posttoday

รวบยกแก๊งปลอมใบมรณบัตรเศรษฐีนีจ้างฆ่าว่าที่ลูกสะใภ้

27 พฤศจิกายน 2558

กองปราบ แถลง รวบ ลูกสาว พร้อมพวก รวม 7 คน ปลอมใบมรณบัตร เศรษฐีนีจำเลยคดีจ้างวานฆ่าว่าที่ลูกสะใภ้

กองปราบ แถลง รวบ ลูกสาว พร้อมพวก รวม 7 คน ปลอมใบมรณบัตร เศรษฐีนีจำเลยคดีจ้างวานฆ่าว่าที่ลูกสะใภ้

เมื่อเวลา 11.30 น.วันที่ 27 พ.ย. ตำรวจกองปราบปรามขยายผลจับกุม 7 คนร้ายที่ร่วมกันปลอมแปลงหลักฐานการตายเพื่อช่วยเหลือผู้ต้องหาคดีฆาตกรรมไว้ได้แล้ว โดยจับกุม นายสมโภชน์ นวลพรหม อายุ 49 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 ต.นากระตาม อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร , นางกัสมา สังข์สม หรือทองสุข อายุ 52 ปี เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ต.นากระตาม อ.ท่าแซะ , นายสุรัตน์ คลี่บำรุง หรืออดีตพระมหาสุรัตน์ สุรเมธี อายุ 42 ปี , นางนิจยา นวลพรหม อายุ 46 ปี ภรรยานายสมโภชน์ , นายจรินทร์ หญีตป้อม อายุ 38 ปี อาสาสมัครกู้ภัย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 2412-22416/2558 ลงวันที่ 26 พฤศจิกายน 2558 ตามลำดับ

ทั้งนี้ สำหรับนายสมโภชน์ นางกัสมา นางนิจยา และนายจรินทร์ สามารถจับกุมได้ที่ ต.นากระตาม อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ส่วนนายสุรัตน์ หรืออดีตพระมหาสุรัตน์ จับกุมตัวได้ที่ ต.บางหมาก อ.เมือง จ.ชุมพร พร้อมกันนั้นได้รับมอบตัว น.ส.รัศมี จันทร์งาม อายุ 39 ปี และ น.ส.กรรฑิรา จันทร์งาม อายุ 44 ปี สองพี่น้อง ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 2409 และ 2411 /2558 ลงวันที่ 26 พฤศจิกายน 2558 ข้อหาร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงาน , ร่วมกันทำใช้หรือแสดงหลักฐานอันเป็นเท็จหรือกระทำการเพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นมีชื่อหรือรายการในทะเบียนบ้านหรือเอกสารทะเบียนราษฎรโดยมิชอบ , ร่วมกันแจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารมหาชน นอกจากนี้แจ้งได้ดำเนินคดีกับ น.ส.รัศมี เพิ่มเติมในข้อหา เบิกความอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีอาญาต่อศาล และนำสืบหรือแสดงเอกสารอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีอาญา

พล.ต.ต.อัคราเดช พิมลศรี ผู้บังคับการกองปราบปราม (ผบก.ป.) กล่าวว่า การจับกุมและรับมอบตัวผู้ต้องหาทั้งหมดรวม 7 รายในครั้งนี้ สืบเนื่องจากชุดสืบสวนกองกำกับการ 6 กองปราบปราม ได้ขยายผลจากกรณีจับกุมตัว นางจุรี จันทร์งาม อายุ 72 ปี อยู่บ้านเลขที่ 113 หมู่ 2 ต.นากระตาม อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสงขลา ที่ สช.75/2558 ลงวันที่ 24 มีนาคม 2558 ข้อหาจ้างวานฆ่าผู้อื่น และความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน ซึ่งเป็นผู้ใช้จ้างวานฆ่า น.ส.ริ้วแพร โชติการ อายุ 26 ปี  เภสัชกรโรงพยาบาลควนเนียง ที่กำลังตั้งครรภ์ 3 เดือน จนเสียชีวิตอย่างโหดเหี้ยม พร้อมกับนายอดิศร์ ประทีปทัศน์ พนักงานจัดยา เหตุเกิดภายในคลินิกเวชกรรมในพื้นที่ อ.ควนเนียง จ.สงขลา เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2550 โดยสาเหตุเป็นเพราะต้องการกีดกัน ไม่ยินยอมให้นายวิกรม จันทร์งาม อายุ 36 ปี บุตรชาย ได้แต่งงานกับ น.ส.ริ้วแพร ว่าที่ลูกสะใภ้

