ชำแหละปัญหาชาวหอ "ค่าน้ำ-ไฟ" แพงจริงหรือ?
เมื่อสังคมชาวหอกำลังตั้งคำถามว่าค่าน้ำค่าไฟฟ้าที่ใช้อยู่ทุกวันนั้นแพงเกินไปหรือไม่
เรื่อง...วรรณโชค ไชยสะอาด
"แก เดือนนี้ชั้นเสียค่าไฟตั้งพันสองแน่ะ เปิดแอร์แค่ไม่กี่วันเอง..."
"ชั้นสิ ช่วงนี้ร้อนมาก เปิดแอร์นอนเกือบทุกคืน สิ้นเดือนมานี่แทบช็อก!"
บทสนทนาสุดคลาสสิกที่บรรดาชาวหอต่างเคยได้ยินกันมาทุกยุคทุกสมัย
หลังข่าวที่มีผู้ร้องเรียนว่าได้รับความเดือดร้อนจากหอพักที่มีการเอาเปรียบ โดยคำนวณค่าไฟฟ้าและน้ำประปาสูงเกินจริง ล่าสุดรัฐบาลต้องสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปตรวจสอบอย่างเร่งด่วน
ข้อเท็จจริงเรื่องค่าน้ำ-ค่าไฟ
ข้อมูลจากการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ระบุว่า อัตราค่าไฟฟ้ามีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 8 ประเภท
"บ้านอยู่อาศัย" จัดอยู่ในประเภทที่ 1 ซึ่งค่าไฟที่จ่ายกันแต่ละเดือน ประกอบด้วยค่าพลังงานไฟฟ้า ค่าบริการรายเดือน ค่าไฟฟ้าผันแปร (Ft) และภาษีมูลค่าเพิ่ม เมื่อบวกลบคูณหารแล้วจะเสียค่าไฟเฉลี่ยประมาณ 3.97 บาทต่อหน่วย ส่วน "หอพัก" หรือ "อพาร์ทเมนท์" ที่กำลังเป็นปัญหาทอล์ก ออฟ เดอะทาวน์อยู่ในขณะนี้จัดอยู่ในประเภทที่ 5 คือ "กิจการเฉพาะอย่าง" เป็นการใช้ไฟฟ้าเพื่อประกอบกิจการโรงแรมและกิจการให้เช่าพักอาศัย ตลอดจนบริเวณที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีความต้องการพลังไฟฟ้าเฉลี่ย 15 นาทีสูงถึง 30 กิโลวัตต์ขึ้นไป โดยต่อผ่านเครื่องวัดหน่วยไฟฟ้าเครื่องเดียว ดังนั้นความต้องการพลังงานไฟฟ้าสูง จึงทำให้อัตราค่าบริการนั้นสูงกว่าบ้านอยู่อาศัยทั่วไป
ประเด็นอยู่ตรงที่เจ้าของหอพักหรือผู้ประกอบการมักจะเรียกเก็บค่าไฟในอัตราที่สูงกว่าที่การไฟฟ้าเรียกเก็บประมาณ 25 – 40 % ชวนให้เกิดข้อสงสัยว่า แล้วราคา 7-9 บาทต่อหน่วยที่ต้องจ่ายให้เจ้าของหอพักทุกเดือนนั้นเป็นค่าอะไรกันแน่
สำหรับอัตราค่าน้ำ การประปานครหลวงได้แบ่งอัตราค่าน้ำออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ประเภทที่พักอาศัย เเละประเภทธุรกิจ ราชการ รัฐวิสาหกิจ อุตสาหกรรมเเละอื่นๆ โดยคิดค่าน้ำเเบบอัตราก้าวหน้า และมีราคาเเตกต่างกันไปใช้ตามระดับการใช้งาน ส่วนสำหรับประเภทที่พักอาศัย อัตราสูงสุดหากใช้น้ำมากกว่า 200 ลูกบาศก์เมตร จะคิดราคาอยู่ที่ 14.15 บาทต่อลูกบาศก์เมตร ด้านประเภทธุรกิจ ราชการ รัฐวิสาหกิจ อุตสาหกรรมเเละอื่นๆนั้น หากใช้น้ำมากกว่า 200 ลูกบาศก์เมตร คิดอัตราสูงสุดที่ 15.81 บาท ต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งราคาดังกล่าวยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม
ขณะที่การประปาส่วนภูมิภาค กำหนดอัตราค่าน้ำที่แตกต่างกันออกไปตามแต่ละพื้นที่และประเภท โดยเเบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ 1.ที่อยู่อาศัย 2.ราชการและธุรกิจขนาดเล็ก 3.รัฐวิสาหกิจ และอุตสาหกรรม ธุรกิจขนาดใหญ่ ส่วนหอพัก เเล้วเเต่ขนาดของพื้นที่ว่าจัดอยู่ในประเภทไหน หากอยู่ในประเภทธุรกิจขนาดเล็ก มีอัตราค่าน้ำสูงสุดมากกว่า 3,000 ลูกบาศก์เมตร ราคาอยู่ที่ 28.00 บาทต่อลูกบาศก์เมตร หากอยู่ในประเภทธุรกิจขนาดใหญ่ ราคาจะอยู่ที่ 32.50 บาทต่อลูกบาศก์เมตร
ค่าไฟที่เพิ่มขึ้น=ค่าส่วนกลาง?
