ทวายโปรเจกต์ ยุทธศาสตร์การค้าโลก
ทวายเมกะโปรเจกต์ก่อให้เกิดจุดเปลี่ยนทางยุทธศาสตร์ของเอเชียแปซิฟิกในอนาคต
โดย...พิชญ์สินี ฐิติสมบูรณ์
ทวายเมกะโปรเจกต์ก่อให้เกิดจุดเปลี่ยนทางยุทธศาสตร์ของเอเชียแปซิฟิกในอนาคต เนื่องจากเป็นการพลิกโฉมทิศทางโลจิสติกส์หลักโดยมีไทยเป็นส่วนหนึ่งของสะพานเชื่อมระหว่างสองฟากฝั่ง และนับเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียมากที่สุดทั้งในเชิงภูมิศาสตร์และเศรษฐกิจ แต่ไทยต้องเร่งในเรื่องความเร็วและความสามารถในการพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการอย่างเร่งด่วน
ตั้งแต่กลางปี 2557 ที่ผ่านมา รัฐบาลไทยและเมียนมาได้บรรลุข้อตกลงร่วมกับรัฐบาลญี่ปุ่นเพื่อช่วยสนับสนุนทางการเงินและเทคโนโลยีให้กับทวายเมกะโปรเจกต์ ความตกลงโครงการครั้งนี้มีนัยสำคัญที่จะทำให้โครงการเดินหน้าและมีโอกาสสำเร็จลุล่วง นับตั้งแต่มีการยกระดับจากกลุ่มเอกชนขึ้นมาเป็นรัฐต่อรัฐในปีที่ผ่านมา และมีการดึงประเทศมหาอำนาจอย่างญี่ปุ่นเข้าร่วมด้วย ทำให้ทวายเมกะโปรเจกต์มีความพร้อมทั้งแหล่งเงินทุนและเทคโนโลยี และมีความสามารถที่จะผลักดันโครงการต่างๆ ให้เดินหน้าต่อได้อย่างเต็มรูปแบบ
ขณะนี้ได้มีการเริ่มงานก่อสร้างโครงการพัฒนาทวายในระยะแรกแล้ว ซึ่งประกอบไปด้วยนิคมอุตสาหกรรมที่เน้นอุตสาหกรรมแรงงานเข้มข้น ท่าเรือขนาดเล็กจำนวน 2 ท่า โรงไฟฟ้าขนาดเล็ก คลังเชื้อเพลิงปิโตรเลียมเหลว (LNG station) อ่างเก็บน้ำขนาดเล็ก ระบบโทรคมนาคม ที่อยู่อาศัยสำหรับแรงงาน และการก่อสร้างถนน 2 เลนมายังชายแดนไทย
ขณะเดียวกัน ในส่วนของไทยก็ได้มีการเตรียมความพร้อมเพื่อเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคมกับโครงการทวายโดยการสร้างทางรถไฟสายกาญจนบุรี-กรุงเทพฯ-แหลมฉบัง-สระแก้ว ซึ่งเป็นความตกลงร่วมระหว่างไทย-ญี่ปุ่น ทั้งนี้คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในต้นปี 2559
นอกจากนี้ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้เริ่มดำเนินการจัดทำแผนบูรณาการพัฒนา จ.กาญจนบุรี ให้เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจในภาคตะวันตก เพื่อรองรับการขยายตัวของเศรษฐกิจและเตรียมความพร้อมก่อนการเปิดทวาย
ความร่วมมือระหว่างประเทศทั้ง 3 ฝ่ายนี้ จะทำให้โครงการมีความคืบหน้าและมีโอกาสสำเร็จได้ตามวัตถุประสงค์ แม้ว่าโครงการนี้ยังต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อย 8 ปี แต่จะเป็นโครงการที่ทำให้เกิดการพลิกโฉมเส้นทางการค้าการลงทุนเส้นทางใหม่ของโลก