พล.ต.ต.อัคราเดช กล่าวต่อว่า ภายหลังเกิดเหตุตำรวจภูธร จ.สงขลา สามารถจับกุม นายนรินทร์ จันทร์ฉาย อายุ 36 ปี และนายจำนง คงสุวรรณ อายุ 40 ปี มือปืนที่ร่วมกันก่อเหตุซึ่งซัดทอดว่านางจุรี เป็นผู้จ้างวานด้วยเงิน 500,000 บาท ต่อมานางจุรี ได้ถูกจับกุมดำเนินคดีในชั้นศาล โดยระหว่างที่คดีอยู่ในชั้นฎีกา จำเลยได้วางหลักทรัพย์เป็นมูลค่า 5 ล้านบาท เพื่อขอประกันตัว จากนั้นเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2557 น.ส.รัศมี บุตรสาว ได้ยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดสงขลา ขอคืนเงินประกันโดยอ้างว่า นางจุรี มารดา เสียชีวิตลงแล้วด้วยอาการหัวใจวายเฉียบพลัน ที่บ้านพักใน ต.นากระตาม อ.ท่าแซะ มีการฌาปนกิจที่วัดมณีสพ ต.บางหมาก อ.เมือง จ.ชุมพร พร้อมกับแสดงใบมรณบัตร ที่ออกโดยฝ่ายปกครอง เป็นหลักฐาน

ผบก.ป.กล่าวอีกว่า อัยการจังหวัดสงขลาได้ยื่นต่อศาลเพื่อขอให้สืบพยานในคดี เนื่องจากไม่เชื่อว่านางจุรี เสียชีวิตจริง ส่วนพนักงานสอบสวนก็ได้รับร้องทุกข์จาก นางฤดีมาศ สิงห์มณี มารดาของ น.ส.ริ้วแพร ว่านางจุรี จำเลยในคดีนี้ ยังไม่เสียชีวิต กระทั่งชุดสืบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ จนพบข้อเท็จจริง ว่า น.ส.รัศมี ได้แจ้งย้ายทะเบียนบ้านของมารดาไปอยู่ที่บ้านเลขที่ 113 หมู่ 2 ต.นากระตาม อ.ท่าแซะ มีการแจ้งการตายกับนายสมโภชน์ เพื่อให้จดข้อความเท็จรับแจ้งการตาย และนำใบแจ้งตายดังกล่าวไปให้กับนางกัสมา เจ้าหน้าที่สาธารณสุข เพื่อลงบันทึกสาเหตุการตายจากหัวใจวายเฉียบพลัน โดยที่ไม่มีการตรวจประวัติการรักษาแต่อย่างใด

พล.ต.ต.อัคราเดช กล่าวต่อว่า จากนั้น น.ส.รัศมี และ น.ส.กรรฑิรา ร่วมกันนำเอกสารรับแจ้งการตาย ซึ่งทราบดีอยู่แล้วว่าเป็นเอกสารเท็จไปยื่นต่อนายทะเบียนอำเภอท่าแซะ ออกใบมรณบัตร นอกจากนี้ยังให้นายจรินทร์ เจ้าหน้าที่กู้ภัย ปลอมใบรับรองการฌาปนกิจศพนางจุรี ไปให้พระมหาสุรัตน์ รักษาการเจ้าอาวาสวัดมณีสพ ลงลายมือชื่อและประทับตราวัดดังกล่าว รับรองว่ามีการฌาปนกิจศพนางจุรี โดยกระบวนการออกเอกสารเท็จทั้งหมดได้ถูก น.ส.รัศมี นำไปยื่นคำร้องต่อศาลดังกล่าว อย่างไรก็ดี เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงแล้ว ต่อมาศาลฎีกาจังหวัดสงขลา ได้มีคำสั่งไต่สวนการตายของนางจุรี จนเป็นที่แน่ชัดว่านางจุรี ยังไม่ถึงแก่ความตาย โดยมีพฤติกรรมจงใจหลบหนีไม่มาฟังคำพิพากษา จึงอ่านคำพิพากษาลับหลัง ว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้อง สั่งปรับนายประกัน และมีการออกหมายจับจำเลยเอาไว้

