อุทยานฯประกาศปิดเกาะยูงรับมือ "ปะการังฟอกขาว"
ครั้งแรกในไทย กรมอุทยานฯประกาศปิดเกาะยูง เพื่อเสริมความแข็งแรงให้ปะการัง สามารถรับมือ น้ำทะเลร้อนจากปรากฏการณ์เอลนีโญ
ครั้งแรกในไทย กรมอุทยานฯประกาศปิดเกาะยูง เพื่อเสริมความแข็งแรงให้ปะการัง สามารถรับมือ น้ำทะเลร้อนจากปรากฏการณ์เอลนีโญ
นายธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณะบดีคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์(มก.) เปิดเผยว่า ได้ทำหนังสือถึง กรมสำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เพื่อขอให้ปิดพื้นที่ท่องเที่ยวทางทะเลในบริเวณ เกาะยูง อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ บริเวณดังกล่าวเป็นแหล่งปะการังเขากวาง ที่สมบูรณ์แหล่งสุดท้ายในทะเลอันดามัน ทั้งนี้เพื่อป้องกันและบรรเทาปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวที่อาจจะเกิดขึ้นในช่วงตั้งแต่เดือนมี.ค.ถึงเม.ย.เป็นต้นไป และล่าสุด เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา สำนักอุทยานฯได้รับหลักการ และเตรียมจะปิด เกาะยูงแล้วภายในเดือนมี.ค.นี้
"เวลานี้ อุณหภูมิของน้ำทะเล โดยเฉพาะในมหาสมุทรแปซิฟิคสูงมาก จากปรากฏการเอลนีโญ่ ความร้อนดังกล่าวได้แผ่มาถึงบริเวณ เกรตแบร์ริเออร์รีฟ ที่เป็นแหล่งปะการังที่ยาวที่สุดในโลก ที่ประเทศออสเตรเลีย แล้ว หากมหาสมุทรอินเดีย ที่อุณหภูมิยังไม่สูงนัก กันน้ำร้อนที่ไหลมาจากมหาสมุทรแปซิฟิคไม่อยู่ โอกาสที่จะทำให้เกิดปรากฏการปะการังฟอกขาว ในบริเวณทะเลอันดามันเป็นไปได้ค่อนข้างสูง จึงต้องหาทางป้องกันเอาไว้ล่วงหน้า โดยต้องทำให้สุขภาพของปะการังบริเวณเกาะยูง ซึ่งเป็นพื้นที่ปะการังสำคัญ ที่มีชีวิตรอดมาจากการฟอกขาวเมื่อปี 2553 การปิดเกาะยูงนั้น จะไม่ให้นักท่องเที่ยวเข้าไปยุ่มย่าม ทั้งการดำน้ำ และทำกิจกรรมอื่นๆทุกประเภท เพื่อเตรียมความพร้อม ให้ปะการังบริเวณนั้นมีสุขภาพแข็งแรงที่สุด หากมหาสมุทรอินเดีย ต้านน้ำร้อนจากมหาสมุทรแปซิฟิคเอาไว้ไม่อยู่ เหล่าปะการังจะมีความพร้อมที่จะรับมือน้ำร้อนมากที่สุด โอกาสที่จะเกิดปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวก็จะมีน้อยตามไปด้วย"นายธรณ์ กล่าว
ทั้งนี้ กรณีดังกล่าว ถือเป็นครั้งแรก ที่ประเทศไทยประกาศรับมือกับการเกิดปะการังฟอกขาว โดยการหาทางป้องกันอย่างเป็นทางการ ซึ่งหากยังปล่อยให้นักท่องเที่ยวเข้าไปดำน้ำและมีกิจกรรมทางทะเลอยู่ อาจมีการเหยียบปะการังเสียหาย ปล่อยน้ำเสีย ทิ้งสมอลงไปรบกวน แม้ปะการังไม่ตายแต่อาจจะมีสุขภาพอ่อนแอ ยากต่อการต้านทานเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในธรรมชาติ แต่หากเสริมความแข็งแรงให้ปะการังตั้งแต่ตอนนี้ โอกาสที่จะรอดพ้นจากการฟอกขาวก็มีมากขึ้นตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม การปิดเกาะยูง ก็ไม่ได้ปิดโอกาสทางการท่องเที่ยว เพราะห่างจากเกาะยูงไปประมาณ 1 กิโลเมตรก็มีเกาะไม้ไผ่ ซึ่งเป็นแหล่งดำน้ำที่สวยงามไม่แพ้เกาะยูง และเบื้องต้นจะปิดอย่างไม่มีกำหนด จนกว่าสถานการณ์อุณหภูมิน้ำทะเลจะเข้าสู่ความเป็นกลาง


