posttoday

มวย ห้องค้า และนายแบงก์ ชีวิตท้าทายของ ‘ผยง ศรีวณิช’

21 มิถุนายน 2558

นายแบงก์เกือบร้อยทั้งร้อยต่างต้องเล่นกอล์ฟ ไม่ว่าจะชื่นชอบการออกรอบเองหรือต้องเล่นให้เป็นเพื่อคุยกับลูกค้า

โดย...นันทิยา วรเพชรายุทธ

นายแบงก์เกือบร้อยทั้งร้อยต่างต้องเล่นกอล์ฟ ไม่ว่าจะชื่นชอบการออกรอบเองหรือต้องเล่นให้เป็นเพื่อคุยกับลูกค้า นายแบงก์อีกกลุ่มใหญ่อาจชื่นชอบการวิ่ง เพราะเป็นกีฬาสุดเบสิกแต่ต้องวัดใจกันยามแข่งมาราธอน ขณะที่นายแบงก์ยุคใหม่เริ่มเปิดพื้นที่รับการปั่นจักรยานมากขึ้นตามเทรนด์ที่กำลังมาแรง

ทว่า สำหรับนายแบงก์เลือดใหม่ “ผยง ศรีวณิช” ที่เพิ่งรับบทบาทใหม่สุดท้าทายกับตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานธุรกิจตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย แล้ว “มวย” คือชอยส์ในดวงใจที่ตอบโจทย์ความท้าทายของนายแบงก์อย่างเขาได้ดีที่สุด

“ผมชอบมวย ผมคิดว่ามวยมีบางอย่างคล้ายกับห้องค้าเงินที่ผมทำอยู่” ผยง กล่าวถึงหนึ่งในกีฬาที่ชอบและเป็นตัวปลุกความรู้สึกชื่นชอบในความท้าทายของตัวเองขึ้นมา

แม้จะเคี่ยวกรำอยู่ในแวดวงแบงก์ต่างชาติมานานกว่า 20 ปี และเผชิญความท้าทายมาตลอด โดยเฉพาะในสายงานตลาดเงินตลาดทุน (Treasury) ที่ต้องแข่งขันและเดิมพันความเสี่ยงกันอย่าง
ดุเดือดในห้องค้า แต่การย้ายฟากจากซิตี้แบงก์ มายังแบงก์ใหญ่อย่างธนาคารกรุงไทย ในช่วงการปรับเปลี่ยนภายในจากนโยบาย “เคทีบี ทรานส์ฟอร์เมชั่น” นั้น นับว่าต่างไปจากที่ผ่านมาอย่างน่าจับตาทีเดียว

เพราะการเข้ามาครั้งนี้คือการรับบทหัวเรือใหญ่คุม 1 ใน 2 หน่วยงานที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นมา ยกระดับสายงาน Treasurer ไปสู่ระดับ Global Markets ซึ่งกรุงไทยต้องขยายบทบาทช่วยลูกค้าบริหารความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสทางธุรกิจในยุคไร้พรมแดนให้ได้มากที่สุด ภายใต้เป้าหมายสร้างรายได้ค่าธรรมเนียมเติบโต 100% ภายในปี 2561

แรงบันดาลใจที่ช่วยขับเคลื่อนภารกิจสุดท้าทายครั้งใหม่นี้ ไม่ได้มีคำตอบเดี่ยวๆ ตายตัวที่ว่าอยากจะเป็นเหมือนใคร หรือมีความฝันที่อยากจะทำอะไรให้ได้ แต่มาจากประสบการณ์ตั้งแต่วัยเด็กที่ตามพ่อไปดูมวยถึงขอบเวทีอยู่เสมอ บวกกับความชื่นชอบและรู้สึกท้าทายในสายงานการเงินที่ได้
ลองทำ

ความที่มีพ่อเป็นผู้ร่วมก่อตั้งเวทีมวยราชดำเนิน ทำให้ผยงมีโอกาสได้ตามไปดูการชกที่เวทีมวยอยู่บ่อยๆ และได้เข้าไปสัมผัสมากกว่าแค่การนั่งดูอยู่หน้าจอช่อง 7 สี ยามบ่ายวันอาทิตย์ ได้เห็นถึงวงในที่มีอะไรมากกว่าเพียงการแข่งขันกันบนเวที โดยเฉพาะการเล่นมวย ที่ทำให้ผยงได้เห็นการบริหารจัดการความเสี่ยงข้างเวทีกันเป็นครั้งแรก

แม้จะไม่ได้เข้าไปมีส่วนร่วม แต่ก็ได้เห็นอะไรบางอย่างจากข้างเวทีซึ่งมีการเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงราคาอย่างรวดเร็ว เซียนมวยที่อ่านเกมออกจะนิ่งพอต่อเสียงเชียร์กันอย่างดุเดือดข้างสนาม นิ่งพอที่จะไม่หวั่นไหวต่อความเพลี่ยงพล้ำของนักมวยบนเวที ซึ่งนับเป็นสนามเดิมพันแรกที่เจ้าตัวได้มีโอกาสเห็น และมีความคล้ายคลึงกันอย่างหนึ่งกับงานของห้องค้าที่เจ้าตัวได้เข้าไปทำในอีกกว่าสิบปีต่อมา

