จาก"ซิงเกิ้ลมัม" สู่แอดมินเพจ "คุณแม่ยังสวย"
เมื่อซิงเกิ้ลมัมสาวลุกขึ้นมาทำเพจ "คุณแม่ยังสวย" หวังส่งผ่านแรงบันดาลใจไปยังพ่อแม่คนอื่นๆ
เรื่อง...อินทรชัย พาณิชกุล / ภาพ...วีรวงศ์ วงศ์ปรีดี
ยอดผู้ติดตามกว่า 325,281 ไลค์ นับว่าไม่ธรรมดาเลยสำหรับเพจเฟซบุ๊กชื่อ "คุณแม่ยังสวย"
มองผิวเผินคล้ายจะเป็นเพจเน้นโชว์หน้าตาสะสวยของคุณแม่ยังสาว ไม่ก็อวดภาพลูกน้อยน่ารักๆให้คนได้ชื่นชม หารู้ไม่ว่านี่คือโลกใบเล็กของบรรดาคุณพ่อคุณแม่ไว้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการเลี้ยงดูบุตร ปรึกษาสารพัดปัญหาชีวิตครอบครัว ยันให้กำลังใจกันและกัน
ไม่มีคุณหมอใจดี ไม่มีนักจิตวิทยาผู้เชี่ยวชาญด้านเด็กคอยตอบคำถาม มีแต่คำแนะนำจากประสบการณ์ตรงของคนเป็นพ่อเป็นแม่ที่กลั่นจากเรื่องราวสุขทุกข์คลุกเคล้ากันไปตามประสาคนมีลูก
คุณแม่ยังสวย
"เราเป็นแค่แม่คนหนึ่งที่ชอบถ่ายรูปและโพสต์รูปลูกลงเฟซบุ๊ก พอเห็นรูปน่ารักๆของลูกเพื่อน เลยเกิดไอเดียอยากจะตั้งกลุ่มขึ้นมาไว้สำหรับแชร์รูปลูก พูดคุยปรึกษากันเรื่องเลี้ยงลูก ให้เป็นชุมชนเล็กๆของคุณแม่ทั้งหลายก็คงจะดี"
นี่คือจุดเริ่มต้นของการตั้งเพจเฟซบุ๊กคุณแม่ยังสวย จากใจของแอดมินเพจคุณแม่ลูกหนึ่งอย่าง "ซี พงษ์ธนานิกร"
คุณแม่คนสวยเล่าให้ฟังว่า ช่วงแรกมีคุณพ่อคุณแม่เข้ามาโพสต์ภาพความน่ารักไร้เดียงสาของลูกน้อยให้คนอื่นๆมากดไลค์ ต่อมาเริ่มมีคนตั้งคำถามเกี่ยวกับการเลี้ยงดูลูก จนพักหลังกลายเป็นขอคำปรึกษาเรื่องชีวิตคู่ ชีวิตครอบครัว
"ปัญหาเรื่องการเลี้ยงลูกนี่มีเยอะมากๆ กว่าจะโตขึ้นมาได้มีปัญหาให้แก้ทุกวัน เช่น ลูกดื้อไม่ยอมทานข้าว ลูกไม่ยอมทำการบ้าน โดนเพื่อนที่โรงเรียนแกล้ง แม่บางคนอุ้มลูกออกไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะแล้วเจอแมลงต่อยจนแขนบวม ก็โพสต์มาถามว่าทำยังไงดี พร้อมถ่ายรูปส่งมาให้ดู ทุกคนก็ช่วยกันตอบ บ้างบอกว่าให้หายาตัวนั้นตัวนี้มาทา บ้างแนะนำให้ไปหาหมอที่โรงพยาบาลที่นั่นที่นี่ เพจนี้ไม่มีคุณหมอผู้เชี่ยวชาญด้านการเลี้ยงลูก ไม่มีนักจิตวิทยาเกี่ยวกับเด็กและครอบครัวมาให้ความรู้เชิงวิชาการ คำตอบมาจากประสบการณ์ตรงของคนเป็นพ่อเป็นแม่ล้วนๆ แต่ละคนก็มีวิธีแตกต่างกัน ข้อดีคือทุกคนได้ถกเถียง แลกเปลี่ยนเรียนรู้ เพราะเชื่อว่าการเลี้ยงลูกไม่มีสูตรสำเร็จตายตัวค่ะ"
ผู้ติดตามเพจกว่า 80 % ล้วนเป็นคุณแม่ ทั้งมือใหม่ป้ายแดงที่มีลูกวัยทารก วัยกำลังซน จนถึงคุณแม่รุ่นเก๋าประสบการณ์โชกโชน อีก 10 % เป็นคุณพ่อ ที่เหลือ 10 % คือ คนทั่วไปที่ยังไม่มีลูกแต่สนใจใคร่รู้เรื่องเด็ก เข้ามาสอดส่องหาประสบการณ์ ตระเตรียมข้อมูลไว้ใช้ในวันข้างหน้า