ห้องพัก หรืออพาร์ทเมนท์นั้นเป็นธุรกิจที่ไม่ได้ขายขาดเหมือนคอนโดมิเนียม ดังนั้นภาระความรับผิดชอบในด้านต่างๆ ทั้งการอำนวยความสะดวก ดูแลความปลอดภัย การบำรุงรักษา รวมทั้งการลงทุนพัฒนา จึงตกอยู่ที่ "เจ้าของ"
"ราคาที่เพิ่มขึ้นจากภาครัฐประมาณ 2-3 บาท ถือเป็นค่าใช้จ่ายส่วนกลาง เเละค่ารับความเสี่ยงต่างๆที่อาจเกิดขึ้น"
เป็นคำอธิบายของ อรพรรณ หลงสมบุญ เจ้าของหอพักบ้านต้นรีสอร์ต ในฐานะผู้ประกอบการหอพักขนาด 2 ชั้น 23 ห้อง เธอชี้แจงเหตุผลของ ราคาค่าไฟ 8 บาทต่อหน่วยที่เรียกเก็บจากลูกค้า เป็นส่วนต่างมาจากค่าแสงสว่างส่วนกลาง ทั้งบริเวณทางเดิน เเละรอบอาคาร ค่าบำรุงรักษาความเสียหายต่างๆที่ต้องดูเเลให้กับลูกค้า ทั้งความเสียหายรอบอาคาร เเละภายในอาคาร ค่าพนักงานทำความสะอาด และค่ารักษาความปลอดภัย ทั้งพนักงานรักษาความปลอดภัย และกล้องวงจรปิด
"พวกนี้เราต้องเก็บเองทั้งหมด ต่างจากหมู่บ้านจัดสรรที่เขาเก็บค่าส่วนกลางได้ เเต่หอพักไม่มี จึงต้องดึงส่วนต่างจากค่าไฟมาชดเชยค่าใช้จ่ายอื่นๆ คิดว่าค่อนข้างเเฟร์นะ และจำเป็นต้องเก็บ คุณเชื่อไหมว่าค่าไฟมันมีโอกาสที่จะติดลบเยอะมาก เพราะบางทีเราไม่รู้ว่าลูกค้ารายเดือนจะเต็มหรือไม่เต็ม บางเดือนพอบิลออกมาปุ๊ปหักลบทุกอย่างเเล้ว อาจจะมีกำไรน้อยหรือไม่ได้กำไรจากส่วนนี้เลยด้วยซ้ำ"
เจ้าของหอพักบ้านต้นรีสอร์ต บอกว่า โดยทั่วไปหอพักจะเรียกเก็บค่าไฟต่อหน่วยในราคาสูงกว่า 6 บาท แต่ไม่เกิน 10 บาท สำหรับค่าน้ำ ส่วนนี้ไม่ใช่ส่วนที่ทำกำไร และมักเลือกเก็บในราคา 17 – 25 บาทต่อหน่วย แล้วแต่พื้นที่ ขณะที่หอพักหลายแห่งเลือกเก็บในระบบเหมาจ่ายเดือนละ 100 - 120 บาทต่อเดือน
ไม่ว่าจะราคาเท่าไหร่ สิ่งสำคัญที่ผู้ประกอบการอย่างอรพรรณมองก็คือ สิทธิในการเลือกของลูกค้า
"ลูกค้าสามารถกำหนดค่าใช้จ่ายได้เอง เช็คมิเตอร์ และจำกัดการใช้งานของตัวเอง หากไม่มีความสามารถในการจ่ายราคานี้ ก็สามารถเลือกสถานที่พักที่เหมาะสมกับตัวเองได้ เพราะผู้ประกอบการที่ดีจะชี้แจงรายละเอียดและตั้งกฎเกณฑ์ราคาไว้อย่างชัดเจน ตั้งเเต่วันเเรกที่ลูกค้าเดินเข้ามาสอบถามเเล้ว ลูกค้าควรพิจารณาให้ดีตั้งเเต่เเรกว่าคุณรับได้ในราคาเท่าไหร่ ถ้าไม่โอเค เขาก็เลือกใช้บริการที่อื่น"
