posttoday

พัฒนาสมองเด็กทุกช่วงวัย สร้างการเรียนรู้ตลอดชีวิต

30 กันยายน 2558

การเรียนรู้พัฒนาสมองที่เหมาะสมในแต่ละช่วงวัยของเด็กมีความจำเป็นอย่างมาก

โดย...คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา

การเรียนรู้พัฒนาสมองที่เหมาะสมในแต่ละช่วงวัยของเด็กมีความจำเป็นอย่างมาก ยิ่งในโลกปัจจุบันการเปลี่ยนแปลงไหลผ่านของสิ่งต่างๆ ที่รวดเร็วและไม่หยุดนิ่ง สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) สบร. หรือ OKMD หน่วยงานที่เล็งเห็นความสำคัญในการพัฒนาทรัพยากรบุคคลของประเทศตั้งแต่ระดับปฐมวัยไปจนถึงกลุ่มผู้สูงอายุ

ทั้งนี้ ได้พยายามผลักดันกระบวนการจัดการเรียนรู้ตามหลักการพัฒนาสมอง (Brain-based Learning หรือ BBL) มาตั้งแต่ปี 2548 โดยการสังเคราะห์องค์ความรู้ วิจัย พัฒนา ขยายผล และที่สำคัญคือเผยแพร่องค์ความรู้ด้านนี้ไปยังหน่วยงานต่างๆ มาจนถึงปัจจุบัน

สบร.เป็นผู้นำแนวความคิดเรื่องการประยุกต์ใช้หลัก BBL มาตลอด 10 ปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ทำให้ขณะนี้กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้นำแนวคิด BBL ส่งเสริมพัฒนาการเรียนการสอนในสถาบันการศึกษามาอย่างต่อเนื่อง โดยนำหลัก BBL มาสู่การจัดการเรียนการสอนในห้องเรียน เพื่อเป็นการบ่มเพาะการเรียนรู้ พัฒนาองค์ความรู้เกี่ยวกับการทำงานของสมอง

รวมถึงการอ่านออกเขียนได้ ทั้งในระดับปฐมวัย เด็กประถม จนไปถึงเด็กวัยรุ่น โดยเฉพาะในกลุ่มปฐมวัยที่ได้ร่วมกับสมาคมโรงเรียนอนุบาลนำเรื่องดังกล่าวไปเป็น
พื้นฐานในการจัดการเรียนการสอน การผลิตสื่อ เช่น การจัดทำหนังสือเล่มแรกไปสู่เด็ก อ่านหนังสือให้เด็กเล็กฟัง ยิ่งคนอ่านเป็นพ่อแม่อ่านให้เด็กฟัง เด็กจะมีความรู้สึกบวก รู้สึกว่าการอ่านหนังสือเป็นความสุข เป็นต้น

BBL เป็นรากฐานสำคัญในการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับโลกขณะนี้ เพราะมุ่งเน้นการจัดการเรียนรู้ การอบรมเลี้ยงดูที่สอดคล้องกับธรรมชาติและการทำงานของสมอง ให้เด็กได้ค้นพบตนเอง รู้ศักยภาพของตนเอง มีความสามารถในการเรียนรู้ การทำงาน แก้ปัญหาในด้านวิชาชีพและการใช้ชีวิตจริง พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

สบร.ได้เผยแพร่องค์ความรู้สู่สาธารณชนมากมาย โดยเฉพาะต้นแบบการเรียนรู้ตามหลักการพัฒนาสมองสำหรับเด็กแรกเกิดถึง 12 ปี ทั้งการจัดการเรียนการสอน การเปลี่ยนวิธีการเลี้ยง รวมถึงได้พัฒนาต้นแบบสนามเด็กเล่นตามรอยพระยุคลบาทตามหลักพัฒนาการสมอง

10 ปีที่ผ่านมา ได้มีการทบทวนว่ามีองค์ความรู้อะไรที่เผยแพร่สู่สาธารณะได้บ้าง และจะขยายผลต่อเนื่องไปถึงระดับวัยรุ่น วัยทำงานและกลุ่มผู้สูงอายุ โดยได้กำหนด 4 ยุทธศาสตร์ในการดำเนินการ ได้แก่ 1.ถอดบทเรียน สังเคราะห์องค์ความรู้ งานวิจัยในและต่างประเทศ

รวมถึงโครงการต้นแบบต่างๆ ทั้งจากที่ สบร.ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ นำหลักการ BBL ไปใช้ และได้ริเริ่มกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ อย่างเช่น ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) และ สพฐ. ที่ดูแลกลุ่มวัยรุ่น มัธยมศึกษา และเด็กอาชีวะ นำหลัก BBL ไปใช้กับกลุ่มวัยรุ่น