"เนื้อหาหลักแบ่งเป็น 5 หัวข้อ 1.โชว์รูปน่ารักๆของลูก 2.แลกเปลี่ยนประสบการณ์การเลี้ยงลูก 3.ปรึกษาปัญหาชีวิตคู่ ชีวิตครอบครัว 4.ให้กำลังใจกันโดยเฉพาะกลุ่มซิงเกิ้ลมัมและซิงเกิ้ลแด้ด แต่ละวันมีคนเขียนเรื่องส่งมาทางอินบอกซ์เยอะมากไม่หวาดไม่ไหว เราไม่สามารถตอบได้ทุกคำถามก็เลยใช้วิธีพิจารณาว่าต้องเป็นเรื่องจริง ไม่หยาบคาย ไม่โจมตีใคร แล้วปรับแต่งถ้อยคำให้สวยๆ อ่านง่าย น่าสนใจ ก่อนนำไปแปะหน้าวอลล์ให้คนเข้ามาช่วยกันระดมความคิดเห็น"
ไขปัญหาชีวิตคู่
กว่าสองปีเต็มในการปลุกปั้นเพจนี้จนโด่งดังเป็นที่รู้จักในโลกโซเชียล ประสบการณ์ตรงนี้ทำให้ซีเข้าใจชีวิตมากขึ้น
"การรับฟังปัญหาชีวิตของพ่อแม่มากมายนับไม่ถ้วน ทำให้เราเข้าใจหัวอกของคนเป็นแม่ หัวอกความเป็นผู้หญิงอย่างแท้จริง มีทั้งเศร้า รันทด สะเทือนใจ น่าสงสาร หดหู่ เจ็บปวดแสนสาหัส ชีวิตคนเรานี่ยิ่งกว่านิยายเสียอีก ใครไม่เป็นผู้หญิงเป็นแม่ไม่มีวันรับรู้ถึงความทุกข์ที่ต้องแบกรับภาระในการเลี้ยงลูก บางคนเจอสามีนอกใจ โดนซ้อมแต่ยังยืนหยัดเลี้ยงลูก หัวใจเธอเข้มแข็งและน่ายกย่องมาก มันทำให้รู้สึกว่าปัญหาที่เราเจอมันจิ๊บจ๊อยมาก บางทีฟังๆอยู่ก็น้ำตาก็ไหลเพราะสงสารเด็ก พ่อแม่ทะเลาะตบตีกัน บ้านแตกสาแหรกขาด คนที่รับเคราะห์คือลูก เขาไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ไม่รู้เรื่องอะไรด้วย แต่ต้องมาได้รับผลกระทบอย่างใหญ่หลวงจากการกระทำของผู้ใหญ่"
ซียกตัวอย่างประสบการณ์จริงของคุณแม่ที่เธอไม่มีวันลืม เรื่องแรก คุณแม่ลูกอ่อนวัย 5 เดือน ประสบอุบัติเหตุรถคว่ำจนทำให้สามีซึ่งเป็นคนขับและลูกเสียชีวิต คุณแม่รายนี้ส่งรูปครอบครัวมาให้ดูพร้อมเล่าว่า ทุกวันนี้ข้าวของทุกสิ่งทุกอย่างภายในบ้านยังคงอยู่เหมือนเดิม กรอบรูปที่มีสามพ่อแม่ลูกกำลังยิ้มสดใส ขวดนม ผ้าอ้อม แม้กระทั่งน้ำนมยังไหลจากอกยังอยู่ครบ แต่ไม่มีสามีกับลูกอีกต่อไปแล้ว ซีรับฟังทั้งน้ำตาพลางให้กำลังใจ
เรื่องที่สอง หญิงสาวรายหนึ่งส่งภาพตัวเองใบหน้าบวมช้ำไม่ต่างจากนักมวยเพิ่งลงจากเวที หลังโดนสามีทำร้ายอย่างรุนแรง ซีบอกว่าในฐานะผู้หญิงด้วยกัน รู้สึกโกรธมาก ทั้งที่เตือนตัวเองอยู่เสมอว่าห้ามยุ่งเรื่องชาวบ้าน สุดท้ายหลังจากผ่านการไตร่ตรองเป็นอย่างดี เธอตัดสินใจแนะให้ลูกเพจคนนี้แจ้งความดำเนินคดีกับสามี
เรื่องที่สาม เรื่องของคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวรายหนึ่งที่ตั้งหน้าตั้งตาทำมาหากินอยู่กรุงเทพฯ แต่ทุกวันหยุดเสาร์อาทิตย์เธอจะตีตั๋วรถไฟลงมาปัตตานี เพื่อมาพบหน้าลูก กอดลูก หอมแก้มลูกที่ฝากไว้ให้ยายเลี้ยง ระยะเวลาไม่กี่ชั่วโมงที่ได้อยู่กับลูกเมื่อเทียบกับหนึ่งพันกิโลเมตรที่ต้องเดินทางไกล มันคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม เคสนี้สะท้อนให้เห็นความรักอันยิ่งใหญ่ของแม่ที่มีต่อลูกโดยปราศจากเงื่อนไข
