สารเคมีรั่วรมสาวโรงงานอยุธยา300ชีวิต
พ่อเมืองกรุงเก่าประกาศให้พื้นที่โรงงานผลิตเครื่องประดับในนิคมฯไฮเทคเป็นเขตอันตราย หลังสารเคมีรั่วทำคนงานหญิงกว่า300ชีวิตได้รับบาดเจ็บ
พ่อเมืองกรุงเก่าประกาศให้พื้นที่โรงงานผลิตเครื่องประดับในนิคมฯไฮเทคเป็นเขตอันตราย หลังสารเคมีรั่วทำคนงานหญิงกว่า300ชีวิตได้รับบาดเจ็บ
เกิดเหตุระเบิดที่ถังบรรจุสารเคมีหลังอาคารโรงงานฝั่งทิศตะวันตกของโรงงานผลิตเครื่องประดับเพชรพลอยส่งต่างประเทศรายใหญ่ของ บริษัท แมรี่กอท จิวเวลรี่ (ประเทศไทย ) จำกัด ภายในนิคมอุตสาหกรรมไฮเทค ถนนสายเอเชีย เลขที่ 200 ม.1 ต.บ้านเลน
อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยาและพบว่าสารเคมีอันตรายที่บรรจุอยู่ภายในได้รั่วไหลออกมาอย่างรุนแรงทำให้คนงานกว่า 8,000 คนที่กำลังทำงานอยู่ต้องวิ่งหนีตายเอาชีวิตรอด
โดยเบื้องต้นพบว่าคนงานกว่า 300 คนส่วนใหญ่เป็นสาวโรงงานที่สูดดมสารเคมีดังกล่าวเข้าไปได้รับบาดเจ็บจนต้องถูกนำส่งโรงพยาบาลหลายแห่งในเขต จ.พระนครศรีอยุธยา เช่น รพ.บางปะอิน , รพ.นวนคร 2 , รพ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งพนักงานที่บาดเจ็บทั้งหมดมีอาการคล้ายกันคือ ช็อค หมดสติ ร่างกายเกร็งและกระตุก บางรายไม่รู้สึกตัว
ขณะที่บางรายมีอาหารหายใจไม่ออก ปวดตามเนื้อตัวอย่างรุนแรง ทางแพทย์ได้เร่งให้การรักษาอย่างเร่งด่วนแต่ก็เต็มไปด้วยความสับสนเพราะคนไข้แต่ละคนอาการหนักและมีคนไข้จำนวนมากอย่างไรก็ตามขณะนี้ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตแต่อย่างใด
นายวิทยา ผิวผ่อง ผู้ว่าราชการ จ.พระนครศรีอยุธยา สั่งการด่วนให้ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด , อำเภอรวมถึงหน่วยงานอุตสาหกรรมจังหวัด , สาธารณสุขจังหวัด ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งเข้าตรวจสอบในพื้นที่เกิดเหตุจนสามารถหยุดการฟุ้งกระจายของสารเคมีได้แล้ว
ล่าสุดได้ประกาศเขตโรงงานดังกล่าวเป็นเขตอันตรายและให้หยุดกิจการทันทีจนกว่าเหตุการณ์จะคลี่คลายหรือมีการตรวจสอบอย่างละเอียดแล้วซึ่งพบว่าที่เกิดเหตุเป็นโรงงานขนาดใหญ่ ผลิตเครื่องประดับประเภทเพชรพลอย ให้กับตราสินค้าชื่อดังของยุโรปและอเมริกา มีพนักงานรวม8,000 คน โดยเป็นโรงงานร่วมทุนระกว่างต่างประเทศและไทยทั้งนี้พบว่าถังหรือหม้อบรรจุสารเคมีนี้ใช้สำหรับชุบเครื่องประดับ
โดยติดตั้งอยู่ในสายการผลิตที่ 3 ซึ่งกำลังมีการต่อเติมก่อสร้างขยายสายพานการผลิตที่ 3เบื้องต้นพบว่าระหว่างการก่อสร้างต่อเติมนั้นไปกระทบต่อถังหรือหม้อบรรจุสารเคมีจนเกิดการระเบิดและสารเคมีรั่วไหลออกมาจนมีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก ขณะนี้ทางจังหวัดกำลังตรวจสอบอย่างละเอียดว่าสารเคมีดังกล่าวคือสารอะไรและมีอันตรายเฉพาะหน้าอย่างไรรวมถึงมีพิษตกค้างอย่างไร
นายกฤตดนัย เส้นหมัน อายุ 30 ปี ช่างประจำโรงงาน กล่าวว่า ตนเองได้รับแจ้งสารเคมีรั่วที่สายการผลิตที่ 3 เมื่อไปตรวจสอบก็พบว่าได้กลิ่นของสารเคมีอย่างรุนแรง และก็ช๊อคหมดสติไป
ด้าน นพ.สุพรรณ ศรีธรรมมา โฆษกกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า สธ.ได้ส่งชุดปฏิบัติการขั้นสูงและขั้นพื้นฐานจากโรงพยาบาลนพรัตน์ราชธานี และทีมจากโรงพยาบาลในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมรถพยาบาลฉุกเฉินออกไปช่วยเหลือผู้บาดเจ็บที่โรงงานเกิดเหตุ พร้อมประสานกรมควบคุมมลพิษแล้ว ขณะนี้ยังไม่ทราบชัดเจนว่าสารเคมีที่รั่วไหล เป็นสารปรอทหรือไม่ ต้องรอผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการจากกรมควบคุมมลพิษ
ทั้งนี้เบื้องต้นมีผู้ป่วยทั้งหมด 65 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต ผู้ป่วยส่วนใหญ่มีอาการวิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้อาเจียน แน่นหน้าอก ชักเกร็ง หายใจติดขัด ชาที่นิ้วมือนิ้วเท้า ทีมแพทย์กู้ชีพนำส่งรักษาตัวในโรงพยาบาล 4 แห่ง หลังจากที่แพทย์ให้การรักษาและอาการดีขึ้นจึงให้กลับบ้านได้ 13 ราย คงเหลือนอนโรงพยาบาล 52 ราย โดยอยู่ที่โรงพยาบาลนวนคร 2 จำนวน 46 ราย ในจำนวนนี้อาการหนัก 4 ราย แต่ทุกรายรู้สึกตัวดีและหายใจเองได้ อีก 6 รายอยู่ที่โรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา
นพ.สุพรรณ กล่าวอีกว่า ประชาชนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงหรือคนงานที่ทำงานในโรงงาน หากหลังจากนี้มีอาการแน่นหน้าอก หายใจติดขัด วิงเวียนศีรษะ ขอให้รีบพบแพทย์ที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน โดยในวันที่16 ก.ค. สธ.จะส่งเจ้าหน้าที่จากสำนักงานควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม กรมควบคุมโรค จำนวน 1 ทีมเพื่อประเมินสถานการณ์และติดตามอาการของผู้ป่วยที่รักษาตัวในโรงพยาบาลด้วย


