posttoday

รางวัล-สินบนนำจับ ใบเสร็จฉ้อราษฎร์ (2)

02 พฤศจิกายน 2558

โดย...สมผล ตระกูลรุ่ง

โดย...สมผล ตระกูลรุ่ง

การกำหนดให้มีการจ่ายเงินรางวัลและสินบนนำจับ น่าจะมาจากความต้องการปราบปรามผู้กระทำความผิดให้ได้ผล เป็นการสร้างแรงจูงใจให้กับข้าราชการและผู้เกี่ยวข้อง

เงินสินบน เป็นเงินที่จ่ายให้กับประชาชนทั่วไปที่ช่วยเหลือให้มีการจับกุมผู้กระทำผิด เช่น การแจ้งเบาะแส การชี้ตัวผู้กระทำผิด เงินรางวัล เป็นเงินที่จ่ายให้กับเจ้าหน้าที่ของรัฐ ที่ดำเนินการจับกุม ดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด

ความแตกต่างของเงิน 2 ประเภท เห็นได้ชัดว่า เงินสินบน เป็นการจ่ายให้กับผู้ที่ไม่มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวข้อง ไม่ใช่ผู้ถือกฎหมายที่จะดำเนินการกับผู้ทำความผิด ไม่ได้รับเงินเดือนค่าตอบแทนใดๆ จากเงินงบประมาณแผ่นดินในหน้าที่การปราบปรามผู้กระทำผิดนั้นๆ แต่เป็นบุคคลภายนอกที่เข้ามาช่วยเหลือราชการในการจับกุมดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด แต่เงินรางวัลนั้นจ่ายให้กับเจ้าหน้าของรัฐ หรือข้าราชการ ซึ่งมีหน้าที่โดยตรงในการดำเนินการปราบปรามการกระทำความผิด สมัครใจเข้ามาทำหน้าที่โดยไม่มีใครบังคับ สมัครเข้ามาทำงานโดยรู้อยู่แล้วว่าจะได้รับค่าตอบแทนเท่าใด มีหน้าที่อย่างใด  เป็นผู้ที่มีอำนาจบังคับใช้กฎหมาย ในบางหน่วยงานมีอำนาจใช้อาวุธในขณะปฏิบัติหน้าที่ได้ด้วย และเป็นผู้ที่รัฐให้การคุ้มครองดูแล ได้รับค่าตอบแทนจากรัฐ หรือที่เรียกกันง่ายๆ ว่า เงินหลวง ใช้เครื่องมือต่างๆ จากหลวง ยามเจ็บไข้ได้ป่วย หลวงก็จ่ายให้ และไม่ได้จ่ายให้แต่ตัวข้าราชการเท่านั้น ยังให้การดูแลถึงครอบครัวด้วย และแม้ปลดเกษียณไม่ต้องทำงานแล้ว หลวงก็ยังให้การดูแล 

เงินรางวัลและสินบนนำจับ มีกำหนดจ่ายให้กับเจ้าหน้าที่ในหลายหน่วยงาน กรมศุลกากร เป็นหน่วยงานใหญ่ที่รู้จักกันดี นอกจากนี้ยังมีเงินค่าปรับจากการจราจร การพนัน ด้านสรรพสามิต เป็นต้น

ในบรรดาหน่วยงานที่ได้รับเงินรางวัลนำจับ กรมศุลกากรเป็นหน่วยงานที่ได้มากที่สุด ยิ่งเศรษฐกิจดี การนำเข้า-ส่งออกมาก รายได้ยิ่งมาก เพราะอัตราเงินสินบน-รางวัลนำจับ สูงถึง 55% ได้มากกว่าภาษีเข้าคลังเสียอีก

มีผู้รวบรวมจำนวนเงินรางวัลนำจับของกรมศุลกากรไว้ในช่วงเวลา 12 ปี ระหว่างปี 2542-2553 มีผู้ประกอบการยอมจ่ายค่าปรับให้กรมศุลกากร คิดเป็นเงินกว่า 3.5 หมื่นล้านบาท จึงเป็นเงินรางวัลนำจับให้เจ้าหน้าที่และสายสืบ เป็นเงินมากกว่า 15,343 ล้านบาท เจ้าหน้าที่ที่ได้รับเงินจำนวนนี้ไม่เกิน 300 คน ส่วนสายสืบนั้นไม่มีข้อมูล มีแต่เสียงกระซิบว่า สายสืบส่วนใหญ่ไม่มีจริง ที่เห็นนั้นเป็นสายสืบเทียม แม้การตามเรียกเก็บภาษีจะไม่มีสายสืบ แต่เจ้าหน้าที่จะสร้างสายสืบขึ้นมารับ เพื่อให้ได้เงินสินบน-รางวัลนำจับ ครบ 55%

ท่านปลัดอู้-สมชัย สัจจพงษ์ แห่งกระทรวงการคลัง น่าจะทราบข้อมูลเป็นอย่างดี เพราะท่านวนเวียนเข้าไปคุมกรมศุลกากรถึง 2 สมัย และท่านน่าจะเป็นผู้หนึ่งที่มีชื่อ 1 ใน 300 ที่รอรางวัลนำจับอีกจำนวนมาก

ทั้งนี้ เพราะอธิบดีกรมศุลกากรทุกท่าน จะมีชื่อในการจับกุม ตรวจสอบ ผู้หนีภาษีทุกราย ทุกคดี ไม่ว่าคดีจะเกิดขึ้นที่ไหน

จำนวนเงินกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท ในเวลา 12 ปี เฉลี่ยปีละกว่า 1,000 ล้านบาท เป็นจำนวนเงินมากพอที่จะสร้างความเจริญให้กับประเทศ

เงินสินบน-รางวัลนำจับ กฎหมายไม่ได้จำกัดว่าจะต้องมาจากการเสี่ยงชีวิตกลางทะเล หรือตะเข็บชายแดนตามป่าเขา ด้วยเหตุนี้เจ้าหน้าที่ศุลกากรกลุ่มหนึ่ง จึงใช้วิธีการจับผิดแทนการจับกุม โดยนั่งห้องแอร์ตรวจสอบการเสียภาษีว่ามีช่องทางตามกฎหมายศุลกากรที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ ที่สามารถตีความเอาผิดกับผู้ประกอบการได้หรือไม่ โดยไม่ต้องเป็นกรณีผิดชัดๆ เพียงแต่หากสามารถตีความให้ผิดได้ แม้จะเป็นการตีความแบบเอาสีข้างเข้าถู ตีความตามกฎกู แบบศรีธนญชัย ก็จะเรียกประเมินภาษี เพราะรู้ดีว่าผู้ประกอบการไม่อยากมีเรื่องกับกรมศุลกากร โดยเฉพาะผู้ประกอบการชาวต่างชาติ

หากเป็นกรณีมีเจตนาชัดเจนเพื่อหลีกเลี่ยงภาษี ก็น่าสรรเสริญ แต่หากมีเจตนาตีความเพื่อให้ผู้ประกอบการสุจริตต้องเสียภาษี โดยใช้อำนาจตามกฎหมาย ตีความให้เป็นความผิดให้ได้ กรณีอย่างนี้ย่อมไม่ต่างไปจากโจรในเครื่องแบบ เป็นโจรที่ชั่วร้ายกว่าโจรทั่วๆ ไป เป็นการทุจริตโดยมีใบเสร็จ

เงินสินบน-รางวัลนำจับ ที่เจ้าหน้าที่ได้รับ เข้าใจว่าเป็นรายได้ที่ไม่ต้องเสียภาษี ตามที่กรมสรรพากรได้ตอบข้อหารือในกรณีการจ่ายตามกฎหมายฟอกเงิน โดยวินิจฉัยไว้ว่า “เงินสินบนและเงินรางวัลที่สำนักงานฯ จ่ายให้ผู้แจ้งความนำจับหรือเจ้าพนักงานผู้ทำการสืบสวนหรือจับ หรือพนักงานสอบสวน ในคดีความผิดมูลฐานหรือความผิดฐานฟอกเงินเข้าลักษณะเป็นเงินสินบนรางวัลที่ทางราชการจ่ายให้เพื่อประโยชน์ในการปราบปรามการกระทำความผิด เงินได้ดังกล่าวจึงได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ตามมาตรา 42 (11) แห่งประมวลรัษฎากร และนอกจากกรณีที่บัญญัติไว้ในมาตรา 42 (11) แห่งประมวลรัษฎากร กรมสรรพากรก็มิได้กำหนดระเบียบหลักเกณฑ์ หรือวิธีการใดเพื่อใช้บังคับในกรณีดังกล่าวแต่อย่างใด”

การขยันโดยทุจริตของข้าราชการกรมศุลกากรบางคน (ขอเน้นว่าบางคนนะครับ เพราะคนที่ดีๆ ยังมีอยู่) สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้ประกอบการผู้สุจริตจำนวนมาก เท่าที่ทราบ ผู้ประกอบการจากญี่ปุ่นซึ่งเป็นผู้ลงทุนด้านอุตสาหกรรมรายใหญ่ จำใจยอมเสียภาษีและค่าปรับจากขบวนการเหล่านี้มานานแล้ว จนปัจจุบันจำนวนภาษีที่ถูกเรียกร้องมีจำนวนสูงมาก ดังกรณีรายบริษัท โตโยต้าฯ ซึ่งจะเป็นกรณีศึกษาที่ภาครัฐจะต้องลงมาปฏิรูประบบการทำงานของกรมศุลกากรให้โปร่งใส

เมื่อปี 2552 สภาหอการค้า สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ได้นำปัญหานี้เข้าหารือกับรัฐบาล และได้ผลักดันให้รัฐบาลแก้ไขกฎหมายให้เกิดความเป็นธรรมกับผู้ประกอบการ แต่ยังไม่ทันได้เสนอแก้ไขกฎหมาย รัฐบาลปูแดงก็มีอันเป็นไปเสียก่อน 

ในความเป็นจริงแล้ว ในเบื้องต้นปัญหานี้สามารถแก้ไขโดยผู้บริหารของกรมศุลกากรได้  แต่ใครก็ตามที่แม้จะรู้ปัญหา พอเข้ารับตำแหน่ง ก็จะมีชื่อเป็นผู้รับประโยชน์ก้อนโตจากรางวัลนำจับ ก็จะมองไม่เห็นปัญหา ไม่คิดจะแก้ไข ไม่ยับยั้งขบวนการที่เป็นเหลือบในกรมศุลกากร แม้จะมีอำนาจแก้ไขได้ก็ตาม

ปัญหาในกรมศุลกากร จึงจำเป็นต้องใช้อำนาจพิเศษ เพราะไม่ยอมแก้ไขกันเอง

ข่าวล่าสุด

โปรแกรมบอลวันนี้ ดูบอลสด ถ่ายทอดสด ผลบอลสด วันอังคารที่ 23 ธ.ค. 68