ณรัฐวรรณ สกุลปัญญาอธิวิ เจ้าของหอพัก C&C ขนาด 70 ห้อง 6 ชั้น บอกว่า คิดค่าไฟในอัตราหน่วยละ 7 บาท ขณะที่ค่าน้ำอยู่ที่ 17 บาทต่อหน่วย
"เราคิดแพงกว่าหลวงประมาณ 2 บาทเท่านั้น เอาไปเป็นค่าส่วนกลาง ลูกค้าต้องเข้าใจว่า เราดูแลรับผิดชอบหลายอย่างทั่วบริเวณอาคาร โดยเฉพาะแสงสว่าง ตั้งแต่หน้าตึก ทางเดินภายใน ทางหนีไฟ และลิฟท์ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ต้องใช้ไฟทั้งนั้น ส่วนค่าน้ำนั้นเรานำส่วนต่างไปใช้ในเรื่องการทำความสะอาดและดูแลทัศนียภาพ ทั้งหมดก็เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของลูกค้า มีคนถามว่ากำไรจากส่วนนี้เยอะไหม ไม่เยอะหรอก แค่พออยู่ได้ บางเดือนค่าไฟเกินลิมิต เราก็ต้องจ่ายเอง ก็เราไม่มีค่าส่วนกลาง ทั้งนี้เพื่อความสบายใจของลูกค้า และความบริสุทธิ์ใจของเรา เรายินดีเสมอหากลูกค้าสงสัยในราคาที่ต้องจ่าย ซึ่งที่ผ่านมาทุกคนก็ยอมรับ เพราะประกาศกฎเกณฑ์และรายละเอียดอย่างชัดเจนตามกฎหมายแล้ว"
เสียง(บ่น)จากผู้อาศัย
"ทุกวันนี้มีค่าใช้จ่ายด้านที่พักตกเดือนละประมาณ 7,000 บาท เเบ่งเป็นค่าห้อง 5,000 บาท ค่าไฟ 800-900 บาท ค่าน้ำ 50 บาท ค่าอินเตอร์เน็ต 1,000 บาท และค่าบริการที่ทางหอเก็บอีกเดือนละ 50 บาท ผมคิดว่าเหมาะสมนะ ไม่ได้รู้สึกว่าแพง เพราะเปิดแอร์เกือบทุกคืน เข้าใจว่าราคาต้องสูงกว่าบ้านอยู่แล้ว อีกอย่างหอพักก็สะอาดและมีความปลอดภัยในระดับที่พอใจ" ธารา ฤทธิ์บุญ พ่อค้าวัย 25 กล่าว ขณะเดียวกันก็มองว่า เจ้าของหอควรเห็นใจผู้บริโภค โดยคำนึงถึงทำเลที่ตั้ง ขนาดพื้นที่ และสิ่งอำนวยความสะดวกของหอพัก ก่อนกำหนดราคาที่เป็นธรรมออกมา
ณชาณา กลิ่นพิกุล นักศึกษามหาวิทยาลัยเอกชน รู้สึกว่า ค่าน้ำ-ค่าไฟที่ต้องจ่ายในแต่ละเดือนนั้นแพงเกินไปสำหรับนักศึกษาที่ต้องแบมือขอเงินพ่อแม่ เธอเล่าว่า ปัจจุบันอาศัยอยู่หอพักใกล้กับมหาวิทยาลัยร่วมกับเพื่อนๆ รวม 4 คน มีค่าใช้จ่ายรายเดือน ประกอบด้วยค่าห้อง 5,400 บาท ค่าเช่าเฟอร์นิเจอร์ 1,500 ต่อเดือน น้ำหน่วยละ 25 บาท ค่าไฟหน่วยละ 7 บาท และค่าส่วนกลาง 1,000 บาท
