"รับน้องเพศที่3 มช."...อุดมด้วยความรุนแรงจริงหรือ?
ชมรมวีนจะสามารถเข้าใจหัวอกเพศเดียวกันได้ดีมากกว่า หรืออาจเรียกว่าเป็น "โลกหรือพื้นที่เฉพาะของเพศที่สาม"ก็ว่าได้
โดย...ทีมข่าวในประเทศโพสต์ทูเดย์
กระแสสังคมกำลังกดดันให้มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) จัดการกับ "รุ่นพี่" ออกมารับผิดชอบหลังนักศึกษาแสดงอาการข่มขู่ "ว่าที่นศ.ใหม่" ที่เป็นเพศที่ 3 ว่าจะรับน้องด้วยการจับ "โกนหัว" “ตบให้หน้าเบี้ยว” รวมถึงบังคับให้ทำตามกฎของกลุ่ม “วีน” หรือ รุ่นพี่กลุ่มเพศที่ 3 ที่มีบทบาทสำคัญในกิจกรรมรับน้องใหม่ของมช.มานานกว่า 16 ปี ถูกแชร์ออกไปในสื่อสังคมออนไลน์อย่างกว้างขวา
เสียงลือเสียงเล่าอ้างที่ผ่านมาก็คือ น้องใหม่ที่เป็น กระเทย ตุ๊ด หรือ เกย์ จะถูกเรียกตัว (แกมบังคับ) ให้เข้าร่วม “ชมรมวีน” เพื่อรับน้องในรูปแบบเฉพาะตัว และชมรมนี้มีการรับน้องในรูปแบบที่ “ล้ำเส้น” กว่าวิธีปกติ รวมถึงการเก็บ “ความลับ” ในหมู่รุ่นพี่รุ่นน้องจนทำให้เรื่องที่เกิดขึ้นในวีน มักจะไม่แพร่งพรายออกมาให้นักศึกษากลุ่มอื่นรู้
แต่สิ่งที่นักศึกษามช.เห็นกลุ่มวีน ก็คือ การ “แต่งชาย” ตามระเบียบมหาวิทยาลัยของรุ่นน้อง แต่อนุญาตให้แต่งหญิงได้ในโอกาสพิเศษต่างๆ ขณะที่รุ่นพี่สามารถ “แต่งหญิง” ได้เต็มยศ และรุ่นพี่ เป็นผู้กำหนดกฎเกณฑ์ให้รุ่นน้องต้องปฏิบัติตาม
คำถามคือสิ่งที่เกิดขึ้นใน "ชมรมวีน" เป็นไปอย่างที่มีการกล่าวอ้างกันหรือไม่....
"เก๋" นักศึกษาชั้นปีที่ 3 มช. หนึ่งในสมาชิกชมรมวีน ตอบคำถามนี้ ว่า วีน เป็นชมรมที่เปิดโอกาสให้น้องๆ เพศที่สาม คือ ตุ๊ด กระเทย และ เกย์ เข้าร่วมชมรมด้วยความสมัครใจ โดยจะไม่มีการบังคับใดๆทั้งสิ้น ภายในชมรมสมาชิกสามารถเข้าร่วมพูดคุยและทำกิจกรรมร่วมกัน
เธอเชื่อว่าชมรมวีนจะสามารถเข้าใจหัวอกเพศเดียวกันได้ดีมากกว่า หรืออาจเรียกว่าเป็น "โลกหรือพื้นที่เฉพาะของเพศที่สาม"ก็ว่าได้
เก๋บอกอีกว่า ชมรมวีนจะแบ่งออกเป็นสองระดับ คือ ระดับคณ ะ“วีนคณะ”และระดับมหาวิทยาลัยคือ "วีนใหญ่" หรือ วีนมหา’ลัย จะรับน้องที่เป็นเป็นเพศที่สามในคณะเดียวกัน กิจกรรมของวีนคณะ ส่วนใหญ่เป็นกิจกรรมเฮฮาทั่วไป รวมถึงจะมีการตั้งชื่อในวงการให้กับคนในชมรมวีนทุกคนด้วย จากการเข้าร่วมชมรมบางครั้งสามารถผ่อนคลายจากการเรียนต่างๆ ได้
รุ่นพี่ปี3รายนี้ยืนยันว่า วีนคณะทำให้รู้จักและสนิทกับเพื่อนเพศที่สามในคณะมากขึ้นจนถึงขั้นเป็นเพื่อนสนิทกันก็มีให้เห็น ส่วน “วีนมหา’ลัย” หรือวีนใหญ่ จะได้พบปะกับเพื่อน รวมถึงรุ่นพี่กระเทย ต่างคณะทุกคน โดยการเข้าวีนแต่ละครั้งจะมีการทำกิจกรรมร่วมกันและมอบหมายงานให้รุ่นน้องทำ เช่น ทำหนังสือรุ่น คือ ต้องทำความรู้จักกับเพื่อนในชมรมทุกคน เพื่อให้รู้จักกันมากขึ้นโดยเฉพาะเพื่อนต่างคณะ จากนั้นก็ร่วมกันทำหนังสือรุ่นขึ้นมา ในหนังสือมีข้อมูลของเพื่อน รายละเอียดต่างๆ หากมีปัญหาก็สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือจากทุกคนได้
