สังฆราชของแผ่นดิน
หนังสือพระประวัติ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ภายใต้ชื่อว่า “บวรธรรมบพิตร”
หนังสือพระประวัติ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ภายใต้ชื่อว่า “บวรธรรมบพิตร” จำนวน 5 หมื่นเล่ม ที่จะแจกจ่ายให้ประชาชนในงานพระอิสริยยศ พระโกศพระศพสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ ณ สุสานหลวงวัดเทพศิรินทราวาส ในวันที่ 16 ธ.ค. 2558 ภายใต้การจัดทำของคณะกองบรรณาธิการ ประกอบด้วย พระศากยวงศ์วิสุทธิ์ (อนิลมาน ธมฺมสากิโย) ศ.พิเศษ ธงทอง จันทรางศุ และ รศ.สุเชาวน์ พลอยชุม
เนื้อหาหนังสือบอกเล่าถึงพระประวัติสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ ไว้น่าสนใจ โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ครั้งที่พระองค์เสด็จออกทรงพระผนวชเป็นพระภิกษุ ในปี 2499 เสด็จประทับ ณ วัดบวรนิเวศวิหาร เป็นเวลา 15 วัน โดยมีสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ เป็นพระอภิบาล (พระพี่เลี้ยง)
ตอนหนึ่งของหนังสือระบุไว้ว่า เจ้าพระคุณสมเด็จฯ มีโอกาสได้เป็นที่รู้จักคุ้นเคยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2499 เวลานั้น สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ เมื่อทรงดำรงพระสมณศักดิ์ที่สมเด็จพระวชิรญาณวงศ์ สมเด็จพระสังฆราช ผู้ทรงเป็นพระอุปัชฌาย์ของเจ้าพระคุณสมเด็จฯ ทรงครองวัดบวรนิเวศวิหาร
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้มีพระราชประสงค์จะทรงพระผนวชในพระพุทธศาสนามาช้านานแล้ว ต้นปีนั้น สมเด็จพระสังฆราช ผู้ที่ทรงนิยมนับถือด้วยวิสาสะอันสนิท และทรงถือว่ามีคุณูปการส่วนพระองค์มากได้ประชวรลง พระอาการเป็นที่วิตกทั่วไปจนแทบไม่มีหวัง
แต่ด้วยเดชะพระบารมี ก็ได้หายประชวรอย่างอัศจรรย์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งเสด็จพระราชดำเนินไปเยี่ยมฟังพระอาการหลายครั้ง ทรงพระดำริว่า ถ้าได้ทรงพระผนวชด้วยมีสมเด็จพระสังฆราชทรงเป็นพระอุปัชฌายะแล้ว จะเป็นที่สมพระราชประสงค์ในอันที่จะได้ทรงแสดงพระราชคารวะและศรัทธาในองค์สมเด็จพระสังฆราช จึงทรงตกลงพระราชหฤทัยที่จะทรงพระผนวช ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในวันที่ 22 ต.ค. 2499
จากนั้น เมื่อทรงพระผนวชแล้วเสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระสังฆราช สู่วัดบวรนิเวศวิหาร ระหว่างทรงพระผนวชประทับที่ปั้นหยาตามแบบธรรมเนียมในพระราชวงศ์ จนกระทั่งลาพระผนวชเมื่อวันที่ 5 พ.ย. 2499 ทรงอยู่ในภิกขุภาวะ 15 วันตามกำหนด
เจ้าพระคุณสมเด็จฯ เคยประทานสัมภาษณ์ไว้ในหนังสือเรื่องสองธรรมราชา ว่า “ได้มีความรู้สึกว่า พระภิกษุพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะได้ทรงพระผนวชตามพระราชประเพณีอย่างเดียวเท่านั้นหามิได้ แต่ทรงพระผนวชด้วยพระราชศรัทธาที่ตั้งมั่นในพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง มิได้ทรงเป็นบุคคลจำพวกที่เรียกว่า ‘หัวใหม่’ ไม่เห็นศาสนาเป็นสำคัญ...