“ผมตามพ่อไปดูมวยถึงขอบสนามราชดำเนินตั้งแต่เด็ก ได้เห็นทุกแง่มุมของกีฬานี้ โดยเฉพาะมุมของการเล่นมวย การต่อรองราคากันข้างสนาม ถึงเราจะไม่ได้เข้าไปร่วมด้วย แต่ก็ได้เห็นบรรยากาศที่น่าตื่นเต้นมากในตอนนั้น มันเป็นที่ที่มีครบในแง่ของการตลาด และเรายังได้เห็นสภาพคนหลังการเดิมพัน สัจธรรมของคนแพ้ และคนชนะ”

ทว่า ชีวิตหลังจากนั้นกลับไม่ได้มีอะไรหวือหวาให้น่าตื่นเต้นได้มากนัก หลังจากที่ถูกส่งไปเรียนที่สหรัฐตั้งแต่ชั้นมัธยม และเลือกศึกษาต่อระดับปริญญาตรีในด้านวิศวกรรมศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยแอริโซนา จนกระทั่งได้มีโอกาสทำงานที่แรกที่บริษัทอุตสาหกรรมเงินทุนแห่งประเทศไทย (IFCT) การรับผิดชอบงานด้านโปรเจกต์ไฟแนนซ์ ทำให้ผยงเริ่มสนใจงานสายการเงินการธนาคารอย่างจริงจัง จนเลือกไปศึกษาต่อระดับปริญญาโทบริหารธุรกิจ เอกการเงิน ที่มหาวิทยาลัยพิทส์เบิร์ก และก้าวเข้าสู่โลกของแบงก์เกอร์อย่างเต็มตัว กับการทำงานที่ซิตี้แบงก์ ซึ่งเป็นที่ที่ทำให้พบกับความท้าทายใหญ่ครั้งที่ 2

“ผมได้เป็นเทรนนีที่ซิตี้แบงก์ ได้ฝึกงานฝ่ายห้องค้า ซึ่งที่นั่นผมได้รู้จักคุณโยธิน เจนวณิช ซึ่งเป็น Treasurer อยู่ ทั้งห้องมีอยู่ 30 คน แต่ทุกคนฟังแกคนเดียว แกเล่นกับตลาดเก่ง มีการชิงไหวชิงพริบ จิตวิทยาดี เล่นแล้วชนะ ทำให้เราได้เห็นองค์ความรู้ในตัวคนคนเดียวที่สามารถนำตลาดได้” ผยง กล่าวถึงประสบการณ์แรกในห้องค้า ซึ่งทำให้เจ้าตัวรู้สึกทึ่งกับงานที่ต้องทุ่มทั้งความรู้ ชั้นเชิง ไหวพริบ และทุกอย่างที่มีในตัวออกมาภายในช่วงเวลาของการเดิมพันนั้น ซึ่งผยงได้เรียนรู้ยุทธจักรของห้องค้าและสายงานอื่นๆ กว่า 20 ปี ก่อนจะข้ามฟากจากโกลบอลแบงก์ มารับบทใหม่ในวายุภักษ์แบงก์

ผยง เล่าว่า แม้สายงานและภารกิจปัจจุบันจะค่อนข้างกดดันไม่น้อย แต่ก็อาจเป็นเพราะเจ้าตัวชื่นชอบเรื่องการบริหารจัดการกับความเสี่ยง รวมถึงทำงานภายใต้แรงกดดันมาตลอดอยู่แล้ว จึงเชื่อมั่นว่าจะสามารถนำพาทีมไปได้ตามที่คาดหวังเอาไว้ 

“หลายคนบอกว่าผมชอบความท้าทาย สำหรับผมถึงจะมีความกดดันสูง แต่ก็มี Productivity สูงตามไปด้วย สังเกตดูเป็นอย่างนี้มาตลอดช่วงสิบปีที่ผ่านมา อยากทำอะไรที่ได้รับมอบหมายมาให้สำเร็จ และผมจะรีวิวตัวเองทุก 3 อาทิตย์ เพื่อทบทวนสิ่งที่เราทำมา

สำหรับกรุงไทย ตอนนี้เราเป็นแบงก์ขนาดใหญ่สุด แต่กำไรไม่ได้สูงสุดไปด้วย เราจึงต้องมีการปรับเปลี่ยนทรานส์ฟอร์เมชั่นกัน และ Global Markets ก็จะเป็นส่วนสำคัญไปสู่เป้าหมายของเรา” ผยง กล่าว

ข่าวล่าสุด

พลังงานคุมเข้มแท่นขุดเจาะอ่าวไทย สกัดโดรนป่วน ไม่กระทบการผลิต