posttoday

หอคอยงาช้าง?

08 ธันวาคม 2558

โดย...สมชาย สกุลสุรรัตน์

โดย...สมชาย สกุลสุรรัตน์

ผมชักเริ่มสงสัยตัวเองว่ากำลังอยู่ในหอคอยงาช้างอย่างที่คนไทยเขาว่า คนที่อยู่ในโลกของตัวเองจนไม่รับรู้ความเป็นจริงในสังคมหรือไม่ ทั้งที่แต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่เคยทำตัวให้ผิดมนุษย์เดินดินกินข้าวแกงกับเขา

สาเหตุที่ทำให้ผมตั้งคำถามให้ตัวเอง เพราะหลายวันก่อนมีโอกาสทักทายปราศรัยกับเจ๊เจ้าของหอพักข้างบ้านของผมแถวแยกลำสาลี ผมถือโอกาสพูดเอาใจแกว่าท่าทางจะรวยใหญ่ เพราะหอพักใหม่ที่สร้างตรงข้ามหอพักหลังเดิมคงมีคนมาเช่าอยู่เต็ม เหมือนหอพักหลังเดิม

เจ๊แกมองหน้าผมแล้วถามว่าสนใจไหม ถ้าสนใจแกจะขายหอพักให้ราคาไม่แพง ผมก็ถามว่าแกจะขายทำไม เพราะเคยเล่าให้ผมฟังว่ามีรายได้จากการให้เช่าหอพักห้องละ 2,500 กว่าบาท เดือนละ 2 แสนกว่าบาท หลังหักค่าใช้จ่าย สองหลังก็ 4 แสนกว่าบาททุกเดือนไม่ใช่หรือ

แกบอกว่าเป็นข้อมูลในอดีตเมื่อ 3-4 ปีที่แล้ว เพราะตอนนั้นมีนักศึกษาและคนทำงานออฟฟิศมาเข้าคิวรอเช่า แต่เดี๋ยวนี้มีคนเช่าไม่ถึง 70% ของห้องพักทั้งหมด และค่อยๆ ทยอยย้ายออกไป ที่เหลืออยู่ก็ค้างชำระค่าเช่า ต้องทวงเช้าทวงเย็น บางคนไม่มีงานทำ จับกลุ่มกินเหล้าให้เวลาผ่านไปวันหนึ่งๆ สร้างปัญหาให้แกอีกต้องคอยห้ามปรามไม่ให้ส่งเสียงดังรบกวนคนอื่น ครั้นจะให้ย้ายออกก็เสียดาย เพราะไม่มีใครมาเช่าอยู่แทน ยิ่งหอพักใหม่ที่เพิ่งจะสร้างเสร็จยิ่งมีคนมาเช่าอยู่ไม่ถึง 50% เพราะสร้างไว้ดี มีที่จอดรถ ติดอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง กุญแจส่วนตัวเข้าตัวอาคารและอะไรอีกมากมายผมจำไม่ได้ เพราะหวังว่าจะให้เช่าได้ราคากว่าหอพักเดิม แต่ปรากฏว่าพอถามราคาเสร็จ ขอเช่าหอเดิม หรือหายตัวไป เพราะไม่กล้าสู้ราคาห้องละ 3,500-4,000 บาท ห้องด้านล่างที่ทำให้คนเช่าทำร้านค้า ไม่มีคนมาเช่า บางรายมาทำธุรกิจนวดแผนโบราณบ้าง หมอดูบ้าง อยู่กันคนละไม่กี่เดือน ไม่มีเงินจ่ายค่าเช่าก็ต้องย้ายออกไป เลยปิดทิ้งไว้เฉยๆ เพราะไม่มีคนเช่า

ผมถามแกว่าเกิดอะไรขึ้น ทำให้คนมาเช่าหอพักแกน้อยลง และเก็บค่าเช่ายากขึ้น แกย้อนถามผมว่า คุณไม่รู้หรือว่าตอนนี้เศรษฐกิจไม่ดี คนเช่าที่ทำงานกินเงินเดือนต้องออกจากงาน คนที่ทำงานโรงงานเคยได้ค่าล่วงเวลา ตอนนี้ไม่ได้รับ รายได้จึงหดหาย ไม่มีเงินจ่ายค่าเช่าต้องย้ายออกไป

ผมฟังแกเล่าแล้วเลยขัดคอว่า บางทีคนเช่าย้ายออก เพราะเป็นหอพักเก่า บริการสู้คนอื่นไม่ได้ และเก็บค่าเช่าแพงกว่าหอพักใกล้เคียงหรือเปล่า แกท้าผมไปเดินถามหอพักแถวนั้นดู บางแห่งมีคนเช่าไม่ถึงครึ่ง และทุกแห่งเจอปัญหาเดียวกันกับแก

พูดกันมาถึงตรงนี้ ทำให้ผมสังเกตเห็นว่าเดี๋ยวนี้ในซอยที่มีคนเดินกันขวักไขว่ ค่อนข้างเงียบเหงาไปกว่าเดิม ร้านค้าเล็กๆ ที่ให้บริการประเภทซ่อมโทรศัพท์มือถือ ขายเวลาอินเทอร์เน็ต ทำผมแต่งเล็บ ร้านกาแฟสดก็เริ่มปิดตัวไป ที่เหลืออยู่มีคนมาใช้บริการน้อย ไม่คึกคักเหมือนเดิม