ตัวอย่างเช่น เมื่อเสด็จฯ ไปทั้งในและนอกวัด ไม่ทรงสวมฉลองพระบาท เสด็จฯ ไปด้วยพระบาทเปล่าทุกหนแห่ง ทรงปฏิบัติกิจวัตรต่างๆ อย่างสมบูรณ์ ทรงรักษาเวลา เมื่อตีระฆังลงโบสถ์ทุกเช้าเย็น เวลา 08.00 น. และเวลา 17.00 น. ก็จะเสด็จลงโบสถ์ทันที”
ด้วยฐานะที่ทรงสนิทสนมคุ้นเคยกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตั้งแต่ครั้งที่ทรงพระผนวช ทำให้เจ้าพระคุณสมเด็จฯ ทรงเป็นที่เคารพนับถือของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นที่ยิ่ง ดังจะเห็นได้จากการที่ได้ทรงรับหน้าที่ถวายพระธรรมเทศนาแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระธรรมเทศนาที่เรียกว่า “พระมงคลวิเสสกถา” ซึ่งเป็นพระธรรมเทศนาพิเศษที่พระมหาเถระจะได้ถวายในพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา
ไม่เพียงแต่เจ้าพระคุณสมเด็จฯ จะได้รับความไว้วางพระราชหฤทัยในการปฏิบัติหน้าที่ในพระราชพิธีสำคัญๆ เท่านั้น หากแต่โดยส่วนพระองค์แล้ว ยังทรงมีความผูกพันใกล้ชิด และเป็นที่เคารพสักการะยิ่งของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ รวมถึงพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ดังสังเกตเห็นได้บ่อยครั้งที่ได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงบำเพ็ญพระราชกุศล หรือเสด็จมาทรงบำเพ็ญพระกุศลในวาระสำคัญต่างๆ ที่วัดบวรนิเวศวิหารอยู่เนืองๆ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชศรัทธาในเจ้าพระคุณสมเด็จฯ ยิ่งนัก ในเวลาที่ทรงปลีกพระองค์ได้จากพระราชกิจที่มีมากมายมหาศาล มักจะทรงขับรถยนต์พระที่นั่งด้วยพระองค์เอง เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ มาทรงสนทนาธรรมและบำเพ็ญพระราชกุศลเป็นการส่วนพระองค์อยู่เสมอ
เรื่องหนึ่งที่ไม่ค่อยมีผู้ใดได้ทราบนัก คือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงฟังแถบบันทึกเสียงการบรรยายธรรมต่างๆ ของเจ้าพระคุณสมเด็จฯ อยู่เสมอ และหากทรงทราบว่าผู้ใดกำลังศึกษาปฏิบัติธรรมอยู่ ก็จะพระราชทานสำเนาแถบบันทึกเสียงเจ้าพระคุณสมเด็จฯ แก่ผู้นั้น
พร้อมทั้งทรงแนะวิธีการฟังด้วย เช่น มีผู้หนึ่งกราบบังคมทูลพระกรุณาว่า เจ้าพระคุณสมเด็จฯ รับสั่งเป็นช่วงๆ ฟังไม่สนุก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชกระแสว่า อย่าคิดไปก่อนว่าเจ้าพระคุณสมเด็จฯ จะพูดว่าอย่างไร ถ้าเจ้าพระคุณสมเด็จฯ หยุดก็ให้หยุดด้วย เมื่อผู้นั้นนำไปปฏิบัติตามก็พบว่า สำเนาแถบเสียงนั้นเป็นธรรมบรรยายที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่งของเจ้าพระคุณสมเด็จฯ
ธรรมบรรยายของเจ้าพระคุณสมเด็จฯ บางเรื่องที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสดับศึกษาแล้วทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าหน้าที่ถอดความออกมาเป็นหนังสือ พร้อมทั้งทรงตรวจทานต้นฉบับด้วยพระองค์เอง แล้วพระราชทานเพื่อให้จัดพิมพ์เผยแพร่ คือเรื่อง สัมมาทิฏฐิ ตามพระเถราธิบายของท่านพระสารีบุตรเถระ
พร้อมทั้งพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ในการจัดพิมพ์ ด้วยทรงเห็นว่าธรรมบรรยายนี้มีประโยชน์ต่อการศึกษาพระพุทธศาสนาของประชาชนทั่วไป จึงสมควรได้เผยแพร่ให้กว้างขวาง