“เราจะเข้าหรือไม่ก็ได้ แต่เราเลือกที่จะเข้าไปอยู่ในชมรม เพราะบางครั้งเราก็อยากอยู่ในที่ ที่มีคนเข้าใจ คิดว่าจากกระแสที่ออก ผู้คนกลับมองชมรมนี้เป็นสังคมป่าเถื่อน แต่ในความเป็นจริงชมรมนี้สอนให้เราเข้าสังคมได้ ในทุกสังคม”เธอระบุ
เก๋ให้เหตุผลและที่มาที่ไปในการตั้งกฏเกณฑ์ของวีนว่า จะจัดตั้งขึ้นโดยรุ่นพี่และรับทราบข้อตกลงร่วมกัน เนื่องจากเพศที่สามจะมีส่วน "ขาดๆ เกินๆ" จึงจะต้องมีกฏที่จะคอยปรามกันเพื่อให้เป็นคนดีในสังคม สำหรับการแต่งกายของวีนจากข้อความที่บอกว่าต้องโกนหัว หรือตัดสกินเฮดก็ไม่จริง เพราะชมรมไม่ได้เข้มงวดถึงขนาดนั้น แต่ชมรมจะเคร่งครัดให้สมาชิกในชมรมแต่งกายให้เรียบร้อยตามระเบียบของมหาวิทยาลัยมากกว่า
จากกระแสสังคมที่ออกต่อต้านชมรม เก๋ไม่เห็นด้วยเพราะว่าเป็นการนำเสนอข่าวเพียงด้านเดียว แต่เธอก็ยอมรับว่าอาจจะมีการ "ว้าก" บ้าง แต่ไม่ได้รุนแรงถึงขั้นตบจนหน้าเบี้ยวหรืออย่างที่เป็นข่าว บางครั้งก็มีจำลองสถานการณ์ต่างๆ เพื่อให้น้องๆ ปรับตัวกับการกดดันต่างๆ และสอนให้รุ่นน้องเข้มแข็งและต่อสู้กับอุปสรรคในอนาคตได้ ในทุกครั้ง การกระทำแต่ละอย่างจะทำอย่างเป็นเหตุเป็นผล และรุ่นน้องเองหากทำผิดต่างยอมรับในการลงโทษ
เธอย้ำว่า สิ่งที่ทุกคนในชมรมได้รับจากการเข้าวีน คือ เรื่องการเรียน กิจกรรม และสายสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกในชมรม
"เรื่องการเรียน รุ่นพี่ในชมรมจะคอยติดตามและกำชับเรื่องการเรียนตลอด ทำให้เกิดความกระตือรือร้น ต่อมาการใช้ชีวิตในสังคม วีนสอนให้เราเข้าสังคมเป็น สอนให้ทำกิจกรรม สอนให้ทำงานเป็น และสิ่งที่สำคัญคอนเนคชันของวีนดีมาก ไปไหนมาไหนจะรู้จักกัน ทักทายและสนิทกันเหมือนพี่น้อง ขณะที่กิจกรรมที่วีนจัดก็มีหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการแสดงวีนโชว์ หรือการประกวด ดาว-เดือน มหาวิทยาลัย ที่วีนรับผิดชอบมาโดยตลอด"เก๋กล่าว
เช่นเดียวกับ มนต์สวรรค์ วุฒิยิ่งยง สมาชิกชมรมวีน ได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงว่าวีน เป็นศูนย์รวมกิจกรรมที่สร้างสรรค์มีกิจกรรม อาทิ การแสดง “วีนโชว์” เพื่อนำรายได้สมทบทุนช่วยเหลือผู้ยากไร้ทุกปี นอกจากนี้ ยังมีการจัดกิจกรรม เพื่อช่วยเหลือมหาวิทยาลัย และช่วยสร้างสีสันให้กับมหาวิทยาลัยตลอดทั้งปี จึงไม่อยากให้มองวีน ในฐานะชมรมที่ใช้ความรุนแรงกับนักศึกษา
ขณะนี้ ชมรมวีน มีมติว่าจะไม่ให้สัมภาษณ์ในนามชมรม เพราะเกรงว่าจะถูกนำไปขยายผล และอาจมีปัญหากับการทำกิจกรรมของชมรมได้ แต่ทุกคนในชมรมวีน ยืนยันว่ารับทราบกระแสสังคมมาตลอด และได้พยายามปรับตัวอย่างต่อเนื่อง ไม่ให้ถูกมองในฐานะกลุ่มที่ใช้ความรุนแรงในการรับน้อง รวมถึงจะทำกิจกรรมช่วยเหลือมหาวิทยาลัย และช่วยเหลือสังคมมากขึ้น
