posttoday

จำคุกอดีตกกต.ปราจีนปฎิบัติหน้ามิชอบ

22 กรกฎาคม 2553

ศาลสั่งจำคุก 4 อดีตกกต.ปราจีนบุรีปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบหลังแจกใบแดงผู้สมัครเลือกตั้งสภาอบจ.

ศาลสั่งจำคุก 4 อดีตกกต.ปราจีนบุรีปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบหลังแจกใบแดงผู้สมัครเลือกตั้งสภาอบจ.

นายสุพัฒน์  แขกเพ็ง   ทนายประจำสำนักงานทนายความสุพัฒน์  แขกเฟ้ง และเพื่อน  กล่าวว่า เป็นทนายโจทย์ให้ นายเสน่ห์  บุญเชิด  ผู้สมัครสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดปราจีนบุรี เขตเลือกตั้งที่  3  เมื่อปี  พ.ศ. 2547  โดยกำหนดวันเลือกตั้งในวันที่  14  มี.ค.  2547  ผลการเลือกตั้งปรากฏว่านายเสน่ห์  ได้รับคะแนนสูงสุดเป็นอันดับที่  1  ต่อมาหลังการนับคะแนนเสร็จเรียบร้อยแล้ว  ในวันที่  24  มี.ค.  2547  นายเสน่ห์  ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น พ.ศ. 2545

หลังจากนั้นเมื่อวันที่  20  เม.ย. 2547  กรรมการการเลือกตั้งได้ลงนามประกาศการเลือกตั้งให้นายเสน่ห์  ได้รับการเลือกตั้งในเขตที่  3  อำเภอศรีมหาโพธิ  ซึ่งเป็นการวินิจฉัยของกรรมการการเลือกตั้งแล้วว่า  นายเสน่ห์  ได้รับการเลือกตั้งมาโดยสุจริตและเที่ยงธรรม   ต่อมากรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดปราจีนบุรีได้มีหนังสือลงวันที่  4  ส.ค.2547  แจ้งให้นายเสน่ห์  ทราบว่าคณะกรรมการการเลือกตั้งได้มีมติเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้งของนายเสน่ห์ (ใบแดง)  เมื่อวันที่  27  พ.ค. 2547  และให้มีการเลือกตั้งใหม่ในเขตที่  3

อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่  16  ส.ค.2547  นายเสน่ห์  ได้ฟ้องร้องดำเนินคดีกับพล.อ.วาสนา  เพิ่มลาภ  จำเลยที่  1  พร้อมกับพวก คือ นายวิฑูรย์  นาคะเสถียร ที่  2   พ.ต.อ.(พิเศษ)ชุมพล  สิงหัษฐิต   ที่  3   เป็นจำเลยต่อศาลจังหวัดปราจีนบุรี  ในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ (ประมวลกฎหมายอาญามาตรา  157)  พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง  พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น 

โดยศาลได้นัดไต่สวน  18  ต.ค.2547  และมีคำสั่งให้คดีมีมูลเมื่อวันที่  11  พ.ย. 2547  ต่อมาวันที่  20  ธ.ค.2547  โจทก์ถอนฟ้องพล.อ.วาสนา   จำเลยที่  1 ซึ่ง ศาลมีคำสั่งอนุญาต     หลังจากเมื่อวันที่  4  ม.ค.2548  นายเสน่ห์  (โจทก์)  ได้ฟ้องร้องดำเนินคดีกับ  พ.อ.พินิจ  ยมเสน  ที่  1,นายวีระ  ชมพันธ์  ที่ 2, นายทวีศักดิ์  อิ่มจิตร์  ที่  3,  นายประเทือง  โฉมงาม  ที่  4  เป็นจำเลยต่อศาลจังหวัดปราจีนบุรี  เป็นคดีอาญาหมายเลขคดีดำที่  7/2548  ในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ  (ประมวลกฎหมายอาญา  มาตรา  157)  พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง  พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น  

ทั้งนี้จำเลยทั้งสี่เป็นคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดปราจีนบุรี  ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องเมื่อ  28  ก.พ.2548  และมีคำสั่งให้คดีมีมูล   โดยให้เรียกโจทก์ทั้ง  2  สำนวนว่า  โจทก์และจำเลยสำนวนแรกเป็นจำเลยที่  1-3  สำนวนที่  2  เป็นจำเลยที่  4- 7

นายสุพัฒน์   ซึ่งเป็นทนายความโจทก์ทั้งสองคดีได้ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอรวม สำนวนทั้ง  2  คดีเข้าด้วยกัน  เนื่องจากโจทก์เป็นคนเดียวกัน  ความผิดเดียวกัน  พยานหลักฐานชุดเดียวกัน  ศาลจึงมีคำสั่งอนุญาต  และวันที่  18  ม.ค.2550  ศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษายกฟ้อง  จำเลยที่  2  ถึงที่  7  กระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่                

โจทก์ได้มอบหมายให้นายสุพัฒน์  ทนายความโจทก์  ยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้น  เพื่อให้ศาลอุทธรณ์กลับคำพิพากษาของศาลชั้นต้น  โดยให้ลงโทษจำเลยตามฟ้องเมื่อวันที่  16 ก.ค.2553  ศาลอุทธรณ์ภาค  2  ได้นัดฟังคำพิพากษา   จำเลยที่  2  ถึง  7  ให้มีบทลงโทษหนักที่สุด  ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา  90  จำคุกคนละ  2  ปี  และให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของจำเลยที่  2   ถึง  7  มีกำหนดคนละ  10  ปี    ต่อมาจำเลยทั้งหมดได้ยื่นหลักทรัพย์ประกันตัวออกมา  พร้อมแต่งตั้งทนายเพื่อฎีกาต่อไป

ข่าวล่าสุด

จากดราม่า ‘น้องหมากินข้าวร่วมโต๊ะในร้าน’ สู่การส่องกฎหมาย Pet Friendly ของ ‘เกาหลีใต้’