ตัดอุโมงค์ต้นไม้หล่มสัก เชื่อมเศรษฐกิจ...จุดชนวนขัดแย้ง
โครงการขยายถนนทางหลวงหมายเลข 12 เชื่อมเส้นทางการขนส่งตามแนวเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก กำลังถูกกระแสต่อต้านอย่างกว้างขวาง
โดย...สุนทร คงวราคม
โครงการขยายถนนทางหลวงหมายเลข 12 (หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์-ชุมแพ จ.ขอนแก่น) จาก 2 เลน เป็น 4 เลน ระยะทาง 10.5 กิโลเมตร มูลค่ากว่า 500 ล้านบาท เชื่อมเส้นทางการขนส่งตามแนวเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก ตามนโยบายของรัฐบาลและนโยบายตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ของแขวงทางหลวงเพชรบูรณ์ที่ 1 สำนักทางหลวงที่ 6 จ.เพชรบูรณ์ กำลังถูกกระแสต่อต้านอย่างกว้างขวาง เนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้ตัดอุโมงค์ต้นไม้ขนาด 2-3 คนโอบตลอดแนวถนนสองข้างทางไปแล้วกว่า 50 ต้น จากทั้งหมดกว่า 500 ต้น ได้สร้างความหดหู่ใจให้กับผู้พบเห็นต้นไม้ที่ต้องถูกโค่นกองเต็มข้างถนนสายดังกล่าว
กษิต โฆษิตานนท์ ประธานหอการค้าจังหวัดเพชรบูรณ์ เปิดเผยว่า ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งที่ต้องตัดอุโมงค์ต้นไม้ เพราะกว่าต้นไม้บริเวณนี้จะเติบโตต้องใช้เวลาหลายสิบปี อีกทั้งปัจจุบันกลายเป็นกิมมิกหรือสัญลักษณ์ที่ทำให้เกิดบรรยากาศและความสำนึกบนเส้นทางส่วนนี้ การขยายถนนเส้นทางนี้ไม่จำเป็นต้องตัดต้นไม้ก็ได้ เพราะมีการกันพื้นที่ทั้งซ้ายและขวาไว้ค่อนข้างเยอะ สามารถจะออกแบบโดยไม่จำเป็นต้องไปแตะต้นไม้เหล่านี้ ขณะที่ต้นไม้เหล่านี้เป็นต้นจามรีหรือก้ามปู ฉะนั้นเรื่องการดูแลน่าจะสำคัญกว่า
กษิต กล่าวอีกว่า กรมทางหลวงออกแบบถนน4 เลนตั้งแต่ช่วง จ.พิษณุโลก-อ.หล่มสัก ได้สวยงามแล้ว เหลือแต่เพียงช่วงหล่มสัก-ชุมแพ ซึ่งในมุมมองของประชาชนที่ไม่อยากเห็นอุโมงค์ต้นไม้เหล่านี้ถูกตัดโค่น เพราะเห็นว่าเมื่อเกิดขึ้นมาแล้ว จนกลายเป็นข้อผูกพันกับชุมชนขึ้นมา ก็สมควรจะดูแลรักษาต่อไป ด้านวิศวกรรมหรือการออกแบบนั้นทางกรมทางหลวงสามารถปรับเปลี่ยนได้ และจริงๆ แล้วพื้นที่เขตบริเวณนี้กรมทางหลวงก็ทำให้ลงตัวได้ระหว่างการพัฒนาและการรักษาอุโมงค์ต้นไม้ไว้
“ที่ผ่านมากรมทางหลวงพยายามจะรณรงค์ให้ปลูกและรักษาต้นไม้บริเวณริมสองฝั่งถนนให้มีความสวยงามและเป็นธรรมชาติ โดยพยายามพร่ำบอกให้ประชาชนช่วยกันรักษาและดูแล แต่พอถึงช่วงเวลาหนึ่งก็จะไปตัดโค่นทำลาย อยากถามว่ากรมทางหลวงคิดอะไรอยู่” กษิต กล่าว