ล่าสุด เจ้าของข้อความที่เป็นนักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ มช. ที่ได้โพสต์ว่าจะทำร้ายร่างกายน้องใหม่ ได้โพสต์ข้อความขอโทษทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง และระบุว่าเป็นความคึกคะนอง รวมถึงรู้เท่าไม่ถึงการณ์เท่านั้น นอกจากนี้ ยังขอแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมกับขอโทษต่อน้องใหม่ อาจารย์มช. และชมรมวีน
ด้าน ธนารักษ์ สุวรรณประพิศ รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนาคุณภาพนักศึกษา มช. ได้ดำเนินการกับนักศึกษาที่ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ว่า มหาวิทยาลัยได้แจ้งคณบดี รองคณบดี และอาจารย์ที่ปรึกษาที่นักศึกษาสังกัดให้พิจารณาแล้ว ในเบื้องต้นนักศึกษาได้ออกมาขอโทษต่อเรื่องที่เกิดขึ้น โดยมหาวิทยาลัยยังได้ดำเนินการให้นักศึกษานำเอาเรื่องที่เกิดขึ้นไปพูดคุยกันในกลุ่มผู้นำนักศึกษา เพื่อหาแนวทางในการทำกิจกรรมในเชิงสร้างสรรค์และเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในอนาคต
สำหรับในอนาคตทางมหาวิทยาลัยจะมีมาตรการดูแลการรับน้องใหม่ กิจกรรมรับน้องใหม่และประชุมเชียร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นความรับผิดชอบร่วมกันของผู้บริหาร คณาจารย์ และบุคลากร โดยทางคณะและภาควิชาจะต้องให้ความสำคัญ ให้ร่วมมือ และรับผิดชอบกำกับดูแลในการจัดกิจกรรมให้มีลักษณะสร้างสรรค์มุ่งเพื่อเสริมสร้างพัฒนานักศึกษา ไม่ขัดต่อระเบียบ ข้อบังคับ และประกาศของมหาวิทยาลัย กฎหมาย วัฒนธรรม และประเพณีอันดีงาม
ในขณะเดียวกันกิจกรรมรับน้องใหม่และประชุมเชียร์จะต้องอยู่ในการควบคุมของคณาจารย์อย่างใกล้ชิด เช่น มีการตั้งคณะกรรมการส่งเสริม สนับสนุนและกำกับดูแลการจัดกิจกรรมต้อนรับน้องใหม่และประชุมเชียร์อย่างสร้างสรรค์ โดยจะมีตัวแทนผู้ปกครองของนักศึกษาจากทุกคณะมาร่วมเป็นกรรมการ และจะตั้งศูนย์ Hotlineเพื่อรับเรื่องร้องเรียนด้วย
นอกจากนี้ทางมหาวิทยาลัยจะทำการดูแลเฉพาะรายคณะ คือ ในระดับคณะเป็นอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบของคณบดีที่จะมากำกับดูแลการทำกิจกรรมของนักศึกษาอย่างใกล้ชิดเพื่อให้เป็นไปตามประกาศของมหาวิทยาลัย ดังนั้นการทำกิจกรรมของนักศึกษาในคณะจะต้องได้รับการอนุมัติจากคณบดีทุกครั้ง ถ้ากิจกรรมที่ไม่เหมาะสมก็จะต้องให้หยุดและยกเลิกกิจกรรมนั้น
“กิจกรรมต้อนรับน้องใหม่ ตามวัตถุประสงค์แล้วเป็นเรื่องที่ดี เช่นเพื่อที่จะต้องการสร้างความรัก ความอบอุ่นให้แก่น้องใหม่ให้น้องรู้จักกัน สามัคคี ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน แต่วิธีการและการจัดกิจกรรม บางอย่างมักจะไม่สร้างสรรค์ นักศึกษามักจะเลียนแบบรุ่นพี่ที่ทำต่อๆกันมา ฉะนั้น สถาบันการศึกษาจะต้องเข้ามาดูแลอย่างใกล้ชิด คอยแนะนำ ตักเตือนนักศึกษา สอนให้นักศึกษาได้เรียนรู้ที่จะคิดดี คิดเป็น ถ้าไม่ถูกไม่ควรก็ต้องคิดใหม่ทำใหม่ได้ พร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงให้ดีงามและดีขึ้น เพื่อผลลัพธ์ของกิจกรรมจะได้บรรลุตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้”รองอธิการบดีมช.กล่าว