"เพจคุณแม่ยังสวยเปรียบเสมือนที่พึ่ง การที่คนแปลกหน้าที่ไม่รู้จักสนิทสนมกันมาก่อน กล้าเอาเรื่องส่วนตัวมาบอกเล่าระบายให้ฟัง กล้าเอาประสบการณ์ตัวเองมาเป็นบทเรียนให้คนอื่น แสดงว่าเขาไว้ใจเรา เพราะฉะนั้นถ้าสามารถจะช่วยอะไรเขาให้รู้สึกดีขึ้นได้ เราก็ยินดีช่วยสุดความสามารถค่ะ"
ความในใจจากซิงเกิ้ลมัม
นอกจากรับฟังและคอยให้คำปรึกษาปัญหาชีวิตแก่เหล่าคุณพ่อคุณแม่ทั้งหลาย แอดมินเพจคุณแม่ยังสวยบอกอีกว่า การทำหน้าที่ตรงนี้ยังสะท้อนถึงประเด็นทางครอบครัวซึ่งกำลังปรากฎให้เห็นเด่นชัดขึ้นในยุคนี้ นั่นคือ ทุกวันนี้มีซิงเกิ้ลมัม และซิงเกิ้ลแด้ดเยอะขึ้นกว่าเมื่อก่อน
"จากการทำเพจคุณแม่ยังสวย ทำให้เห็นอีกอย่างว่าทุกวันนี้มีซิงเกิ้ลมัม ซิงเกิ้ลแด้ดเยอะมาก บางทีที่เห็นๆจากรูปโปรไฟล์ จากภาพที่โพสต์บนเฟซบุ๊ก เบื้องหลังมีถึง 20 % หรือเปล่าก็ไม่รู้ที่ไม่มีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งกัน อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันพ่อแม่ลูก โดยส่วนตัวมองว่าสาเหตุที่ปัจจุบันมีซิงเกิ้ลมัมเยอะขึ้น เนื่องจากสมัยนี้ผู้หญิงเก่งขึ้น ไม่ง้อผู้ชาย ผู้ชายเจ้าชู้ไม่ใช่เรื่องใหม่ มีมานานนับร้อยๆปีแล้ว แต่ผู้หญิงต่างหากที่เปลี่ยนไป ไม่ใช่ช้างเท้าหลัง ไม่เลี้ยงลูกอยู่กับบ้านรอคอยความช่วยเหลือจากสามีอีกต่อไปแล้ว ผู้หญิงเข้มแข็งขึ้นกว่าเมื่อก่อน ไม่จำเป็นต้องมานั่งง้อใคร สังคมไทยสมัยนี้ยอมรับซิงเกิ้ลมัมมากขึ้น มองว่าไม่ใช่เรื่องน่าอาย ไม่ได้น่าสงสาร หรือเป็นตราบาป แต่เขามองซิงเกิ้ลมัมว่าเข้มแข็ง เก่ง น่ายกย่องมากกว่า"
ในฐานะแอดมินเพจที่มีผู้ติดตามนับแสนคน เธอเชื่อว่าการที่ซิงเกิ้ลมัม ซิงเกิ้ลแด้ดออกมาโพสต์รูปกับลูกๆด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความสุข ยิ้มแย้มสดใส และมั่นอกมั่นใจ สามารถเรียกเสียงชื่นชมและถ้อยคำกำลังใจจากคนอื่นๆได้อย่างท่วมท้นล้นหลาม ขณะเดียวกันภาพดังกล่าวก็ส่งพลัง ส่งแรงบันดาลใจไปยังคนอื่นๆด้วยอย่างคาดไม่ถึง
"ความสุขของการทำเพจนี้คือ เวลาคนที่มีปัญหาส่งเรื่องเข้ามา แล้วเราลงให้เขา ก็จะมีคนช่วยกันให้คำแนะนำ ให้กำลังใจ ทำให้เขารู้สึกดีขึ้น มีพลังในการต่อสู้ชีวิตต่อไป ที่สำคัญความเข้มแข็งของเขาเองก็พลอยทำให้พวกเรามีความสุข และได้รับแรงบันดาลใจไปด้วยค่ะ"
ทั้งหมดนี้คือวีรกรรมอันน่าประทับใจของผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่ง ผู้ปลุกปั้นเพจ "คุณแม่ยังสวย"จนโด่งดังขจรขจายไปทั่วโลกออนไลน์ ภายใต้ความหวังว่าอยากจะให้กำลังใจพ่อแม่ทุกคนให้ทำหน้าที่เลี้ยงดูลูกให้ดีที่สุด เท่าที่พ่อแม่คนหนึ่งพึงจะทำได้เท่านั้นเอง


