posttoday

ชลบุรีเสี่ยงแล้งฝนตกเข้าอ่างน้อย

22 กันยายน 2558

ชลบุรียังไม่พ้นวิกฤตภัยแล้งหลังพายุหว่ามก๋อถล่มน้ำท่วมฉับพลัน แต่อ่างเก็บน้ำ 9 แห่งมีน้ำต่ำกว่าเกณฑ์

ชลบุรียังไม่พ้นวิกฤตภัยแล้งหลังพายุหว่ามก๋อถล่มน้ำท่วมฉับพลัน แต่อ่างเก็บน้ำ 9 แห่งมีน้ำต่ำกว่าเกณฑ์

นายบุญสม ยุติธรรมภิญโญ หัวหน้าฝ่ายจัดสรรน้ำและปรับปรุงระบบชลประทาน โครงการชลประทานชลบุรี จ.ชลบุรี เปิดเผยว่า แม้ว่าอิทธิพลพายุหว่ามก๋อทำให้ฝนตกหนักในพื้นที่ภาคตะวันออกจนเกิดน้ำท่วมฉับพลัน แต่พื้นที่เศรษฐกิจของ จ.ชลบุรี ยังไม่พ้นวิกฤตภัยแล้งเนื่องจากฝนตกอยู่นอกพื้นที่และใต้อ่างเก็บน้ำทำให้น้ำไหลเข้าสู่อ่างเก็บน้ำ 9 แห่งต่ำกว่าเกณฑ์

นายบุญสม กล่าวว่า น้ำในอ่างเก็บน้ำ 9 แห่งตั้งแต่วันที่ 15 ก.ย. มีปริมาณน้ำกักเก็บรวมกันทั้งสิ้น 58.67 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) แต่ขณะนี้มีน้ำกักเก็บรวมกันได้ 139.40 ลบ.ม. โดยมีน้ำไหลเข้าอ่างจำนวน 80.69 ล้าน ลบ.ม. แต่เป็นน้ำที่สูบจากแม่น้ำบางปะกงและแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณคลองพระองค์เจ้าไชยานุชิตประมาณ 4.20 ล้าน ลบ.ม.

ทั้งนี้ สำหรับอ่างเก็บน้ำที่อยู่ในพื้นที่เศรษฐกิจยังมีปริมาณน้ำกักเก็บไม่มากนัก เช่น อ่างเก็บน้ำบางพระ มีน้ำเหลือเพียง 24.457 ล้าน ลบ.ม. หรือ 20.90% จากความจุทั้งสิ้น 117 ล้าน ลบ.ม. หากน้ำจะเพียงพอต่อการอุปโภคบริโภค อ่างเก็บน้ำบางพระต้องมีน้ำกักเก็บไม่น้อยกว่า 60 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งปัจจุบันยังขาดน้ำอีก 35 ล้าน ลบ.ม.

ด้าน นายนิพนธ์ พัวพงศกร นักวิชาการเกียรติคุณ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวว่า รัฐบาลควรเร่งหามาตรการรับมือกับภัยแล้งปี 2559 ล่วงหน้าเนื่องจากมีข้อมูลที่หลายฝ่ายคาดการณ์ตรงกันว่าจะเข้าสู่วิกฤตที่รุนแรงกว่าครั้งที่ผ่านมา

นายนิพนธ์ กล่าวว่า รัฐบาลควรเร่งพูดคุยเรื่องมาตรการแก้ปัญหาในระยะยาวที่มุ่งเน้นการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำทั้งระบบ ปรับปรุงปัญหาประสิทธิผลการบำรุงรักษาคูคลองของทั้งหน่วยงานราชการส่วนกลางและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมถึงเรียกกลุ่มผู้ที่มีเครื่องสูบน้ำใช้เองมาประชุมเพื่อหามาตรการรับมือกับภัยแล้งที่มาถึงก่อนจะเข้าสู่ภาวะวิกฤตจริง เพราะหากปล่อยให้เข้าสู่ช่วงวิกฤตจะพูดคุยกันได้ยาก

ขณะที่ นายบัญชา ขวัญยืน รักษาการอธิการบดี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า ข้อมูลของกรมชลประทาน ระบุว่า ในช่วงต้นฤดูฝนปี 2558 ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยในเขตภาคเหนือและภาคกลางมีปริมาณน้อยที่สุดในรอบ 44 ปี นอกจากนี้ปริมาณน้ำที่ไหลลงเขื่อนหลัก 4 แห่ง คือ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ยังคงมีปริมาณน้อยต่อเนื่องกัน แต่ปริมาณน้ำยังต่ำกว่าเกณฑ์ที่เขื่อนแต่ละแห่งตั้งไว้อีกกว่า 1,000 ล้าน ลบ.ม.

นายบัญชา กล่าวอีกว่า ขณะนี้ฤดูฝนเหลือระยะเวลาอีก 2 เดือน ที่ผ่านมาพายุหว่ามก๋อพาดผ่านพื้นที่ประเทศไทย ฝนตกทำให้มีน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่เพิ่มขึ้นเพียง 200 ล้าน ลบ.ม. จึงเป็นไปได้สูงว่าฤดูแล้งปีหน้าจะมีความรุนแรงกว่าทุกปี ดังนั้นรัฐบาลต้องวางแผนรับมือล่วงหน้า

ขณะที่ฝนตกหนักภาคเหนือและภาคกลางตอนบนน้ำไหลหลากเข้าสมทบเขื่อนเจ้าพระยาที่จุดวัดน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยา ต.บางหลวง อ.สรรพยา จ.ชัยนาท เพิ่มระดับอยู่ที่ 16.74 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง (รทก.) จากเดิมอยู่ที่ 16.40 เมตร ซึ่งเป็นระดับน้ำที่สูงที่สุดในรอบ 12 เดือน

ทางเจ้าหน้าที่โครงการเขื่อนเจ้าพระยาจึงได้พิจารณาปรับเพิ่มการระบายน้ำเพื่อให้เกิดความสมดุล รองรับปริมาณน้ำฝนและน้ำเหนือที่จะเข้าสู่เขื่อนอาจทำให้ระดับน้ำเปลี่ยนแปลงฉับพลัน จึงแจ้งเตือนประชาชนชาว จ.ชัยนาท เฝ้าระวังตลิ่งทรุดบ้านพัง เช่นเดียวกับจังหวัดที่อยู่ท้ายเขื่อนติดตามการแจ้งเตือนระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มขึ้นอย่างใกล้ชิด

ข่าวล่าสุด

พลังงานคุมเข้มแท่นขุดเจาะอ่าวไทย สกัดโดรนป่วน ไม่กระทบการผลิต