ที่ว่าผมคงจะเริ่มไม่สัมผัสชีวิตจริงของสังคมระดับหาเช้ากินค่ำนั้น เพราะหลังๆ เริ่มระวังสุขภาพ มักเข้าไปหาอาหารกินในร้านอาหารญี่ปุ่น อิตาเลียน เวียดนามบ้าง ในศูนย์การค้าประเภทคอมมูนิตี้มอลล์แถวบ้าน ที่น่าสังเกตคือ ร้านประเภทนี้มีลูกค้ามาใช้บริการอย่างคับคั่ง นอกจากสั่งอาหารมารับประทานแล้ว ยังสั่งไวน์ สั่งเบียร์มากินมาดื่ม ผมเลยคิดว่าเศรษฐกิจไทยคงจะฟื้นตัวแล้ว ไม่ออกมาเป็นรูปตัวแอลอย่างที่อาจารย์โกร่ง-วีรพงษ์ รามางกูร ท่านว่า ส่วนจะเป็นรูปตัววี หรือไนกี้ อันนี้ผมไม่อยากจะเดาเอาแค่ไม่เป็นรูปตัวแอลหรือรูปการเต้นของหัวใจคนไข้ในห้องไอซียูก็พอใจแล้ว

นอกจากนั้น ในสังคมเพื่อนฝูงก็มีการเลี้ยงรุ่น หาอาหารรสเลิศกินกันเป็นประจำ ในโซเชียลมีเดียมีการโพสต์รูปอาหารหรูๆ ไวน์ราคาแพงขวดละหลายหมื่นผ่านตาให้เห็น รวมทั้งรถซูเปอร์คาร์คันละหลายสิบล้านบาท ที่ผมก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมศูนย์การค้าบางแห่งถึงต้องให้อภิสิทธิ์จัดที่จอดรถให้เป็นพิเศษกว่าลูกค้าที่ขับรถยนต์ธรรมดาๆ เข้ามาซื้อสินค้าเหมือนกัน

บ่นมาตั้งนาน ขออภัยครับ แต่ที่อยากเล่าให้ฟังคือ บางทีการที่คนเราอยู่ในสังคมรอบตัวที่คุ้นเคย ก็สามารถทำให้ตัวเองหลุดไปจากโลกแห่งความจริงได้ รวมทั้งยังมีอีกหลายสังคมที่มีฐานะด้อยกว่า กำลังมีปัญหาต้องการความช่วยเหลือดูแลจากคนที่อยู่ในสังคมที่เหนือกว่า มีฐานะดีกว่า สามารถที่จะแบ่งปันให้คนในสังคมที่ด้อยกว่าได้ แต่มักจะไม่ได้ทำ เพราะเข้าใจว่าคนทุกสังคมมีความสุขอยู่ดีกินดีเหมือนตัวเองหรือคนในสังคมเดียวกัน

ที่ร้ายไปกว่านั้นคือคนในสังคม โดยเฉพาะสังคมของคนชั้นกลางชอบที่จะมองดูความฟุ้งเฟ้อ ฟุ่มเฟือยของคนชั้นสูง และพอใจเสพข่าวทั้งดีและเลวของคนในสังคมนั้น เช่น ถ้าเสี่ยคนไหนหมั้นดาราด้วยแหวนเพชรขนาดเท่าลูกปิงปอง รับรองว่าเป็นข่าวดังขึ้นหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ หรือแม้แต่การซื้อป้ายทะเบียนรถด้วยเงินเป็นสิบล้านบาทก็ยังเป็นข่าว ทั้งที่ข่าวใครจะหมั้นใคร จะแต่งกับใคร ด้วยแหวนเพชรขนาดไหน หรือใครจะซื้อป้ายทะเบียนรถไปบูชาด้วยราคาเท่าไร ก็ไม่ทำให้ใครอยู่ดีกินดีขึ้น นอกจากคนขายเพชรกับคนขายป้าย

ความจริง ถ้าเรื่องเจ๊เจ้าของหอพักเล่าให้ผมฟังเป็นความจริง ก็น่าสนใจกว่าเรื่องเสี่ยหมั้นดารา หรือบ้านคฤหาสน์หรูของใครที่เขาเอาใช้เป็นฉากถ่ายละครโทรทัศน์ที่มีคนเปิดให้ผมดูที่บ้านทุกวัน เพราะปัญหาเรื่องคนตกงานนั้นเป็นเรื่องใหญ่ เป็นเรื่องปากท้องของชาวบ้านโดยตรง

อย่างการที่ธนาคารกลางสหรัฐพิจารณาว่าจะปรับดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นหรือไม่ ตัวแปรหลักที่จะนำมาพิจารณาตัดสินใจคือ ตัวเลขว่างงาน และที่เขาจะปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นกลางเดือนนี้ เพราะตัวเลขการว่างงานของคนอเมริกาลดลงอย่างมีเสถียรภาพแล้วนั่นเอง

พูดถึงตรงนี้คงมีคนบอกให้ไปดูตัวเลขการว่างงานของไทยก่อนว่าเมืองไทยไม่มีปัญหาการว่างงาน ซ้ำยังขาดแคลนแรงงานจะต้องเอาคนต่างด้าวมาทำงานแทนหลายแสนคน ดังนั้น คงต้องคิดต่อว่าคนไทยที่ตกงานที่ทำอยู่ในปัจจุบันจะเข้าไปทำงานแทนคนต่างด้าวได้หรือไม่ ผมนึกไม่ออกจริงๆ ครับว่าคนทำงานในห้องแอร์จะไปทำงานในเรือประมงได้อย่างไร

เอาว่าข้อมูลของเจ๊ผิดก็แล้วกัน สบายใจดีครับ

ข่าวล่าสุด

ถ่ายทอดสด ไบรท์ตัน พบ ซันเดอร์แลนด์ พรีเมียร์ลีก วันนี้ 20 ธ.ค.68