"เดือนหนึ่งหนูเสียเงินประมาณ 9,500 – 10,000 บาท คืออยู่กัน 4 คน ใช้น้ำไม่ต่ำกว่าเดือนละ 15 ยูนิต ไฟอีก 100 กว่า รวมน้ำไฟเสียประมาณ 1,200 -1,500 บาท นอกนั้นหอก็เก็บพวกค่าส่วนกลาง คือพวกสระว่ายน้ำ ฟิตเนส และรถตู้รับส่งฟรี”
ถามว่ารู้สึกยังไงกับกระแสร้องเรียนค่าน้ำค่าไฟที่แพงเกินจริง ณชาณา ตอบว่า ก่อนหน้านี้เคยโดนหอพักเก่าโกงค่าน้ำ ค่าไฟจนทนไม่ไหวจนต้องย้ายออกมา
"หอพักเก่าเขาเขียนกำกับว่า ค่าไฟยูนิตละ 7 บาท ตอนอยู่แทบไม่ได้เปิดแอร์ ทีวีก็ไม่ค่อยดู แถมยังไม่ค่อยได้อยู่ห้อง แต่ค่าไฟพุ่งไป 2 พันกว่าบาท ถ้าเดือนไหนเปิดแอร์ก็ปาเข้าไป 4 พันกว่า ค่าน้ำก็เดือนละ 5-6 หกร้อย จะไปถามคนดูแลหอก็ไม่กล้า เพราะพวกนี้เขาชอบเหวี่ยงและชอบพูดจาแรงๆ"
ความน่าสนใจอีกประการหนึ่งคือ หอพักหลายแห่งมักจะหักค่าประกันเป็นจำนวนเงินที่เยอะมาก
“ตอนย้ายออกเขาจะหาเรื่องหักเรา ค่าเสียหายโน่นนี่นั่น หลายคนก็ประกาศขายประกันหอพักกันเองโดยที่ไม่ต้องคืนห้อง จะได้ไม่โดนเจ้าของหอหักตอนย้ายออก”
สัญญาต้องชัดเจน ไม่งั้นมีความผิด
ร.ต.ไพโรจน์ คนึงทรัพย์ เลขานุการกรมสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) กล่าวว่า ที่ผ่านมามีผู้บริโภคเข้ามาร้องเรียนในกรณีดังกล่าวจำนวนไม่มาก ส่วนใหญ่สงสัยว่าเจ้าของหอพักคิดค่าน้ำ-ค่าไฟสูงเกินจริงหรือไม่ โดยเจ้าหน้าที่ก็ได้ทำการตรวจสอบ และเชิญทั้งสองฝ่ายเข้ามาไกล่เกลี่ย หากพบรายการใดไม่ถูกต้อง หรือแพงเกินจริง ก็เจรจาให้เจ้าของห้องพักลดราคามาจนถึงราคาที่เหมาะสม
ทั้งนี้ การคิดค่าน้ำค่าไฟ เจ้าของหอพักมักอ้างว่าทางหอพักมีค่าใช้จ่ายค่าไฟฟ้าสูง ทั้งค่าส่วนกลาง ค่าดูแลความปลอดภัย และอำนวยความสะดวกอื่นๆ รวมทั้งต้องสูบน้ำขึ้นไปยังห้องต่างๆ ทำให้ต้องคิดราคาสูงกว่าปกติ
ร.ต.ไพโรจน์ กล่าวว่า สคบ. มีกฎหมายที่ควบคุมธุรกิจหอพักที่ค่อนข้างชัดเจน โดยออกประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา ของสคบ. กำหนดให้ธุรกิจการให้เช่าที่อยู่อาศัยที่เรียกเงินประกัน เป็นธุรกิจที่ควบคุมรายการในหลักฐานการรับเงิน ซึ่งบังคับให้เจ้าของหอพักต้องออกหลักฐานการรับเงินจากผู้บริโภค พร้อมระบุรายละเอียดต่างๆ ให้ครบถ้วน หากไม่ทำตามถือว่ามีความผิด โดยมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