การก้าวช่วงจากปฐมวัยไปสู่วัยรุ่นนั้น หน้าต่างแห่งโอกาสจะเปิดอีกครั้ง ดังนั้นเป็นช่วงสำคัญในการพัฒนา BBL ต่อยอดเข้าสู่วัยรุ่นทั้งในด้านการพัฒนาสมองและช่วยแก้ปัญหาเด็กวัยรุ่นไม่ว่าจะเป็นแม่วัยใส หรือเด็กแว้น

นอกจากนั้น กลุ่มวัยทำงานจะร่วมมือกับสถานประกอบการต่างๆ ในการส่งเสริมและค้นหาสถานประกอบการที่นำหลักการ BBL ไปใช้แล้วสามารถช่วยพัฒนาศักยภาพกลุ่มวัยทำงานได้ ขณะที่กลุ่มผู้สูงอายุและวัยสูงอายุ ปัจจุบันจะเห็นได้ว่ากลุ่มนี้มีบทบาทอย่างมากในสังคม และเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพในการทำงาน ซึ่งทาง OKMD ก็เริ่มสังเคราะห์ความรู้ ริเริ่มพัฒนารูปแบบใหม่ๆ ที่เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายเหล่านี้

2.ขยายภาคีเครือข่ายในการทำงาน เผยแพร่หลักการ BBL ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ที่ สบร.ได้มีการลงนามทำข้อตกลงร่วมกัน อาทิ สพฐ. สอศ. สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) สมาคมครอบครัวศึกษาแห่งประเทศไทย สมาคมอนุบาลศึกษาแห่งประเทศไทยในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล ฯลฯ

3.สบร.จะค้นหาตัวอย่างที่ดี เสริมหน่วยงานทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในการนำการเรียนรู้ตามหลัก BBL ไปใช้ ผ่านตัวอย่างดีๆ ที่ประสบความสำเร็จเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้นำไปขยายผลในทางปฏิบัติ เช่น สนามเด็กเล่นต้นแบบ และ 4.แสวงหาแนวร่วมจากสาธารณชน ถ้าทำผ่านองค์กรจะได้ผลในแง่ของการจุดประกาย แต่จะยั่งยืนที่สุดถ้าคนในสังคมไทยเติบโต โดยเข้าใจหลักการของ BBL เช่น ก่อนหน้านี้ไม่ให้ครูใช้ไม้เรียว คนก็ไม่เข้าใจ และก็เรียกร้องว่าพ่อแม่อนุญาตให้ตีได้ แต่หลักการของ BBL จะช่วยสอนให้เห็นว่าเด็กจะเรียนรู้ได้เมื่อเขามีความสุข เมื่อสมองเขาเปิด

หากเด็กทำไม่ได้และตีเขา เขาก็จะยิ่งทำไม่ได้และสมองก็ปิด เราควรใช้หลักการ BBL เข้มงวดได้ด้วยเหตุผล หรือการใช้ความสุข อย่างก่อนเริ่มเรียนให้เด็กร้องเพลง นั่งสมาธิ ออกกำลังกาย เป็นต้น

ถ้าทุกคนในสังคมเข้าใจหลักการของ BBL และนำมาประยุกต์ใช้ โดยเฉพาะผู้บริหาร ครูในทุกระดับตั้งแต่ปฐมวัยไปจนถึงมหาวิทยาลัยไปสู่การปฏิบัติผ่านกิจกรรม หลักสูตรการเรียนการสอน หลักการ BBL จะเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของวิธีคิด วิธีเรียนรู้ของสังคมไทย เชื่อว่าจะช่วยพัฒนาศักยภาพเด็กไทยและคนไทยได้

สังคมไทยมีคนเก่งมาก เพียงแต่ที่ผ่านมาอาจจะใช้เป้าหมาย กติกาอื่นดำเนินการไม่ได้สอดคล้องกับการจัดการเรียนรู้ตามหลักการพัฒนาสมองที่เหมาะสม หากนำหลักการเรียนรู้แบบ BBL ไปใช้มากขึ้น จะทำให้ทุกคนเห็นคุณค่าตัวเอง ทำให้เด็กค้นพบว่าตัวเองทำอะไรได้ดี ต้องการอะไร เพียงแต่ต้องช่วยกันเปลี่ยนวิธีจูงใจ เป้าหมาย และปรับวิธีคิดเด็กผ่านการเรียนรู้ทักษะชีวิต ทักษะการทำงาน และต้องสร้างต้นแบบที่ดีให้เกิดขึ้น

รวมทั้งผลักดันให้การเรียนรู้ตามหลักการ BBL กลายเป็นการเรียนรู้แบบสร้างสรรค์ด้วยปัญญา ที่จะทำให้เด็กไทย คนไทย มีกระบวนการคิดวิเคราะห์เชิงลึกจนเกิดการเรียนรู้ตลอดชีวิต

ข่าวล่าสุด

โปรแกรมบอลวันนี้ ดูบอลสด ถ่ายทอดสด ผลบอลสด วันอังคารที่ 23 ธ.ค. 68