ทวายจะพลิกโฉมเส้นทางขนส่งและการค้าการลงทุนโลก โดยไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่จะได้รับประโยชน์จากโครงการนี้มากที่สุด ทั้งในเชิงภูมิศาสตร์และเศรษฐกิจ โดยในเชิงภูมิศาสตร์ ไทยได้เปรียบที่จะเป็นศูนย์กลางการขนส่งในกลุ่มภูมิภาคลุ่มน้ำโขงและเป็นทางผ่านหลักในการคมนาคมที่เชื่อมฝั่งทะเลจีนใต้สู่ทะเลอันดามันและมหาสมุทรอินเดีย การขนส่งจากจีนหรือเอเชียตะวันออกจะสามารถข้ามผ่านไทยเข้าสู่ท่าเรือน้ำลึกในทวาย ซึ่งลดระยะทางลงได้ 2,000 กิโลเมตร และลดระยะเวลาลง 3-5 วัน แทนการอ้อมผ่านช่องแคบมะละกา ทำให้ลดค่าใช้จ่ายในการขนส่งลงถึง 30%
เส้นทางดังกล่าวยังอำนวยความสะดวกให้สินค้าที่ผลิตในไทยสามารถขนส่งไปยังตลาดเอเชียใต้ ตะวันออกกลาง และยุโรปได้สะดวกมากขึ้นด้วยระยะทางของทวายที่ห่างจากชายแดนไทยเพียง 130 กิโลเมตร และจากกรุงเทพฯ 300 กิโลเมตร
นอกจากนี้ การเชื่อมต่อเส้นทางตรงไปในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง จะส่งผลดีต่อการขนส่งในการค้าชายแดนและการค้าระหว่างประเทศของไทยตามแนวพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจ ความเชื่อมโยงทางภูมิศาสตร์จะพลิกโฉมให้ไทยกลายเป็นศูนย์กลางในการขนส่งที่สำคัญในเอเชียแปซิฟิก
ขณะที่อีสเทิร์นซีบอร์ดของไทยก็สามารถใช้ประโยชน์เชื่อมโยงการขนส่งสินค้าไปยังตลาดในเอเชียแปซิฟิกและทวีปอเมริกาได้อีกทาง
ในแง่เศรษฐกิจ ไทยจะสามารถพัฒนาเป็นศูนย์กลางของห่วงโซ่การผลิตในภูมิภาค ไทยสามารถผลักดันการบูรณาการห่วงโซ่คุณค่าได้เป็น 3 ประเด็น คือ 1) ทรัพยากร โดยไทยสามารถใช้ประโยชน์จากเมียนมา ซึ่งเหมาะกับการเป็นฐานการผลิตอุตสาหกรรมแรงงานเข้มข้นและมีท่าเรือน้ำลึกไว้คอยอำนวยความสะดวกในการส่งออกไปยังภูมิภาคอื่นๆ
2) ภาษี เนื่องจากเมียนมาได้รับสิทธิภาษีจีเอสพี ซึ่งช่วยทำให้ได้เปรียบในการแข่งขันด้านต้นทุนสินค้า ทั้งนี้จึงเหมาะกับการขยายฐานการลงทุนที่ต้องส่งออกไปยังยุโรปและสหรัฐ
3) เรื่องของเขตเศรษฐกิจพิเศษของไทย ซึ่งสามารถผลักดันการบูรณาการเพื่อไปเกื้อกูลกับอุตสาหกรรมในทวายได้ เช่น ตั้งอุตสาหกรรมแรงงานเข้มข้นในทวาย อุตสาหกรรมชิ้นส่วนที่ต้องใช้แรงงานฝีมืออยู่ฝั่งไทย และมีอุตสาหกรรมลูกผสมที่ต้องใช้ทั้งแรงงานเข้มข้นและใช้เครื่องจักรตั้งตามเขตเศรษฐกิจพิเศษ ซึ่งสามารถที่จะดึงแรงงานจากเมียนมาและยังคงใช้สิ่งอำนวยความสะดวกและโครงสร้างพื้นฐานจากฝั่งไทยได้
ไม่ว่าห่วงโซ่คุณค่าแต่ละส่วนจะอยู่ในทวาย ในไทย หรือในเขตเศรษฐกิจพิเศษ ล้วนสามารถใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานทวายเมกะโปรเจกต์ได้ทั้งสิ้น และเมื่อโครงการเปิดใช้งานได้จริงในปี 2566 หรือในอีก 8 ปีโดยประมาณ จะก่อให้เกิดการเชื่อมโยงโครงข่ายการติดต่อระหว่างกันที่สะดวกยิ่งขึ้น และไทยจะกลายเป็นศูนย์กลางของเศรษฐกิจการค้าและการคมนาคมในภูมิภาคนี้
ฉบับหน้ามาดูว่าเราจะมีโอกาสอย่างไร...


