จำคุกอดีตกกต.ปราจีนปฎิบัติหน้ามิชอบ
ศาลสั่งจำคุก 4 อดีตกกต.ปราจีนบุรีปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบหลังแจกใบแดงผู้สมัครเลือกตั้งสภาอบจ.
ศาลสั่งจำคุก 4 อดีตกกต.ปราจีนบุรีปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบหลังแจกใบแดงผู้สมัครเลือกตั้งสภาอบจ.
นายสุพัฒน์ แขกเพ็ง ทนายประจำสำนักงานทนายความสุพัฒน์ แขกเฟ้ง และเพื่อน กล่าวว่า เป็นทนายโจทย์ให้ นายเสน่ห์ บุญเชิด ผู้สมัครสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดปราจีนบุรี เขตเลือกตั้งที่ 3 เมื่อปี พ.ศ. 2547 โดยกำหนดวันเลือกตั้งในวันที่ 14 มี.ค. 2547 ผลการเลือกตั้งปรากฏว่านายเสน่ห์ ได้รับคะแนนสูงสุดเป็นอันดับที่ 1 ต่อมาหลังการนับคะแนนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ในวันที่ 24 มี.ค. 2547 นายเสน่ห์ ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น พ.ศ. 2545
หลังจากนั้นเมื่อวันที่ 20 เม.ย. 2547 กรรมการการเลือกตั้งได้ลงนามประกาศการเลือกตั้งให้นายเสน่ห์ ได้รับการเลือกตั้งในเขตที่ 3 อำเภอศรีมหาโพธิ ซึ่งเป็นการวินิจฉัยของกรรมการการเลือกตั้งแล้วว่า นายเสน่ห์ ได้รับการเลือกตั้งมาโดยสุจริตและเที่ยงธรรม ต่อมากรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดปราจีนบุรีได้มีหนังสือลงวันที่ 4 ส.ค.2547 แจ้งให้นายเสน่ห์ ทราบว่าคณะกรรมการการเลือกตั้งได้มีมติเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้งของนายเสน่ห์ (ใบแดง) เมื่อวันที่ 27 พ.ค. 2547 และให้มีการเลือกตั้งใหม่ในเขตที่ 3
อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 16 ส.ค.2547 นายเสน่ห์ ได้ฟ้องร้องดำเนินคดีกับพล.อ.วาสนา เพิ่มลาภ จำเลยที่ 1 พร้อมกับพวก คือ นายวิฑูรย์ นาคะเสถียร ที่ 2 พ.ต.อ.(พิเศษ)ชุมพล สิงหัษฐิต ที่ 3 เป็นจำเลยต่อศาลจังหวัดปราจีนบุรี ในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ (ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น
โดยศาลได้นัดไต่สวน 18 ต.ค.2547 และมีคำสั่งให้คดีมีมูลเมื่อวันที่ 11 พ.ย. 2547 ต่อมาวันที่ 20 ธ.ค.2547 โจทก์ถอนฟ้องพล.อ.วาสนา จำเลยที่ 1 ซึ่ง ศาลมีคำสั่งอนุญาต หลังจากเมื่อวันที่ 4 ม.ค.2548 นายเสน่ห์ (โจทก์) ได้ฟ้องร้องดำเนินคดีกับ พ.อ.พินิจ ยมเสน ที่ 1,นายวีระ ชมพันธ์ ที่ 2, นายทวีศักดิ์ อิ่มจิตร์ ที่ 3, นายประเทือง โฉมงาม ที่ 4 เป็นจำเลยต่อศาลจังหวัดปราจีนบุรี เป็นคดีอาญาหมายเลขคดีดำที่ 7/2548 ในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ (ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น
ทั้งนี้จำเลยทั้งสี่เป็นคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดปราจีนบุรี ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องเมื่อ 28 ก.พ.2548 และมีคำสั่งให้คดีมีมูล โดยให้เรียกโจทก์ทั้ง 2 สำนวนว่า โจทก์และจำเลยสำนวนแรกเป็นจำเลยที่ 1-3 สำนวนที่ 2 เป็นจำเลยที่ 4- 7
นายสุพัฒน์ ซึ่งเป็นทนายความโจทก์ทั้งสองคดีได้ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอรวม สำนวนทั้ง 2 คดีเข้าด้วยกัน เนื่องจากโจทก์เป็นคนเดียวกัน ความผิดเดียวกัน พยานหลักฐานชุดเดียวกัน ศาลจึงมีคำสั่งอนุญาต และวันที่ 18 ม.ค.2550 ศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษายกฟ้อง จำเลยที่ 2 ถึงที่ 7 กระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่
โจทก์ได้มอบหมายให้นายสุพัฒน์ ทนายความโจทก์ ยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้น เพื่อให้ศาลอุทธรณ์กลับคำพิพากษาของศาลชั้นต้น โดยให้ลงโทษจำเลยตามฟ้องเมื่อวันที่ 16 ก.ค.2553 ศาลอุทธรณ์ภาค 2 ได้นัดฟังคำพิพากษา จำเลยที่ 2 ถึง 7 ให้มีบทลงโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 จำคุกคนละ 2 ปี และให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของจำเลยที่ 2 ถึง 7 มีกำหนดคนละ 10 ปี ต่อมาจำเลยทั้งหมดได้ยื่นหลักทรัพย์ประกันตัวออกมา พร้อมแต่งตั้งทนายเพื่อฎีกาต่อไป