“ทางชุดสืบสวนได้ติดตามตรวจค้นกดดันเพื่อจับกุมตัวนางจุรี มาดำเนินคดี จนที่สุดนางจุรี จึงตัดสินใจเข้ามอบตัวโดยปฏิเสธข้อกล่าวหาอ้างว่าถูกใส่ร้ายแต่ไม่ขอกล่าวถึงกรณีการออกใบมรณบัตรแจ้งการตายเพื่อหลบหนีความผิด และมีการขยายผลติดตามจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาที่ร่วมกระทำความผิด รวมทั้งบุตรสาวทั้งสองของนางจุรี ก็ยินยอมเข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวนในครั้งนี้” ผบก.ป.กล่าว

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีกับนายสมโภชน์ ในข้อหาแจ้งข้อความอันเป็นเท็จ , เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ , เป็นเจ้าพนักงานทำเอกสารเท็จ , แจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จ และร่วมกันทำลายพยานหลักฐานเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น ส่วนนางกัสมา และนายสุรัตน์ หรืออดีตพระมหาสุรัตน์ ดำเนินคดีข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และเป็นเจ้าพนักงานทำเอกสารเท็จ ขณะที่ นางนิจยา แจ้งข้อหาร่วมกันทำลายพยานหลักฐานเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น และนายจรินทร์ ดำเนินคดีข้อหาสนับสนุนให้เจ้าพนักงานทำเอกสารเท็จ , ปลอมเอกสารราชการ และร่วมกันทำลายพยานหลักฐานเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น โดยในชั้นสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 5 รายดังกล่าว ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา

ด้าน น.ส.รัศมี ให้การว่า เรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดตนเป็นคนคิดแผนการขึ้นเองเพราะต้องการช่วยเหลือมารดาที่ต้องโทษอยู่ โดยไม่มีใครร่วมขบวนการ แต่คงไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดวิธีการ สำหรับสาเหตุที่ทำอีกอย่างเป็นเพราะมารดาไม่ได้รับความเป็นธรรมในคดีที่เกิดขึ้น ต่อข้อถามว่า นายวิกรม บุตรชายของนางจุรี ก็เป็นผู้ให้ถ้อยคำต่อศาลเอง เกี่ยวกับกรณีนี้เหตุใดจึงเชื่อว่า นางจุรี ไม่ได้รับความเป็นธรรม ซึ่งทาง น.ส.รัศมี กล่าวว่า นั่นเป็นเพียงคำพูดของนายวิกรม เพียงคนเดียวเท่านั้น แต่พี่น้องต่างรับรู้ว่ามารดาถูกใส่ร้ายเรื่องนี้คงไม่ขอพูดอะไรมาก หลังจากนี้คงปล่อยให้เป็นหน้าที่ของทนายความในการต่อสู้คดี

สำหรับนางจุรี ขณะนี้ยังคงถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำจังหวัดสงขลา ตามคำพิพากษาศาลฎีกา อย่างไรก็ตามเมื่อทางพนักงานสอบสวนพิจาณาแล้วว่าเป็นผู้ใช้ให้กระทำความผิด จึงได้ยื่นคำร้องต่อศาลอาญา เพื่อออกหมายจับ ที่ 2410/2558 ลงวันที่ 26 พ.ย. 2558 อีกกระทงด้วยในข้อหา ใช้ให้ผู้อื่นกระทำผิดฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงาน , แจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารมหาชน และนำสืบหรือแสดงเอกสารอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีอาญา

 

ข่าวล่าสุด

4 หน่วยงานลุย "สะพานสมุย" พ่วงน้ำ-ไฟ-เน็ต แก้ปัญหาระยะยาว