ส่วนข้ออ้างเรื่องความเปราะบางกิ่งหักตกลงมาบนถนนทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่ายนั้น สิ่งเหล่านี้แก้ไขได้ทั้งสิ้นและก็ทำมาตลอดอยู่แล้ว หากจะนำเรื่องนี้มาอ้างเพื่อจะตัดโค่นอุโมงค์ต้นไม้บริเวณนี้ กรมทางหลวงคงต้องตัดโค่นต้นไม้ทิ้งกันทั้งประเทศอย่างแน่นอน ที่ผ่านมาก็มีการออกแบบแนวถนนโดยการรักษาต้นไม้ริมทางไว้ในหลายจังหวัด ฉะนั้นกรมทางหลวงสามารถทำให้ลงตัวได้ระหว่างการพัฒนาและการรักษาต้นไม้เหล่านี้ เพราะตรงนี้ก็เป็นฝีมือของกรมทางหลวงเอง แล้วจะมาบอกว่าเป็นต้นไม้ที่ไม่ดีเป็นต้นเหตุทำให้เกิดอุบัติเหตุก็ต้องถามย้อนไปว่าใครเป็นคนปลูก หรือดูแลมาตลอด
ขณะที่ ศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อนและเครือข่ายภาคประชาชน เข้ายื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อคัดค้านกรมทางหลวงตัดต้นไม้ใหญ่ไปแล้วกว่า 50 ต้น จากทั้งหมดประมาณ 500 ต้น โดยต้นไม้ทั้งหมดกรมทางหลวงได้จัดประมูลให้ภาคเอกชนไปในราคา 1,245 ล้านบาท
ศรีสุวรรณ กล่าวว่า ต้นไม้ที่อยู่ในบริเวณดังกล่าวเป็นอุโมงค์ที่สวยงาม จึงเห็นว่าการที่กรมทางหลวงจัดประมูลต้นไม้ให้กับภาคเอกชนไม่เหมาะสม และการขายต้นไม้เปรียบเสมือนการขายสมบัติของชาติ ดังนั้นขอให้นายกฯ สั่งการให้กระทรวงคมนาคม โดยแขวงทางหลวงเพชรบูรณ์ที่ 1 สำนักทางหลวงที่ 6 ทบทวนแบบแปลน หรือแนวเส้นทางถนนทางหลวงหมายเลข 12 เพื่อไม่ให้กระทบต่อต้นไม้ ซึ่งยังมีเนื้อที่ด้านข้างอีกประมาณ 20 เมตร
ด้าน พงศ์พันธ์ คงสมบูรณ์ ผู้อำนวยการแขวงการทางเพชรบูรณ์ที่ 1 กล่าวยอมรับว่า กรณีนี้ยังไม่เคยเจอมาก่อน แขวงฯ คงไม่มีอำนาจพิจารณาตัดสินใจในเรื่องนี้เช่นกัน แต่หากทางสมาคมทำหนังสือมาถึงก็พร้อมจะเสนอเรื่องผ่านไปยังผู้บังคับบัญชาและส่วนกลางให้ช่วยพิจารณา ส่วนเรื่องการปรับเปลี่ยนแนวเส้นทางถนนนั้นขณะนี้ก็อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาอยู่แล้ว
“จะซื้อคืนกันอย่างไรและจะเป็นการซ้ำซ้อนหรือเปล่าไม่รู้ อันนี้ไม่แน่ใจเพราะเป็นทรัพย์สินของกรมทางหลวง ไม่ใช่ของกรมป่าไม้ หรือกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ก็ไม่ใช่ไม้หวงห้ามอีกด้วย ฉะนั้นหากสมาคม ส่งเรื่องมาก็ต้องส่งเรื่องไปหารือ เพราะเคสแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน” พงศ์พันธ์ กล่าว
กรมทางหลวงนับเป็นหนึ่งในหน่วยงานที่ปลูกป่าและดูแลต้นไม้มากที่สุดในประเทศไทย เมื่อถนนเส้นทางไปถึงไหนก็จะปลูกป่าไปด้วย และมีการบอกต่อสังคมมาตลอดด้วยว่า ได้ทำเป็นตัวอย่างให้เห็น แต่เมื่อถึงเวลาหนึ่งก็จะมาตัดทิ้ง เหมือนเป็นการกระชากหัวใจของคนในพื้นที่ตลอดจนผู้ที่ใช้เส้นทางนี้ เพราะส่วนใหญ่ทุกคนต่างก็รักและมีความรู้สึกผูกพันกับต้นไม้