สำหรับหลักฐานการรับเงินที่เจ้าของธุรกิจออกให้นั้น ต้องมีข้อความที่เป็นภาษาไทยที่สามารถเห็นและอ่านได้ชัดเจน มีขนาดตัวอักษรไม่เล็กกว่า 2 มิลลิเมตร และต้องใช้ข้อความที่มีสาระสำคัญและเงื่อนไขต่างๆ เช่น ชื่อและที่อยู่ของผู้ประกอบธุรกิจ และของผู้มีอำนาจออก หลักฐานการรับเงิน ,ชื่อที่อยู่ของผู้เช่า ,ชื่อสถานที่ของที่ตั้งของที่อยู่อาศัย ,กำหนดระยะเวลา เช่าที่อยู่อาศัย โดยต้องระบุวันเริ่มต้นเช่า และวันสิ้นสุดเช่า ,วันเดือนปี ที่รับเงินประกัน รวมทั้งต้องมีจำนวนเงินประกัน และข้อความว่า ผู้เช่ามีสิทธิได้รับเงินคืนทันทีเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาที่เช่า หรือเมื่อสัญญาเช่าเลิกกัน เว้นกรณีเจ้าของจะตรวจสอบความเสียหายที่ผู้เช่าต้องรับผิดชอบ หากผู้เช่าไม่ได้ทำความเสียหาย ให้ผู้เช่ามีสิทธิได้รับเงินประกันคืนภายใน 7 วัน โดยให้ผู้ประกอบการรับภาระค่าใช้จ่ายในการส่งคืนเงินประกันนั้น ตามวิธีการที่ผู้เช่าแจ้งให้ทราบ
ขณะเดียวกันในหลักฐานการรับเงินยังต้องมีรายมือชื่อเจ้าของห้องพัก หรือผู้มีอำนาจ ออกหลักฐานในการรับเงินด้วย และในหลักฐานการรับเงินนั้น ต้องไม่มีข้อความในทำนองว่าผู้ประกอบธุรกิจจะไม่คืนเงินประกันให้กับผู้เช่าทั้งหมดไม่ว่ากรณีใดๆ นอกจากนี้ทางเจ้าของห้องพักต้องประกาศราคาค่าน้ำ ค่าไฟฟ้าให้ผู้เช่ารับทราบอย่างชัดเจน หากพบว่ามีราคาสูงมากเกินไป อาจผิดกฎหมายตามพ.ร.บ.ว่าด้วยสนค้าและบริการ พ.ศ.2542 มาตรา 29 มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
"เจ้าของหรือผู้ประกอบการต้องชี้แจงค่าใช้จ่ายต่างๆ ให้ได้อย่างชัดเจนว่า ส่วนต่างของค่าน้ำและค่าไฟนั้นเหมาะสมหรือไม่กับสิ่งอำนวยความสะดวกที่ผู้บริโภคได้รับ รวมทั้งต้องระบุค่าใช้จ่ายต่างๆ ให้ชัดเจน เพื่อการตัดสินใจเลือก หรือไม่เลือก ของผู้บริโภค"เลขานุการกรม สคบ. ไขข้อสงสัย
จริยธรรมในการดำเนินธุรกิจและสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องต่อผู้บริโภค เป็นสิ่งที่เจ้าของหอพักต้องคำนึงถึง ขณะเดียวกันผู้บริโภคเองก็ควรสังเกตพฤติกรรมการใช้งานไฟฟ้าและน้ำประปาของตัวเองอยู่เสมอ หากพบว่ามีสิ่งใดผิดปกติ ก็ควรดำเนินการร้องเรียนให้มีการตรวจสอบต่อไป


