ส่องสัตว์เขาใหญ่
สำหรับผมแล้ว หนึ่งในคำคลาสสิกแห่งป่าดง ที่ให้ความรู้สึกโรแมนซ์ล้ำลึก ก็คือคำว่า “ส่องสัตว์เขาใหญ่”
โดย...ปริญญา ผดุงถิ่น
สำหรับผมแล้ว หนึ่งในคำคลาสสิกแห่งป่าดง ที่ให้ความรู้สึกโรแมนซ์ล้ำลึก ก็คือคำว่า “ส่องสัตว์เขาใหญ่”
นึกถึงสมัยเป็นเด็ก ดูหนังไทยเรื่องไรไม่รู้ มีฉากขึ้นหอดูสัตว์บนอุทยานฯ เขาใหญ่ แล้วส่องไฟดูสัตว์โน่นนี่ รู้สึกดื่มด่ำกับบรรยากาศในหนังไปด้วย ทั้งที่ในใจคิดว่าคงเป็นไปไม่ได้ที่เราจะมีโอกาสทำอะไร “ไฮโซ” เช่นนั้น
แต่โอกาสนั้นก็มาถึงในตอนเรียน ม.ปลาย ด้วยการดิ้นรนเป็นตัวตั้งตัวตีชวนสมัครพรรคพวกไปกางเต็นท์นอนบนเขาใหญ่ได้สำเร็จ กิจกรรมที่ผมไม่ขอพลาดเด็ดขาด ก็คือ เช่ารถส่องสัตว์เขาใหญ่
ยุคนั้น เขาใหญ่ยังมีเสือโคร่งเป็นบำเหน็จรางวัลให้คนมีบุญ น่าตื่นเต้นรองลงมาเห็นจะเป็นช้าง แต่ที่ผมได้เจอ ก็มีแต่ตัวพื้นๆ นำโดยกวางกับเก้ง พร้อมตัวประกอบที่ออกมาให้เห็นแว้บหนึ่งก่อนเผ่นซุกพงรก คืออีเห็น หมดแล้ว! ประสบการณ์ส่องสัตว์หนแรก
ผมยังพยายามถ่ายรูปกวางตอนกลางคืน ด้วยกล้องฟิล์มและแฟลช โดยที่ไม่มีความรู้ใดๆ เกี่ยวกับการใช้แฟลช มีอย่างเดียวคือความมั่นใจเกินร้อย ว่าภาพต้องออกมาดีแน่ พอล้างฟิล์มออกมาเล่นเอาเหวอ ทางร้านถ่ายรูปอุตส่าห์ยกแสงแล้วยกแสงอีก ก็ยังได้แค่ภาพกวางมัวๆ หม่นๆ ในท่าหันบั้นท้ายตอนเผ่นหนีอีกต่างหาก เหตุเพราะผมกับเพื่อนไปเดินจี้เข้าหามัน
หนล่าสุดที่ขึ้นไปนอนเขาใหญ่ ที่ค่ายสุรัสวดี ค่ำๆ ว่างๆ ไม่มีอะไรทำ เลยออกส่องและถ่ายรูปสัตว์อะไรเรื่อยเปื่อยด้วยตัวเองคนเดียว ในวันที่หนวดเริ่มหงอก ซึ่งเพียบพร้อมด้วยกล้อง เลนส์ และไฟฉายดีๆ รวมถึงเทคนิคอันถูกต้อง ผมได้รับความเพลิดเพลินใกล้ค่ายพักแรม และภาพผลงานที่ต่างจากสมัยเด็กลิบลับ
อย่างภาพอีเห็นธรรมดา (Common Palm Civet) เจ้าของฉายา (ซึ่งผมตั้งเอง แหะๆ) “แรคคูนไทย” แค่เข้าใจในธรรมชาติสัตว์ก็ได้ภาพมาอย่างง่ายๆ
มันเริ่มจากผมส่องเห็นลูกตามันเดินบนถนนอยู่ไกลๆ ดูไม่ออกด้วยซ้ำว่าตัวอะไร สิ่งที่ผมทำคือนั่งนิ่งบนพื้นถนน อีเห็นก็จัดให้ เดินตรงเข้ามาให้ถ่ายแบบจ่อๆ ก่อนเดินต่อไปตามทางโดยไม่ได้ตื่นกลัวอันใด
นี่ถ้าผมอ่านใจคนได้เก่งแบบอ่านใจอีเห็น ชีวิตคงดี๊ดี


