลายเป็นชิ้นๆ เหลือแต่เศษกระดูก พระในวัดต้องแอบซ่อนเศษร่างที่เหลือไว้แล้วซ่อนไว้ในผนังวิหารแห่งหนึ่ง แต่แล้วพวกซ้ายจัดก็กลับมาพังวิหารอีก ทำให้เศษร่างของพระอู้คงสูญหายไปตลอดกาล
แต่เดชะบุญที่ก่อนจะเกิดเหตุวินาศมีชายคนหนึ่งนำกล้องถ่ายภาพมาถ่ายร่างของท่านอู้คงไว้ ต่อมาเขาเดินทางไปทิเบตแล้วอวดภาพของท่าน ชาวทิเบตเห็นก็พากันแสดงความเคารพ เพราะท่านอู้คงถือเป็นวัชราจารย์ของชาวทิเบตท่านหนึ่ง แม้แต่เจ้าหน้าที่ชายแดนเมื่อเห็นภาพของท่านก็ไม่ยอมตรวจตราเขา ชายคนนี้จึงฉวยโอกาสใช้ภาพท่านอู้คงเป็นดั่งหนังสือผ่านแดนเข้าๆ ออกๆ ทิเบตกับจงหยวนเพื่อลักลอบขนฝิ่น ต่อมาในช่วงปฏิวัติวัฒนธรรมเขาถูกทำร้ายอย่างสาหัส แต่ไม่ยอมปริปากว่าเคยถ่ายภาพท่านอู้คงไว้ ก่อนที่เขาจะตาย ได้ให้ภรรยาไปเรียกหลวงพ่อที่วัดมาหา ครั้นท่านมาถึงเขาได้แต่ครางว่า “อู้คง อู้คง” แล้วหยิบภาพขาวดำของพระเถระออกมาให้หลวงพ่อแล้วก็สิ้นใจไป
ในเวลาต่อมาหลวงพ่อวัดกู่ซื่อเล่าว่า ผู้นำพวกซ้ายจัดที่เข้ามาทำลายร่างของท่านอู้คง เกิดป่วยเป็นเนื้องอกที่อัณฑะ ต่อมาลุกลามจนร่างกายส่วนล่างเน่าเหม็น แม้จะไปหาหมอสักกี่คนก็รักษาไม่ได้ สุดท้ายก็ตายอย่างทุกข์ทรมาน


